.
.
.
“ได้ดูหิมะแรกกันมั้ยครับทุกคน”
“มาร์คน่ะชอบมันมากๆเลยล่ะครับ”
คำพูดนอกสคริปที่อยู่ๆก็โผล่พรวดขึ้นมาเล่นเอาทุกจุดโฟกัสความสนใจจากคนบนเวทีและข้างล่างเวทีให้พุ่งตรงไปยังแจฮยอนเพียงผู้เดียวจะยกเว้นก็แต่เด็กน้อยที่โดนเอ่ยชื่อลากเข้าไปเกี่ยวในบทสนทนาที่อยู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาฉับพลันทันตาก่อนจะก้มใบหน้าซับสีแดงระเรื่อหนีงุดๆลมหายใจที่เพิ่งปรับให้เป็นปกติเพราะความเหนื่อยหอบจากการเต้นเมื่อครู่ก็เริ่มกลับมาติดๆขัดๆอีกครั้ง
ทำไมน่ะเหรอ
ก็คงเป็นเพราะ...
.
.
.
“พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้หิมะจะตก”
“อ่าฮะ”
“แล้วเมื่อไหร่มันจะตกสักทีอ่ะฮยอง?”
“เดี๋ยวมันก็ตกหน่าใจเย็นๆ”
“รอทั้งวันแล้วนะ” น้ำเสียงงุ้งงิ้งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์เต็มที “
บ่นกระปอดกระแปดจนพอใจก็มุดหายเข้าไปในผ้าห่มให้คนคอยโอ๋มาทั้งวันที่นอนซุกกายอยู่บนเตียงแคบๆใต้ผ้าห่มเดียวกันข้างๆต้องแอบลอบหายใจออกมาเบาๆเพราะกลัวว่าถ้าหากเกิดไปหายใจดังเข้าอาจไปสร้างเรื่องชวนงอนให้เค้าต้องปวดหัวขึ้นกว่าเดิม
วันนี้ตารางซ้อมมีแค่ช่วงเช้าทำให้เด็กน้อยที่ตั้งหน้าตั้งตารอหิมะมาหลายวันได้มีเวลาใจจดใจจ่อคาดหวังในสิ่งที่กำลังมาถึงแต่คอยแล้วคอยเล่าหิมะที่มาร์คเฝ้ารอก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมตกลงมาง่ายๆสักทีความสุขกับการรอคอยที่เริ่มลดหดหายลงเรื่อยๆจนแปรเป็นอารมณ์บูดเข้ามาแทนที่ให้แจฮยอนรู้สึกเริ่มปวดหัวขึ้นมาตุบๆเพราะไม่รู้จะขุดวิธีไหนขึ้นมาเบี่ยงเบนความสนใจเด็กงอแงต่อไปแล้ว
“อยากกินอะไรมั้ยเดี๋ยวฮยองทำให้” หนังสือที่อ่านค้างอยู่ในมือของแจฮยอนถูกวางลงก่อนที่มือใหญ่คู่นั้นจะเลื่อนผ้าห่มให้เปิดออกเพื่อเรียกความสนใจของเด็กน้อยให้กลับมาอยู่ที่ตัวเค้าดั่งเช่นเดิม
“ไม่เอาจะรอหิมะ” แต่เด็กงอแงที่ยังติดอยู่ในอารมณ์หงุดหงิดกลับส่ายหน้าปฏิเสธแล้วพลิกกายหนีไปอีกข้างไม่ยอมคุยด้วยต่อให้แจฮยอนต้องงัดวิธีสุดท้ายด้วยการใช้ขยับพลิกตัวเองขึ้นกดทับร่างมาร์คเอาไว้ไม่ยอมให้เด็กน้อยได้หันกายหนีไปไหน
“เจย์!!”
“ถ้ายังจะงอแงสนใจหิมะมากกว่าฮยองก็อยู่มันท่านี้จนกว่าหิมะจะตกนั่นแหละ”
“เจย์ตัวหนัก! ลงไปเดี๋ยวนี้!”
แจฮยอนไม่ปล่อยให้มาร์คโวยวายอะไรต่อมากไปกว่านั้นใบหน้าคมก็ก้มลงจัดการโดยการจรดริมผีปากตนเข้าหากลีบปากสีสดของอีกคนมอบสัมผัสนุ่มละมุนให้เชื่อมต่อกันและกันรสจูบที่ค่อยละเลียดชิมความหอมหวานไปเรื่อยๆจนแปรเปลี่ยนให้เด็กน้อยที่มีทีท่าว่าจะปฏิเสธในตอนต้นเริ่มคล้อยตามใบหน้าน่ารักที่เอียงเปลี่ยนองศากับมือเล็กที่ทาบอยู่ตรงต้นคอให้ตอบรับรสจูบได้ล้ำลึกและแนบแน่นมากยิ่งขึ้นกว่าเคยให้เวลาไหลผ่านไปช้าๆดึงดูดคนสองคนให้ตกอยู่ในช่วงต้องมนต์กับรสสัมผัสอันคุ้นเคย
“ต่อมั้ย” ริมฝีปากชุ่มฉ่ำทั้งสองที่ผละออกจากกันพอให้มาร์คได้โกยลมหายใจเข้าไปได้เต็มปอดแต่แจฮยอนก็ยังสนุกกับการกลั่นแกล้งด้วยการก้มลงไปดูดเม้มกับกลีบปากที่เผยอออกอย่างยั่วยวนนั้นอีกครั้ง
ชักจะติดใจความหวานจนไม่อยากพอขึ้นมาซะแล้วสิ...
“ไม่เอาแล้วเจย์...พอแล้ว...” คำเอ่ยห้ามคลอปนกับเสียงลมหายใจเหนื่อยหอบและแรงทุบเบาๆตรงบริเวณแผ่นอกของแจฮยอนเพื่อส่งสัญญาณบอกว่ามาร์คไม่ไหวแล้วเพราะถ้าขืนปล่อยให้เกินไปกว่านี้คงได้เลยเถิดไปไกลจนเป็นเรื่องแน่ๆไหนจะตารางงานที่จะมีจ่อรออยู่ในวันพรุ่งนี้อีก
แล้วอีกอย่าง...
ก็ไม่ได้อยู่กันสองคนในห้องซะหน่อย
“อะแฮ่มๆ” เสียงไอค่อกแค่กอย่างจงใจสอดบอกให้รู้ว่ายังมีอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในห้องอีกคนอย่างยูตะที่นั่งเงียบเหงาอยู่ในมุมมืดนานแล้วเพราะโดนตัดออกจากสารบบของคู่รักมาได้สักพักใหญ่ “เกรงใจกันนิดนึงนะครับคู่รักครับ”
“ลงไปได้แล้วนะฮยองหัดอายยูตะฮยองบ้างเหอะ” แรงทุบที่ลงแรงลงไปมากกว่าเดิมอีกครั้งให้คนพี่ที่ยังทำหูหวนลมไม่รู้จักพอได้รู้สึกเจ็บและยอมยกตัวออกจากร่างของเด็กน้อยไปในที่สุดแต่ใช่ว่าแจฮยอนจะยอมให้เด็กน้อยไปไกลห่างตัวด้วยการไล้สันจมูกไปกับผิวแดงระเรื่อไม่ห่างเป็นการกระทำที่ชวนให้ยูตะนึกเบ้ปากในใจ
ถ้าจะขนาดนี้ก็ไม่ต้องอายแล้วครับท่านน้องทั้งสองครับ...
“จอง แจฮยอน!!!” น้ำเสียงเน้นเต็มชัดทุกพยางค์ในการเรียกชื่อที่ทำแจฮยอนยอมหยุดการกระทำในที่สุดแต่ก็ยังไม่เลิกแกล้งด้วยการสอดส่องสายตาไปทั่วใบหน้าของเด็กแก้มแดงที่เริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก
จะมาไม้ไหนอีกล่ะ
“มองอะไรนักหนา” เด็กน้อยที่เริ่มงอแงอีกครั้งเมื่อโดนสายตาที่เริ่มจ้องนานเกินไปแล้วจนพาลให้เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงหาเรื่องกับสายตาขุ่นๆที่ตวัดมองใส่
“ผมนายมัน…
เอาจริงๆแล้วมาร์คก็ไม่ถูกใจกับทรงผมแบบนี้สักเท่าไหร่หรอก
แต่แค่คิดว่าอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ให้กับตัวเองบ้างแต่มันคงไม่แปลกไปในทางแย่ขนาดนั้นใช่มั้ย
“แปลกมากเลยหรอ?” ถามอีกครั้งเผื่อยืนยันว่าแจฮยอนไม่ได้แค่เอ่ยแกล้งกัน
“ฮยองว่าทรงนี้มันทำให้หน้ามาร์คดูโทรมลงกว่าเดิมสามสิบเปอร์เซ็นต์”
“จริงดิ?”
ทันทีที่ได้รับการพยักหน้าเป็นการยืนยันในคำถามมาร์คก็ไม่รอช้าให้แจฮยอนต้องเอ่ยซ้ำกับคำพูดที่จะออกมาทำร้ายความมั่นใจให้ลดทอนลงไปร่างที่เคยกลิ้งกายอย่างเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงรีบเด้งตัวลุกเข้าห้องน้ำเพื่อสำรวจใบหน้าตนเองให้ชัดว่าเป็นอย่างที่คนพี่พูดจริงมั้ย
“ยูตะฮยองผมทรงนี้ทำให้มาร์คหน้าแปลกไปจริงๆหรอ”
“อะ...เอ่อ คงงั้นมั้ง” คำตอบเอ่อๆออๆ ที่แกล้งตอบส่งๆไป เพราะโดนสายตาขยุกขยิกที่ส่งมาบังคับจากแจฮยอน
“ไม่เชื่ออ่ะยูตะฮยองชอบแกล้งมาร์ค” และก็ไม่เกินคาดกับคำตอบที่กะไว้แล้วว่าจะไปในทิศทางไหนจากยูตะทำให้ข้อข้องใจในความคิดของมาร์คยังได้ข้อสรุปไม่มากพอใบหน้าตื่นๆกับคำถามเดิมที่วนอยู่ในหัวเพราะเรื่องหน้าตาแปลกๆจึงรีบพรวดพราดออกไปหาฮยองอีกคนที่อยู่อีกห้องไม่ไกลฮยองผู้ที่มาร์คเชื่อได้อย่างสนิทใจว่าจะไม่มีวันแกล้งล้อเล่นหรือโกหกเค้าแน่ๆ “แทยงฮยองงงงงง”
เพราะร่างไวๆที่วิ่งออกจากห้องไปแล้วจึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่ระบายออกคล้ายกับว่ากำลังมีความสุขกับสิ่งที่เพิ่งลงมือแกล้งด้วยประเด็นอ่อนไหวที่สุดท้ายแล้วก็สามารถเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของเด็กน้อยไปยังจุดอื่นนอกจากเรื่องหิมะได้จนสำเร็จ
ก็ไม่ได้อยากแกล้งนักหรอกแต่แค่ชอบใบหน้าวุ่นๆตอนทำอะไรไม่ถูกก็แค่นั้น...
มันน่ารักดี...
“ไปแกล้งน้องแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนโกรธอีกหรอก”
“ผมพามาร์คไปเดินเล่นแถวนี้นะ”
คล้อยหลังแจฮยอนที่เดินออกไปจากห้องไม่นานนักเด็กน้อยที่ได้วิ่งเข้าห้องนู่นทะลุออกห้องนี้จนได้รับคำตอบยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตามันไม่ได้ดูแย่อะไรเรียวขาขาวที่พาเจ้าของร่างเดินตึงตังกลับมาพร้อมกับดวงตากลมๆที่ฉายแววดุและคิดจะเอาเรื่องกับฮยองผู้เป็นต้นเหตุที่ยืนรออยู่หน้าห้องแล้วให้ได้
“ฮยอง!แกล้งหลอกมาร์คทำไม!?”
ถ้ามันเป็นคำพูดจากคนอื่นมาร์คคงไม่ใส่ใจที่จะฟังแต่นี่มันคือคำพูดจากฮยองที่เป็นคนรักจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยคงเป็นไปไม่ได้
มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากดูดีในสายตาของคนที่ตัวเองรัก...
“มีแต่คนชมมาร์คไม่เห็นมีใครบอกเลยว่ามันแปลกมันโทรม”
ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วในเมื่อเจ้าตัวเป็นเมมเบอร์ที่คนโตกว่าก็พากันเอ็นดูทั้งยังเอาอกเอาใจส่วนคนอายุน้อยกว่าก็พากันชมเช้าชมเย็นใครมันจะไปกล้าตอบอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจเด็กหน้าเด๋อๆแบบนี้ได้ลงกันล่ะ
แต่คงต้องยกเว้นไว้สักสองคนสามคนอย่างแจฮยอนยูตะฮยองแล้วแฮชานล่ะนะ
“แล้วฮยองบอกหรือยังว่ามาร์คไม่น่ารัก”
“ออกไปเดินเล่นกับฮยองนะ”
.
.
.
“โกรธฮยองหรอ”
เด็กน้อยที่ไม่ยอมปริปากเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วตามนิสัยตั้งแต่ออกจากหอมาด้วยกันพอถามไปหนึ่งคำก็แทบไม่อยากจะขยับปากตอบคืนกลับมาเป็นอาการที่แจฮยอนไม่ต้องเสียเวลาคิดนานก็สามารถบอกได้เลยว่ามาร์คกำลังงอนเค้าอยู่ชัวร์ๆ
“เปล่า”
แม้จะส่ายหน้าปฏิเสธเป็นการยืนยันสุดชีวิตแต่ก็ยังหลบสายตาไม่ยอมหันมามองคู่สนทนาที่อยากคุยด้วยแต่แล้วเรียวขาที่พยายามก้าวยาวๆเดินนำหน้าก็ถูกทำให้ชะงักเพราะข้อแขนเล็กที่โดนฉุดรั้งไว้ด้วยมือใหญ่จากแจฮยอนที่ต้องการคุยกันให้รู้เรื่องมากกว่าปล่อยอารมณ์ให้ค้างคาทำคนทั้งสองตกอยู่ในช่วงเวลาขุ่นมัวแบบนี้
“ถ้าเปล่าก็หันมาคุยกับฮยองหน่อยได้มั้ยครับคนดี”
“ถ้ามาร์คบอกแล้วฮยองห้ามหัวเราะนะ”
“ไม่หัวเราะแน่นอนครับ”
“มาร์คไม่ได้โกรธฮยองแต่แค่รู้สึกไม่มั่นใจ”ดวงตากลมที่ช้อนขึ้นมองพร้อมกับริมฝีปากแดงสดที่เม้มเข้าหากันแน่นก่อนที่จะยอมบอกกล่าวความรู้สึกในใจที่เก็บกักไว้ในที่สุด
“ไม่มั่นใจ?”
“ก็ฮยองเป็นคนพูดว่าหน้ามาร์คมันดูแปลกไปมาร์คก็เลยรู้สึกไม่มั่นใจเวลาที่ยืนอยู่ข้างๆมาร์คก็อยากดูดีในสายตาเจย์ตลอดเวลาเหมือนกันนะ”
สาเหตุของความไม่มั่นใจที่ทำเอาคนเป็นต้นเหตุนึกอยากตบปากตัวเองให้เจ็บหนักๆที่เผลอพููดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิดให้รอบคอบเพราะเค้ามาร์คเลยเป็นกังวลและเป็นเพราะเค้ามากเลยต้องคิดมาก
เพราะแกแท้ๆเลยจองแจฮยอนเอ๊ย!
“เจย์ขอโทษนะมาร์ค”
“มาร์คที่เป็นแบบนี้ก็ดีพอสำหรับเจย์แล้วครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความรักกับการกระทำนุ่มนวลและทะนุถนอมราวกับเด็กน้อยเป็นสิ่งล้ำค่าด้วยการเลื่อนหลังมือไปไล้ผิวแก้มบอบบางที่ต้องกับอากาศหนาวได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “ไม่ต้องน่ารักไปกว่านี้หรอกแค่นี้หัวใจเจย์ก็รับแทบไม่ไหวอยู่แล้ว”
“หิมะตกแล้วล่ะ”
และแล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยของมาร์คก็สิ้นสุดลงเมื่อเกล็ดหิมะสีขาวสะอาดค่อยๆร่วงหล่นโปรยปรายให้อุณหภูมิที่เย็นจัดอยู่แล้วลดต่ำลงเรื่อยๆจนแจฮยอนอดห่วงเด็กน้อยที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ต้องรีบจัดแจงชุดเสื้อคลุมตัวหนาให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะยกฮู้ดขึ้นคลุมกระหม่อมบางเป็นการปิดท้ายอย่างไม่ยอมให้ละอองหิมะได้ลอดผ่านง่ายๆแม้แต่เศษเสี้ยว
“ฮยองไม่ได้หยิบร่มมาด้วยสิกลับเลยมั้ย? เดี๋ยวมาร์คจะป่วยเอาซะก่อน”
หากแต่เด็กน้อยที่แจฮยอนห่วงแสนห่วงกลับรั้งแจฮยอนไว้ให้อยู่ที่เดิมด้วยแขนเรียวเล็กที่เอื้อมออกไปโอบล้อมรอบลำคอก่อนจะขยับร่างการให้เข้าไปใกล้ชิดจนได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
เสียงหัวใจของคนทั้งคู่ที่มันเต้นรัวแรงไม่เป็นจังหวะยากต่อควบคุม...
และเป็นเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวเพราะความรักที่หล่อเลี้ยงหัวใจจากคนทั้งสอง...
“ฮยองรู้มั้ยทำไมมาร์คถึงตั้งใจรอหิมะแรกขนาดนี้” มือใหญ่ที่ถูกชักนำให้รวบไปแตะประคองใบหน้าก่อนที่มาร์คจะเป็นเป็นฝ่ายเอียงแก้มเข้าหาให้แนบชิดกับฝ่ามือนั้นมากยิ่งขึ้น “เพราะมันเป็นปีแรกที่มาร์คได้เห็นหิมะแรกพร้อมกับเจย์ในฐานะคนรัก”
“มาร์คขอให้เราจับมือกันไว้แน่นๆค่อยๆเดินไปด้วยกันเรื่อยๆแบบนี้ไปนานๆนะ”
การกระทำอย่างน่าเอ็นดูที่ถูกใจแจฮยอนจนไม่รู้จะบรรยายเป็นตัวอักษรได้มากมายขนาดไหนกับรอยยิ้มที่กำลังระบายออกเพื่อบ่งบอกว่ามาร์คกำลังมีความสุขมากเพียงใดกับการที่มีแจฮยอนอยู่ตรงนี้และแม้ว่าสิ่งที่น้ำเสียงหวานระรื่นหูนั้นกำลังเอื้อนเอ่ยจะไม่ใช่คำบอกรักแต่กลับทำให้หัวใจคนฟังอบอุ่นไปทั้งใจเพราะนานนับครั้งกว่าที่มาร์คจะเป็นฝ่ายแสดงออกให้รู้ว่ารักแจฮยอน
ไม่บ่อยแต่กลับสุขหัวใจทุกครั้งที่ได้รับ...
“มาร์คของเจย์น่ารักเกินไปแล้วน้าาาา”รอยยิ้มอ่อนละมุนที่ชวนให้คนมองใจละลายและอบอุ่นท่ามกลางอากาศความหนาวเย็นส่งมอบให้พร้อมกับอ้อมแขนวงโตที่โอบกระชับเอาร่างของเด็กน้อยมาไว้ในกายให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นก่อนจะยื่นใบหน้าคมเข้าไปกดประทับรอยจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล
“เจย์คนมองกันเต็มแล้ว”
สายตาหลายสิบคู่ที่จดจ้องมายังคนทั้งสองให้มาร์คต้องเอ่ยเสียงปรามคนตรงหน้าที่มีทีท่าว่าจะยังไม่ยอมขยับถอยตัวออกห่างไปง่ายๆคล้ายกับว่าแจฮยอนคงลืมไปแล้วว่าสถานที่ที่พวกเค้าสองคนกำลังแสดงความรักต่อกันและกันนั้นมันคือข้างทางเท้าที่มีผู้คนเดินสวนทางไปมาไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว
หากแต่สุดท้ายแล้วคำปรามกลับกลายเป็นเป็นคำยุไปซะอย่างนั้นเมื่อแจฮยอนทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยการโอบเอาร่างของมาร์คเข้ามาเบียดแนบชิดมากกว่าที่เป็นก่อนที่มือใหญ่จะเลื่อนไปกระชับฮู้ดเสื้อโค้ทตัวหนาให้มันปกปิดใบหน้าของเด็กน้อยให้พ้นจากสายตาของคนรอบข้างมีแต่แจฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็น
“แค่ตอนนี้ในสายตาเจย์กับมาร์คมีแค่เรามันก็พอแล้วนี่ครับ”
ใบหน้าคมที่โน้มเข้าใกล้เรื่อยๆพร้อมกับถ้อยคำกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงคนสองคนก่อนจะปิดท้ายด้วยการปรับองศาให้ริมฝีปากนุ่มได้จุมพิตที่ริมฝีปากสีแดงสดพอดิบพอดีมอบสัมผัสหวานละมุนละไมและชวนให้ติดตราตรึงในหัวใจไปนิจนิรันดร์
“เจย์รักมาร์คนะ”
.
.
.
การแสดงจบลงแล้วจบลงพร้อมกับคำตอบที่ต้องเตรียมไว้ในหัวมากมายสำหรับคำถามที่พร้อมจะยิงมาทันทีที่มาร์คก้าวข้ามผ่านธรณีประตูกลับไปที่หอพักเพราะประโยคนอกสคริปที่อยู่ๆก็โผล่พรวดพราดขึ้นมากลางวงสนทนาราวกับอยากประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้
ไอ้ฮยองบ้า!
เตรียมย้ายหมอนย้ายผ้าห่มไปนอนที่โซฟาได้เลย!!
แต่ไหนๆก็ไหนแล้ว...
“เดี๋ยวก่อนดิฮยอง”
มือเล็กยื่นไปรั้งชายเสื้อของคนเป็นพี่ที่กำลังจะก้าวขาเดินนำหน้ากลับไปที่รถให้หันกลับมาหาพร้อมกับกระตุกดึงเบาๆแล้วปล่อยออกเมื่อเห็นว่าแจฮยอนหันกลับมาเลิกคิ้วขึ้นทำหน้าเจ้าเล่ห์สงสัยใส่ให้มาร์คต้องรีบหลบสายตาหันไปมองตรงไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ใบหน้าหล่อๆที่วนเวียนติดอยู่ในความคิดทั้งวันนั่นเพราะเหตุการณ์กลางทางเท้าเมื่อวานที่นึกถึงทีไรก็ชวนให้หน้าให้หูเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นซะทุกที
“มาร์คยังไม่ได้บอกฮยองเลย”
ขาเรียวขาวที่ก้าวเข้าไปหาแจฮยอนเพื่อเบียดกายตนให้แนบชิดก่อนที่มาร์คจะโน้มคอคนโตกว่าลงมาให้ใกล้กันมากกว่าเคยเพื่อให้ได้แนบริมฝีปากสีสดของตนขึ้นไปแตะประทับกับริมฝีปากนุ่นของแจฮยอนมอบสัมผัสแผ่วเบาในช่วงเสี้ยววินาทีสั้นๆก่อนจะรีบจ้ำก้าวเร็วๆตามให้ทันกับกลุ่มเมมเบอร์ที่เดินนำไปก่อนหน้าแล้ว
ร่องรอยการกระทำที่เหลือไว้เพียงลมหายใจอุ่นๆและคลอเคลียด้วยไอร้อนจางๆที่ยังไม่ทันไม่หายไปให้คนถูกทิ้งไว้หัวเราะชอบใจกับการกระทำของเด็กน้อยที่กล้าหาญฉวยโอกาสกับตนทีเผลอ
แม้ไม่ใช่สัมผัสล้ำลึกอย่างที่แจฮยอนชอบสร้างรอยฝากทิ้งไว้ตามร่างกายของเด็กน้อยแต่กลับเป็นสัมผัสแผ่วเบาอย่างไม่ประสาและทิ้งความอบอุ่นเอาไว้จางๆกับถ้อยคำหวานหูที่ชวนให้รู้สึกดีทุกครั้งในยามได้หวนกลับไปคิดถึง
“มาร์คก็รักเจย์เหมือนกันนะ”
กลับถึงหอเมื่อไหร่จะไม่ปล่อยลงจากเตียงเลยคอยดู!
.
by... dereine_
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in