ช่วงก่อนมีผื่นขึ้นที่ต้นแขนทั้งสองข้างมันไม่คันเลยนะ แต่รู้อีกที่คือเห้ยยย มาตอนไหนมาจากไหน ละเป็นผื่นแบบไม่น่ารัก เป็นวงๆตรงกลางสีน้ำตาลคล้ำๆ บวกกับมื้อเย็นวันนั้นกินปลาหมึก เริ่มคันที่แถวๆคอ ก็คือว่าอ่อ สงสัยแพ้อาหารทะเลทั้งๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยแพ้กินได้มาตลอด ก็คิดไปอาจจะพักผ่อนน้อยภูมิเลยตกด้วยมั้ง คิดไปเองก่อน ผ่านมาสักสองสามวันอิผื่นที่แขนยังอยู่และดูเหมือนจะแอบผลิตลูกหลาน เลยเริ่มนอยด์ละ และเริ่มเครียด เลยไปขอยาแก้แพ้จากเพื่อนมากินเพราะคิดว่าคงอาหารทะเลแหละ
เหมือนจะดีขึ้นเพราะไม่คันในวันต่อมา แต่มันเริ่มเป็นตุ่มผื่นชัดเจนที่คอ แบบไม่คันนะแต่ฉันยังอยู่ถ้าเธอทำอะไรกระตุ้นพวกเราละก็ พวกเราจะกลับมาคันแน่ๆจ้าาาาา ก็เลยตัดเลยอาหารทะเล ของแสลงพยายามกินอะไรแบบระวังที่สุด แต่แล้วมื้อเย็นก็มีปาร์ตี้หมูกะทะที่บ้าน เราก็ไม่กินอาหารทะเลแต่กิน เนื้อวัวและเนื้อแกะ เอาเลยจ้าาคืนนั้นกินยาแก้แพ้และเข้านอนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ที่คอคือคันมากกกก มากแบบทำให้เรานอนไม่ได้ แต่เราแบบมึงคันคันไปกูไม่เกา เพราะกลัวทิ้งแผลเป็นเเละกลัวมันลาม แต่ด้วยความที่กินยาแก้แพ้ไปไง มันทำให้ง่วง ง่วงแต่นอนไม่ได้ทรมานมาก ในระหว่างที่เริ่มมีอาการต่างๆก็พยายามถามพี่กูเกิ้ล จุดนี่ขำ เวลาบอกเพื่อนว่ามึงกูอ่านในกูลเกิ้ลแล้ว ยังไม่ทันจบประโยคเพื่อนบอกมึงแค่เป็นผื่นทั่วไปแต่พอมึงถามกูลเกิ้ลมึงจะกลายเป็นโรคร้ายแรงทันที และก็จริงอย่างที่มันว่า เพราะตอนแรกที่เราหาข้อมูลกูลเกิ้ลพยายามยัดเยียด ให้เราเป็นผื่นจากโรคโควิค....
เราเลยพยายามกรองข้อมูลและ สังเกตอาการตัวเองกับโรคผิวหนังบางชนิด ทำให้เราได้ข้อสันนิษฐานว่า เราอาจจะเป็น ผื่นกุหลาบ หรืออีกชื่อคือ ผื่นร้อยวัน ชื่อนางดูน่ารักนะ ผื่นกุหลาบแต่อาการไม่น่ารักอะ คันและทำให้ผิวเป็นรอยดำเหมือนผิวไหม้อะ ละมันลามฟิวอยากขึ้นเยอะแค่ไหนกูก็จะขึ้นวันนี้อารมณ์ดีไม่ขึ้นเพิ่มละดีว่าแค่ทำให้เราคันแบบพอเป็นพิธี แต่โชคดีที่เราไม่ขึ้่นตามลำตัว มีแค่ที่ต้นแขนและบริเวณคอ แต่แค่นั้นก็ทำให้เราเครียดมากพอแล้ว ตอนที่หาข้อมูลคือบางคนเป็นหนักมากขึ้นทั้งตัวและเป็นแบบห้าเดือนกว่าจะหาย เราก็ได้แต่หวังว่าเราจะไม่เป็นยาวนานขนาดนั้น พอได้อ่านข้อมูลก็ทำให้รู้ว่า มันเป็นโรคอินดี้ เกิดจากเชื้อไวรัส เพื่อนๆกับพวกคุณสุกคุณใส แต่ไม่ติดต่อ และเป็นแล้วเป็นเลย ไม่มีกลับมาเป็นอีก ไม่มียารักษาโรคโดยตรง การรักษาก็คือตามอาการ กินยาแก้ผื่น แก้คัน ทาครีมสเตียรอยด์ และกินยาฆ่าเชื้อ พอเราเดาว่าอะเข้าข่ายโรคนี้เลยบอก มะม้าและมะม้าก็บอกงด ไก่ ไข่ ของมักดอง อาหารทะเล อ่อ เนื้อวัวเนื้อแกะก็ห้ามนะลูก ละคือก่อนหน้านี้ไม่กินนะหมักดองอาหารทะเล แต่กินไก่ทุกมื้อ และเมื่อคืนเลย ปาร์ตี้เนื้อกะทะ.... เพราะคิดว่าไก่และเนื้อไม่เป็นอะไรหรอก สรุปไก่และเนื้อวัวก็คือตัวร้ายอีกตัว พวกสัตว์ปีกจะมีสารอะไรสักอย่างนี้แหละ เพราะของพวกนี้จะไปกระตุ้นให้คัน
พอรู้แหละก็อดจะไปหาหมอไม่ได้เพราะอยากได้คำตอบจากคนที่เค้ามีวิชาความรู้จริงๆ บวกกับซื้อยาที่นี่คือต้องมีใบสั่งจากคุณหมอ เลยตัอสินใจเออหว่ะไปหาหมอให้มันสบายใจซะ และเมื่อวานคือวันอาทิตย์คลินิคเปิดอยู่ไม่กี่อันและตอนนั้นสองโมงกว่า คลินิคที่ใกล้บ้านที่สุดปิดสามโมง เราก็รีบไป ไปหน้าคลินิคด้วยความที่ตอนนี้มันยังเป็นช่วงล้อคดาวน์เลเวลสาม ก็คือยืนรอหน้าคลินิค พนักงานต้อนรับ เป็นผู้ชายชาวคนเอเชีย ที่ไม่มีหัวใจในงานบริการสักเท่าไร ได้ฟิวเหมือนไปหาหมอโรงบาลรัฐบาลที่ไทยบางที่ บทสนทนามีประตูกระจกกั้น
พนักงานชายชาวเอเชีย :What do you want? ด้วยน้ำเสียงแบบป้าพยาบาลโรงบาลรัฐ
ผู้หญิงมอยๆชาวเอเชีย :I would like to see the doctor please
พนักงานชายชาวเอเชีย: ok
แล้วนางก็เดินหายไปอีกสักพักกลับมาพร้อมกระดาษเอสี่เปล่าๆให้เขียนชื่อวันเดือนปีเกิด และที่อยู่ เบอร์โทรระหว่างนั้นนางก็ถามข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม เป็นคนที่นี่ไหมมีถือวีซ่าอะไร เขียนลงไปด้วย เสร็จ นางบอกค่าเจอหมอ 75$ ต้องจ่ายก่อนแล้วถึงจะได้เจอหมอ เราก็มาถึงนี่แล้วอะจะกี่ร้อยกี่พันกูก็จ่าย เปล่าหรอกไม่ได้ตอบไปแบบนั้นอันนั้นคือสิ่งที่อยู่ในใจ ตอบไปแค่ว่า sure Thank you แล้วนางก็หายไปเราก็ยื่นรอแบบงงๆ ว่าแล้วยังไงต่อจ่ายยังไงที่ไหน สักพักมีข้อความเข้ามาทางมือถือว่าให้โอนเงินไปที่เลขบัญชีนี่ๆ แล้วก็ส่งหลักฐานการโอนมาที่อิเมลล์นี่ๆนะ เราก็กำลังจัดการตามนั้น ยังไม่ถึงสองนาทีนางเดินมาละ โอนหรือยังคลินิคปิดสามโมงนะ ตอนนั้นเราแบบเริ่มโมโหบวกรำคาญ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รีบโอนรีบส่งเมลล์ สักพักมีเบอร์แปลกโทรมา สรุปคือคุณหมอ โทรมาถามอาการเบื้องต้นว่าเป็นอะไรทำไมถึงมาหาหมอ อันนี้คิดว่าปกติคุณหมอคงไม่โทรมาคงไปเจอตัวเลย แต่เพราะโควิคน่าจะเป็นการกรองคนก่อนแบบถ้าเป็นไข้มา ไอ ก็คงให้ไปตรวจโควิคก่อนมาเจอหมอ เราก็บอกอาการเราไป คุณหมอก็บอกโอเค เดี๋ยวออกไปรับ ใช่ตอนนั้นเรายังอยู่หน้าคลินิค และพนักงานชายชาวเอเชียหายไปแล้ว เป็นคุณหมอที่ออกมารับเราเข้าไปที่ห้องตรวจ
หมอขอวัดอุณภูมิ ปกติดี พอเปิดให้หมอดูน้องผื่น หมอขอดูหลัง อะเปิดให้ดู หมอก็ อ่าาา อืมมม อ่าาา ทำท่าคะนึงคิด ถามคำถามเพิ่มเติมนิดหน่อย อ่าาา เหมือนจะแพ้อะไรมา หรือร่างกายoverheat เพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยน เราเลยหรือว่าเป็นอันนี้คะคุณหมอ ไม่กล้าอ่านชื่อภาษาอังกฤษเพราะไม่น่าจะอ่านถูกแน่ๆ เลยเปิดกูลเกิ้ลให้หมดดู หมอบอกเธอรู้ได้ไง ฉันก็คิดว่ามันเข้าข่ายอิผื่นนี่ แต่ว่าปกติมันจะขึ้นเยอะตรงลำตัวแต่ของเธอไม่มีเลยตามหลังและลำตัว แต่ถ้าเป็นผื่นกุหลาบจริงมันไม่มียารักษา แต่ไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงอะไร รักษาตามอาการ เอาเป็นว่าตอนนี้ หมอจะสั่งยากินแก้คัน กับยาทานะ แล้วถ้ามันยังคันมาก ดูแล้วไม่ดีขึ้น หมอจะให้ไปซื้อยาอีกตัวนะตัวนี้สำหรับผื่นกุหลาบ หมอขอตัวไปเขียนใบสั่งยา และกลับมาพร้อมกระดาษสองใบ ใบแรกสำหรับยาทาและกิน อีกใบสำหรับน้องผื่นกุหลาบ
ก่อนจากกันหมอบอกถ้ามันไม่ลำบากสำหรับเธองดอาหารแสลงๆต่างและหมอก็พูดประโยคเดียวกันกับมะม้า เลยถามถ้าไม่ดีขึ้นต้องมาเจอหมออีกเมื่อไร หมอบอกฉันจะโทรหาเธอไม่วันพุธก็วันพฤหัสว่าอาการดีขึ้นไหม เป็นยังไง เราเลยขอบคุณหมอแบบยกมือไหว้บวกกับปากที่พูดว่า Thank you Thank you คุณหมอเป็นคุณลุงชาวอินเดียที่ดูรู้เลยเป็นหมอจิตใจดีอะ คำพูดคำจา ละที่สำคัญใจเย็นมากก มีจังหวะที่หมออธิบายละใช้คำศัพท์ที่เราเข้าไม่ถึงหมอก็เปลี่ยนเป็นคำง่ายๆ บอกเราไม่ต้องกังวล พักผ่อนเยอะๆ คือเป็น 75$ ที่ไม่เสียดายอะ ถ้าตัดจังหวะประสาทแดกกับพนักงานต้อนรับคนนั้นไปคือไม่เลวเลย ถึงแม้จริงๆแล้วคุยกับหมอไม่ถึงสิบห้านาทีก็ตาม จบจากคุณหมอก็ถือใบสั่งยาไปเจอเภสัช เสียค่ายาไป 18$ ยาทาๆน่าจะแรงอยู่ให้ใช้ติดต่อกับได้แค่หนึ่งอาทิตย์แล้วต้องหยุดทันที ส่วนยากินก็ยาแก้คันแก้แพ้แบบไม่ง่วงทั่วไป กินวันละสองครั้ง
พอหาหมอเสร็จสบายใจละ และก็คิดได้ขึ้นมาว่า รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้โคตรจะจริง คำนี้ แบบตอนต้องเสียตังไปเจอหมออะจังหวะนั้นแบบนึกถึงประกันขึ้นมาทันที คืออันนี้มันไม่ได้เยอะอะไรหรอก แต่เราไม่เคยนึกถึงเลยเอาจริง คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรหรอก ยังหนุ่มยังแน่น แต่ลืมไปว่า มีอีกเป็นร้อยเป็นพันโรคที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยและความแข็งแรงของร่างกาย และเราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงต้องไปเจอคุณหมอด้วยสาเหตุอะไร ดังนั้นการมีประกันไว้คือเรื่องจำเป็นที่ควรจะทำ
ปล.ปิดจบแบบบริษัทประกันต้องเข้าแล้วปะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in