เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Afternoon and Good nightreeiinee_
Like a Romance Comics #JaeMark
  • Angel - NCT 127

    .

    .

    .



    เด็กน้อยผู้แสนงดงาม ผมชอบคุณนะ ชอบคุณมากๆเลย...

    นี่มันรักแรกพบชัด ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะ...


     

    วันนี้ฝนตก...

     

    ทั้งๆที่ฤดูกาลได้หมุนเปลี่ยนก้าวสู่เข้าความหนาวเย็นแล้วแท้ๆ แต่กลับมีฝนหลงฤดูผ่านมาทักทาย ความแปรปรวนของอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้จนหลายครั้งก็นึกหงุดหงิดขึ้นมากับความเปียกแฉะที่มักเวียนมาพบเจอกันในช่วงเวลาเร่งรีบอย่างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า

     

    บางทีอาจจะเป็นเพราะก็อบลินที่กำลังเศร้าโศกอย่างในซีรี่ย์เรื่องดังที่กำลังฉายได้กล่าวไว้ล่ะมั้ง

    แต่มันจำเป็นที่ต้องเศร้าโศกทุกวันแบบนี้เลยหรอ!?

     

    แต่สำหรับฝนในช่วงเวลานี้ของจองแจฮยอนมันช่างเป็นอะไรที่น่าถูกใจยิ่งกว่าสิ่งใด เพราะมันมักจะนำพาคนที่มาพร้อมกับความบังเอิญมาให้เจอเสมอ ฝนที่ตกในวันธรรมดาที่ควรเป็นเรื่องธรรมดาดั่งเช่นทุกวันหากแต่วันนี้มันกลับมีเรื่องราวชีวิตให้มีสีสันต่างจากที่เคยเป็นอยู่ออกไปและดูท่าว่าจะมีรสชาติหอมหวานไม่ใช่น้อยซะด้วย

     

    บนฟุตบาตระหว่างสองฝั่งข้างถนนที่มีเลนรถวิ่งแทรกกลาง กับปริมาณผู้คนล้นหลามที่ยืนเบียดเสียดกันในช่วงเวลาเร่งรีบยามเย็นเพื่อรอข้ามฝั่ง และในทันทีที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นอีกสีผู้คนที่เคยยืนเบียดชิดกันก็พากันกรูวิ่งข้ามโดยไม่สนใจว่าจะชนกับใครหรืออะไร

     

    ความเบียดเสียดที่ทำให้แจฮยอนก้าวเบี่ยงตัวและก้าวถอยหลังออกจากฝูงชนสองสามก้าว ตัดสินใจไม่เข้าไปแย่งชิงพื้นที่กับกลุ่มคนเหล่านั้นจะดีกว่าเพราะไม่ช้าหรือเร็วยังไงซะเค้าก็ต้องได้ข้ามไปอีกฝั่งอยู่แล้ว รออีกสักไฟแดงคงไม่เป็นอะไร

     

    หากแต่ในวินาทีที่ไม่ทันระวัง... 


    มือที่ควรจับคันร่มในมือไว้ให้แน่กลับคลายออกอย่างไม่ทราบสาเหตุแล้วปล่อยให้สิ่งที่อยู่ในมือรั้งขึ้นไปสูงตามแรงลม ให้ใบหน้าที่เคยก้มต่ำเงยขึ้นน้อยๆพร้อมกับเสี้ยวหน้าที่ถูกบดบังจากตัวร่มได้เปิดออก

     

    ในวินาทีนั้น...


    ที่ราวกับว่าโลกรอบตัวหยุดหมุนขึ้นมาฉับพลับทันใดเพียงแค่ได้มองสบตา

     

    ในวินาทีนั้นที่ปล่อยให้มันเดินไปกับเวลาช้าๆ... 


    กับดวงตาเรียวที่เผลอหันไปมองสบเข้ากับดวงตากลมๆของคนที่หัวสมองไตร่ตรองออกมาแล้วแล้วว่าน่าจะอายุน้อยกว่าที่ก้าวผ่านตัวเค้าไปราวกับเป็นภาพช้า มันช่างเป็นภาพเชิญชวนให้ติดตาจนถึงกับต้องหันเหลียวไปมองตามอง จนกระทั่งคนๆนั้นละสายตาหายไป

     

    กับความคิดที่ติดอยู่ในใจที่อดสงสัยไม่ได้ว่า...

    เมื่อกี้นี้น่ะเป็นคนหรือนางฟ้ากันแน่?

     

    ก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้ถูกดึงดูด

    สวยมั้ย? ก็เคยเห็นที่สวยกว่านี้เยอะแยะ

    แต่ว่าสวยประมาณนี้ น่ารักประมาณนี้ ตากลมด้วยนิดๆ กับปากเล็กๆด้วยอีกหน่อย แบบนี้แหละที่มันตรงกับใจพอดีเป๊ะ 

    มันใช่เลย!

     

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรอยยิ้มสดใสในวินาทีนั้นที่ไม่รู้ว่าคนส่งมาตั้งใจมอบให้ตนหรือไม่ แต่มันก็ดึงดูดให้คนมองอยู่ต้องยิ้มตาม

     

    กับจังหวะหัวใจที่มันสั่นไหวแปลกๆ และเต้นรัวดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีใครสักคนมาลั่นตีกลองชัยอยู่ข้างในหัวใจดวงนี้

     

    แบบนี้หรือเปล่านะที่เค้าเรียกว่า... 

    รักแรกพบ’...

     


    ผมไม่คิดเลยว่าผมจะเจอนางฟ้าที่แสนงดงามบนโลกใบนี้...

    ตอนที่ผมพบคุณครั้งแรก คุณส่องประกายเหมือนกับนางฟ้าที่เพิ่งลงมาจากสวรรค์เลย...

    ทำไมคุณถึงงดงามได้ขนาดนี้เลยนะ...

     


     .

    .

    .

     


    คุณครับ คุณชื่ออะไรหรอ?...

    ไม่สิ นั้นไม่ใช่คำแรกที่ผมควรถามคุณเลย...

    แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ดูจะเหมาะกับคนสวยๆแบบคูณทั้งนั้น...

    เพราะว่านางฟ้าของผม คือคุณไง...

     


    ความบังเอิญวันก่อนนู่นที่ทำให้กลับมานั่งใช้ความคิดอยู่นานก็นึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าที่นางฟ้าสวมใส่เหมือนกับเครื่องแบบม.ต้นของตัวเองที่เคยสวม และก็จริงตามนั้นเมื่อความบังเอิญเมื่อวานระหว่างที่เดินสวนกันเปลี่ยนคาบเรียน ที่ราวกับว่าเหตุการณ์วันแรกวนฉายภาพซ้ำให้กลับมาเกิดขึ้นใหม่

     

    สายตาที่สบมองกันและรอยยิ้มหวานที่ส่งมาจนร่วงหล่นลงไปในหลุมรักอีกครั้ง...

     

    ทั้งๆที่อยู่มาร้อยวันพันปีจนจะเรียนจบม.ปลายอยู่แล้วแท้ๆ แต่ความบังเอิญเพิ่งจะมาทำงานอะไรตอนนี้!!

     

    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ความบังเอิญหมุนเวียนมาชนกับความอยากเจอ เป็นความบังเอิญที่พระเจ้าช่างเมตตาลูกหมูตาดำๆคนนี้ได้อย่างสุดซึ้ง

     

    แต่ก็นั่นแหละ ความบังเอิญที่มาติดกันจนเกินไปมันช่างแปรผันกับความกล้าที่ลดลงฮวบฮาบ พอเจอนางฟ้าแต่ละทีแจฮยอนคนกล้าไม่เคยจะมี มีแต่แจฮยอนคนขี้ขลาดที่ยืนอยู่ตรงนี้ที่ปล่อยเวลาให้ไหลผ่านไปกับการแอบมองอยู่เรื่อยๆ

     

    อาจเป็นเพราะหัวใจที่ยังไม่สามารถบังคับให้เต้นเป็นปกติได้ก่อนเข้าไปคุย

    หรืออาจเป็นเพราะความลังเลที่มัวแต่ปล่อยให้ความกังวลมันตีกันไปมาในความรู้สึก

    หรือเพราะอะไรสักอย่างก็ตามแต่ที่ตัวเค้าเองก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน รู้แค่ว่าตากลมๆกับรอยยิ้มสดใจนั่น เผลอมองตามทีไรหัวใจมันแพ้ทางซะทุกที

     

    ทำไมวันนี้กลับเย็น 


    แต่แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามคำถามนั้นออกไปทั้งๆตั้งใจว่าวันนี้จะแอบตามอยู่ห่างๆ แอบมองอยู่เงียบๆให้พอสุขใจไปวันๆจนกว่าจะกล้าแล้วแท้ๆ

     

    แจฮยอนไม่รู้ตัวสักนิดว่าเค้าขยับตัวเข้าไปใกล้เด็กน้อยคนนี้ให้ไปยืนเผชิญหน้ากันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวพอๆกับคันร่มที่อยู่ในกำมือที่ยื่นออกไปเพื่อกันไม่ให้นางฟ้าตัวน้อยโดนละอองฝน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีใบหน้าของเด็กตัวเล็กกว่าที่แหงนเงยขึ้นมองเนื่องจากความสงสัยใคร่รู้กับคำถามและการกระทำ ที่ทำให้แจฮยอนถึงกับสะดุ้งขึ้นมานิดๆพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองเผลอพลาดหลุดทำอะไรไม่ค่อยเข้าท่ากับคนที่ไม่รู้จักกันและเพิ่งเจอกันตรงๆแบบนี้ครั้งแรกออกไปเสียแล้ว

     

    เผลอปล่อยไก่ตัวโคตรโตเลย จองแจฮยอนเอ้ย!!

     

    ก็...ปกติมอต้นเลิกเร็วกว่ามอปลายนี่ คำอธิบายที่ไม่ช่วยอะไรแถมยิ่งทำให้บทสนทนาต่อไม่ติดยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดวงตากลมคู่ที่ยิ่งจ้องก็ยิ่งสื่อความหมายไปในทางฉงนกว่าเก่าให้แจฮยอนยิ้มน้อยๆส่งกลับไปแก้เกอ แถไม่เนียนเลยใช่ม่ะ


     "..."


    ยังไงดีล่ะ 


    เรียวนิ้วยกไปเกาศีรษะแกรกๆอย่างขอเวลาใช้ความคิดว่าจะเริ่มอธิบายยังไงให้ตัวเองดูโรคจิตน้อยที่สุด

     

    คงไม่ใช่ว่าโดยเกลียดไปแล้วหรอกนะ T__T

     

    คือ...”

     

    ครับ?

     

    “...พี่แอบตามเรามาได้สักระยะหนึ่งแล้วแต่ไม่กล้าเข้าไปคุยด้วย ขอโทษนะ

     

    ใบหน้าที่ควรฉายความหล่อให้คนอื่นเห็นตลอดเปลี่ยนเป็นจ๋อยสนิทเมื่อตัดสันใจเอ่ยความจริงออกไป โอเคว่าเค้าอาจจะโดนนางฟ้าโกรธแต่อย่างน้อยก็ยังพอทำใจให้สู้ต่อไปไหว

     

    แต่ถ้าโดนเกลียดขึ้นมาจริงๆ... 

    โลกของแจฮยอนคนนี้คงสลายลงไปในฉับพลันพริบตาเดียวเลยแน่ๆ

     

    หากแต่ว่าโลกของจองแจฮยอนก็ยังคงหมุนวนดำเนินต่อไป เมื่อใบหน้าที่เจื่อนสนิทนั้นมันกลับสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนที่กลั้นขำไว้และพยายามไม่แสดงออก แต่ในที่สุดก็ดังเล็ดลอดส่งเสียงขึ้นมาทำลายบรรยากาศท่ามกลางความเงียบงันระหว่างคนทั้งสองเข้าจนได้ ให้คนหล่อที่ใบหน้าเหลือเพียงอาการเหวอสุดๆยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปซะทุกที...


    ทุกที...

     

    แต่คิดในแง่ดีก็แล้วกัน เอาเป็นว่าเสียงหัวเราะแบบนี้ที่มีความหมายไปในทางดีว่านางฟ้าตัวน้อยตนนี้ไม่เกลียดแจฮยอนก็พอแล้ว

     

    เราเคยเจอกันแล้วครับผมจำรุ่นพี่ได้ เวลาที่เดินผ่านไปสองสามนาทีกว่าเด็กน้อยจะตั้งสตินึกได้ว่าตนเผลอทำตัวเสียมารยาทกับคนโตกว่าออกไป สติที่เพิ่งกู้กลับมาค่อยๆเปลี่ยนเสียงหัวเราะให้เหลือเพียงรอยยิ้มสดใสเข้ามาแทนที่ ก่อนจะเอ่ยเป็นคำอธิบายที่ไม่อยากให้ท่าทีของตัวเองกลายเป็นความเข้าใจผิดว่าตนโกรธหรือเกลียดรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตรงไฟแดงเมื่อวันก่อนนู้น แล้วก็เมื่อวานนี้ที่ระเบียงตอนเปลี่ยนคาบเรียน

     

    พี่ชื่อแจฮยอนนะ แล้วเราล่ะชื่ออะไร

     

    แปลกมั้ย?...

    ถ้าจะถามทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่าเด็กน้อยตรงหน้ามีชื่อว่าอะไร

    ไม่รู้สิ...

    อาจเป็นเพราะเค้าเองก็อยากได้ยินจากปากเจ้าตัวมากกว่า และก็คงเป็นเพราะไม่อยากให้ความเงียบเข้ามาแทรกกลางระหว่างคนสองคนด้วยล่ะมั้ง

     

    ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วหรอกหรอครับ

     

    และราวกับว่านางฟ้าตัวน้อยของเค้าจะรู้ทัน เสียงหัวเราะคิกคักที่ดังขั้นอีกครั้งให้คนถูกดักทางเกิดอาการเหวอขึ้นมาอีกครั้งในช่วงวินาทีสั้น ก่อนที่ท่าทางน่ารักเหล่านั้นจะแปรเปลี่ยนให้คนที่มองอยู่ได้ปรากฏรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นตามมา

     

    นางฟ้าของแจฮยอนทำไมทั้งน่ารักแล้วน่ามองได้ขนาดนี้น้า~

     

    ก็อยากถาม ไม่ได้เหรอ?”

     

    มาร์คครับ มาร์คลี

     

    ไม่อยากเรียกชื่อนี้แฮะ

     

    เอ๋??” ท่าทางที่แปลกไปในทิศทางที่ดูจริงจังแต่ก็ยังติดไปในทางเจ้าเล่ห์ด้วยอีกนิดของแจฮยอน ทำให้มาร์คแอบก้าวทิ้งระยะห่างออกมาอีกสักหน่อย แต่ก็ยังไม่ทันกับความไวของฝ่ามือจากคนตัวโตที่เอื้อมมือมารั้งเด็กน้อยให้กลับมาอยู่กับที่ตามเดิม

     

    นี่มันราชสีห์ที่แกล้งเป็นลูกแกะชัดๆ!

     

    พี่อยากเรียกเราว่านางฟ้า อนุญาตให้พี่เรียกได้มั้ยครับ?”

     

    ราวกับว่าคนที่ถูกเรียกว่านางฟ้าเกิดใบ้รับประทานเพราะโดนน็อกกลางอากาศจนตามไม่ทันไปชั่วครู่ แต่นั่นก็ดูท่าว่าจะยังไม่จบลงง่ายๆ ไหนๆแจฮยอนก็เดินหน้ารุกจริงจังมาขนาดนี้แล้วก็ต้องรุกฆาตเอาให้อยู่หมัดไปซะเลย

     

    เรายังไม่มีแฟนใช่มั้ย

     

    โดยที่ไม่รอให้สมองของเด็กน้อยมีเวลาประมวลผลทันการน็อกครั้งที่สองก็ตามมา นางฟ้าที่โดนอาการเหวอของแจฮยอนสลับมาใส่ร่างราวกับว่ากำลังถูกร่ายมนต์สะกดตกหลุมพลางของมนุษย์เจ้าเล่ห์ให้ทำได้แค่เพียงส่ายหน้าไปมาเป็นการแสดงคำตอบของคำถามนั้นว่าเด็กน้อยคนนี้ยังไม่มีแฟน

     

    ถ้างั้น...” ใบหน้าของคนตัวสูงกว่าที่ขยับก้มลงไปใกล้ให้มีเพียงคันร่มกั้นอยู่ตรงกลางเหลือพื้นน้อยๆทิ้งไว้ให้พอไม่ให้นางฟ้าหัวใจวายตายก่อนที่เค้าจะปล่อยหมัดชนะน็อกออกไป พี่จีบนะ

     

    มาร์คลี น็อกเอ้าต์!

     

    .

    .

    .

     

    คงเพราะหัวใจมันผูกกันล่ะมั้งความบังเอิญก็เลยทำงานตลอด...

    แม้ว่าบางครั้งที่อาจเป็นความจงใจบ้างก็คงไม่เป็นไร...

     

    นาฬิกาบอกเวลาที่แสดงความหมายว่าแจฮยอนเลยเวลานัดมานานแล้วทำให้เรียวขายาวต้องรีบจ้ำก้าวไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดก่อนที่จะโดนคนที่รออยู่โกรธซะก่อน แต่แล้วการวิ่งก็ปรับจังหวะเป็นการเดินช้าจนเกือบไร้เสียงเมื่อสายตาหันไปประทะเข้ากับภาพน่ามองของร่างเด็กน้อยแสนคุ้นตาที่กำลังเอื้อมมือไปรองรับเม็ดฝนกับรอยยิ้มสดใสที่บ่งบอกถึงความสุขที่ไม่ว่ามองแล้วต่อแล้วกี่ครั้งก็ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เคยลดน้อยลง

     

    กินอะไรเข้าไปน้าา~ ถึงได้น่ารักขนาดนี้

     

    ถึงจะเป็นนางฟ้าแต่ก็ป่วยได้นะ

     

    เสียงเอ่ยทักทายทำเอาเด็กน้อยที่อยู่ในภวังค์แห่งความสนุกสะดุ้งตกใจรีบชักมือเล็กๆที่กำลังรองรับน้ำฝนอยู่กลับเข้าหาตัวราวกับเป็นเด็กที่กลัวถูกดุ แต่เมื่อในสายตาปรากฏภาพว่าเป็นใครที่ทักและกำลังเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มกว้างเต็มไปด้วยความสดใสจึงส่งมอบออกไปให้พร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่ส่งกลับมา

     

    พี่แจฮยอนมาแล้ว

     

    รอพี่นานมั้ย?”

     

    นานมากกกกกก นานจนมาร์คคิดว่าถูกพี่ทิ้งแล้วเนี่ย

     

    แก้มพองลมน้อยๆที่คล้ายว่ากำลังงอนแต่ดวงตากลับไม่มีร่องรอยความขุ่นมัวของอารมณ์โกรธจากการถูกทิ้งให้รอนานอย่างที่เจ้าตัวพูดให้แจฮยอนรู้สึกกังวลใจเลยสักนิด แต่มันเป็นความน่าเอ็นดูเสียจนเรียกมือใหญ่ให้ยื่นออกไปขยี้เบาๆตรงกลุ่มผมนิ่มที่ติดจะเปียกชื้นเล็กน้อยจากละอองน้ำฝน กับความหวานอบอวลที่ส่งผ่านมาทางสายตาให้เด็กน้อยที่ถูกกระทำเกิดอาการเขินจนไม่รู้จะขยับตัวไปทางไหนดี

     

    ถ้าจ้องนานกว่านี้ มาร์คจะคิดค่าจ้องนาทีล่ะหมื่นวอนประโยคเรียกเก็บเงินจากเด็กน้อยที่รู้สึกว่าตนถูกจ้องนานเกินไปแล้วชวนให้นึกหมั่นเขี้ยวจนแจฮยอนต้องเลื่อนมือลงมาบีบเบาๆเข้าที่พวงแก้ม

     

    ก็พี่แค่สงสัย

     

    สงสัยอะไรครับ?”

     

    มาร์คเป็นเด็กใหม่ กลับเย็นแบบนี้เพราะยังไม่รู้ล่ะสิ

     

    รู้ว่า?”

     

    โรงเรียนนี้มีตำนานที่น่ากลัวมากเลยนะ เด็กที่โรงเรียนนี้ก็เลยไม่ชอบอยู่เย็น

     

    อย่ามาอำนะ! พี่แจฮยอนจะแกล้งหลอกอะไรมาร์คอีก

     

    ไม่ๆ พี่พูดเรื่องจริง เมื่อสามปีที่แล้วในวันสุดท้ายของการสอบมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งโรคหัวใจกำเริบแล้วเป็นล้มระหว่างทางที่มาเพราะเจ้าหน้าที่มาช่วยช้าไปเค้าเลยไปไม่ทันถึงมือหมอ คงเพราะก่อนเสียชีวิตเค้ายึดติดกับการสอบล่ะมั้งปัจจุบันนี้ก็เลยยังวนเวียนอยู่ที่นี่อยู่เลย

     

    แล้ว...พี่แจฮยอนไม่กลัวหรอ นางฟ้าที่ขยับตัวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ สุดท้ายก็คว้าเอามือใหญ่ไปจับกำไว้ในมือเล็กเพื่อบรรเทาความตื่นกลัวที่เข้ามาโจมตี

     

    ไม่อ่ะ พี่ต้องซ้อมบาสดึกก็เลยชินแล้ว วันนี้พี่ก็เจอเค้านะ นั่นไงอยู่ข้างหลังมาร์ค อันยอง~”

     

    พี่แจฮยอน!!”

     

    และสิ่งที่แจฮยอนรอคอยก็เกิดขึ้นจริง เมื่อความกลัวในบรรยากาศและเรื่องเล่าเพิ่มขึ้นถึงขีดสุดเด็กน้อยที่ก่อนหน้าแค่คว้ามือใหญ่ของเค้าไปกุมก็เปลี่ยนเป็นคว้าเอาคนตัวโตกว่าเข้าไปกอด ใบหน้าที่ซุกอยู่ตรงหน้าอกแกร่งอย่างไม่สนแล้วว่าสิ่งที่มาจากคำบอกเล่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

     

    มาร์ครู้แต่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังกลัว และการกอดแจฮยอนไว้แบบนี้มันอุ่นใจกว่า

     

    กลัวหรอ?” มือที่ขยับขึ้นไปลูบปลอบประโลมยังเส้นผมนิ่มเพื่อนให้นางฟ้าของตนนั้นคลายกังวล แต่ดวงตาเรียวนี้สิมันกลับเจ้าเล่ห์เสียจนถ้าหากมาร์คเงยหน้าขึ้นมองสักหน่อยก็คงพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเรื่องผีที่ถูกถ่ายทอดมาให้ฟังซะอีก

     

    กลัวสิฮะ มาร์คกลัวเรื่องสิ่งไม่มีชีวิตแบบนี้ที่สุดเลย

     

    กลัวทำไมพี่ล้อเล่นต่างหาก

     

    ไอ้พี่บ้า!”

     

    ถึงร่างกายของเด็กน้อยจะผละออกจากอ้อมกอดในทันทีที่รู้ตัวว่าตนเสียรู้ให้กับคนจงใจฉวยโอกาส แต่ฝ่ามือก็ยังทิ้งร่องรอยความเจ็บแสบเอาไว้โดยการฝาดมันลงกระทบกับกล้ามเนื้อหน้าอกด้านซ้ายดังปั๊กหนึ่งที ก่อนจะตามด้วยกำมือที่ทุบลงบนหน้าอกขวาอีกหนึ่งทีเพื่อไม่ให้ข้างใดข้างหนึ่งน้อยหน้าอีกข้าง

     

    ถ้าถามว่าแจฮยอนเจ็บมากมั้ย? ก็ขอบอกเลยว่าเจ็บมากกกกกก แต่จะให้จับจูบเหมือนในละครหลังข่าวมันก็ดูจะฮาร์ดคอร์เกินไป

     

    ถือซะว่าเจ็บแค่นี้แลกกับร่างกายนุ่มนิ่มที่โผเข้าหาเค้าเมื่อครู่มันก็สุดจะคุ้มเกินคุ้มแล้ว

     

    พี่แจฮยอนนิสัยไม่ดี!”

     

    ใบหน้ายู่ยี่เพราะความโกรธที่มีปากยื่นๆกับแก้มพองลมเป็นของแถม แต่ใช่ว่ามันจะทำให้ความน่ารักลดลงไปเลยแม้แต่สักนิดเดียว ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้อยากจับมาฟัดซะมากกว่า ความน่าเอ็นดูที่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวต้องรั้งร่างของเด็กน้อยที่ตัวเล็กกว่ามาไว้ใกล้ๆ แล้วก้มใบหน้าลงไปจรดปลายจมูกเข้าไปแนบชิดกับพวงแก้มนิ่มเพื่อสูดเอาความหอมหวานที่มันล่อตาล่อใจจองแจฮยอนคนนี้มาตั้งนานแสนนาน

     

    พี่แจฮยอน!! ขโมยหอมแก้มมาร์คอีกแล้วนะ เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้ว

     

    เดี๋ยวไปส่งหน้าบ้านก็มีอีกทีนั่นแหละ

     

    เวลาที่เดินผ่านไป แปรให้คนที่เคยขลาดกลัวไม่กล้าเข้ามาจีบนางฟ้าตอนนู้นเปลี่ยนเป็นคนหน้าด้านชอบฉวยโอกาสในเวลานี้ และหากมาร์คไม่รีบเอื้อมมือไปดันใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มกรุมกริมประดับอยู่บนนั้นให้ห่างจากหน้าตัวเองไว้ก่อนล่ะก็ คงต้องเปลืองแก้มอีกข้างให้เป็นที่ประทับของริมฝีปากนุ่นที่พร้อมจะโน้มเข้าหาอีกรอบโดยไม่ต้องสงสัย

     

    มาร์คไม่คุยด้วยแล้ว!” ดวงตากลมที่ตวัดใส่ไปคาดทับบอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่เริ่มโกรธจริงจังก่อนจะรีบดันตัวออกให้ห่างเพราะไม่อยากเปลืองตัวไปมากกว่านี้ แต่คนเป็นพี่ก็ยังไม่รู้สำนึกถึงความผิด รอยยิ้มระรื่นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างสนุกกับการกระทำ ให้คนเป็นน้องนึกหงุดหงิดแล้วเป็นฝ่ายพาตัวเองเดินหนีออกมาดีกว่า

     

    แจฮยอนตอนกลายร่างเป็นราชสีห์เจ้าเล่ห์น่ะ มาร์ครับมือไม่ไหวหรอกนะ

     

    นางฟ้าจะรีบเดินไปไหนน่ะ ทางนั้นมันเปลี่ยวนะเริ่มค่ำแล้วด้วย เดี๋ยวก็เจอดีหรอก

     

    เสียงเอ่ยรั้งไว้ปนกับเสียงกั้นขำของแจฮยอนทำเอาเด็กน้อยที่ตั้งใจเดินหนีชะงักเรียวขาไม่กล้าก้าวเดินไปข้างหน้าต่อ แต่จะให้เดินกลับไปหาคนที่เอาแต่แกล้งเค้าแล้วยังไม่รู้สึกนึกมาร์คก็ขอเลือกเดินหน้าเข้าหาสิ่งที่กลัวจะดีกว่า

     

    นางฟ้าครับเราไม่มีร่มนะ อย่าเดินหนีพี่แบบนี้สิเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก

     

    และก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ ต่อให้เดินเร็วแค่ไหนก็คงหนีไม่พ้นเพราะขาเรียวยาวย่อมไล่ตามขาเล็กที่ก้าวสั้นกว่าได้ทันอยู่แล้ว มือใหญ่ของแจฮยอนที่ฉุดรั้งไว้ให้เด็กน้อยหันกลับมาหาแต่เจ้าตัวก็ยังคงรั้นไม่ยอมหันมาคุยกันต่อง่ายๆ ให้แจฮยอนอาศัยจังหวะก้าวขายาวๆครั้งสุดท้ายเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปดักทางข้างหน้าปิดกั้นการหลบหนีได้ในที่สุด

     

    แม้จะมีร่มคันโตที่กางออกเพื่อป้องกันละอองฝนไว้ชั้นหนึ่งแล้ว แต่คนขี้ห่วงก็ยังจัดแจงถอดเสื้อคลุมตัวนอกของตนมาคลุมหัวทุยๆนั้นไว้ก่อนที่มันจะเปียกลู่ไปทั้งหัวแล้วทำให้เด็กน้อยของเค้าไม่สบายขึ้นมาซะก่อน

     

    มาร์คครับ โกรธพี่จริงๆหรอมือเล็กข้างที่ถูกคว้าไปจับไว้ไม่ได้สะบัดออกหรือแสดงอาการขัดขืนแต่อย่างใด หากแต่ความนิ่งเฉยนั่นมันกลับทำให้แจฮยอนรู้สึกกระวนกระวายมากกว่าการที่มาร์คโวยวายหรือแสดงออกว่าโกรธซะอีก พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้สิพี่ใจคอไม่ดีเลยนะ

     

    อย่าโกรธพี่เลยนะ นางฟ้าตัวน้อยของพี่แจฮยอน

     

    น้ำเสียงออดอ้อนที่ส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มละมุนและอาการสำนึกผิดทางสายตาที่สบมองกัน ทำให้เด็กน้อยที่ไม่คิดจะใจแข็งเตรียมไว้เพื่อต้านทานตั้งแต่แรกถึงกับหัวใจสั่นไหว เสียงถอดหายใจเฮือกใหญ่ระบายอารมณ์ออกมาเมื่อไม่ว่ายังไงสุดท้ายแล้วเด็กน้อยก็งอนนานๆไม่เคยสำเร็จ เพียงแค่การอ้อนนิดอ้อนหน่อยหัวใจน้อยๆดวงนี้ก็อ่อนยวนยอมแพ้ให้ทุกครั้ง

     

    โหมดเจ้าเล่ห์น่ะแค่รับมือยาก แต่แจฮยอนโหมดขี้อ้อนนี่สิมาร์คลีแพ้ทางที่สุดแล้วเลย!

     

    มาร์คหิวแล้ว รีบกลับบ้านกันเถอะครับ

     

    รอยยิ้มสดใสที่ส่งมาให้แจฮยอนจนตาหยีเป็นการแสดงออกว่าไม่ได้โกรธอะไรจากเหตุการณ์เมื่อครู่แล้ว แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนด้วยกันไกล มือเล็กที่เคยปล่อยว่างทิ้งไว้ก็ถูกคว้าไปกุมด้วยเหตุผลง่ายๆจากของคนอยากจับนั้นว่า ก็... จับมือกันไว้แบบนี้มาร์คจะได้ไม่กลัวไง

     

    ที่จริงแล้วมาร์คไม่เห็นต้องกลัวเลยแม้ดวงตาจะเฉไฉไปทางอื่นไม่หันกับมาสบมองเด็กน้อยที่ฟังอยู่อย่างกับว่าพูดเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป ผิดกับมือใหญ่ที่ยังคงจับจูงให้ก้าวเดินไปข้างหน้าเป็นจังหวะเดียวกันที่แม้จะไม่ได้แนบแน่นแบบที่ไม่อยากปล่อยให้ห่างกาย แต่ก็กระชับพอให้คนถูกสัมผัสรู้สึกอบอุ่นและเป็นเครื่องยืนยันว่าคนจับอีกคนจะอยู่ข้างๆไม่หนีหายไปไหน

     

    เพราะในทุกๆที่ที่มาร์คจะเดินไป พี่จะอยู่ข้างๆแล้วก็จับมือมาร์คไว้แบบนี้ พี่ไม่มีวันปล่อยให้มาร์คต้องกลัวคนเดียวเด็ดขาด

     

    .

    .

    .

     


    นี่มันเกินไปแล้วนะ ไหนจะขาขาวๆของคุณ แล้วก็ปากแดงๆของคุณด้วย กับใบหน้าสวยๆที่บอกความเป็นตัวคุณทุกอย่าง คุณทำเกินไปแล้วนะ...

    มาเป็นของผมเถอะ เป็นของผมแค่คนเดียวเถอะนะครับ...

    ผมไม่รู้แล้วว่าควรทำยังไง ทำไมผมถึงได้ชอบคุณมากขนาดนี้จังน้า~...


     

    วันนี้ฝนไม่ตก จองแจฮยอนก็เลยมีเรียนคาบพละในตอนบ่าย คาบพละที่เป็นวิชาเรียนบาสและจองแจฮยอนคนนี้ก็แทบไม่ต้องเรียนอะไรมากมายอาศัยแค่เข้าเช็คชื่อให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็พอ

     

    ก็ไม่อยากจะอวดหรอกนะว่าเป็นนักกีฬาบาสคนสำคัญของโรงเรียน อาจารย์ผู้สอนก็เลยปิดหูปิดตาลงข้างหนึ่งในตอนที่เค้าหายหัวไปแอบงีบหลับสักพักแล้วโผล่กลับมาอีกทีตอนเลิกเรียน

     

    วันนี้ก็เช่นกันแจฮยอนก็อยากไปเอนกายแอบหาที่หลับตรงไหนสักที่ในชั่วครู่ แต่ก็คงเป็นเพราะความบังเอิญอีกแล้วนั่นแหละที่เข้ามาเล่นงาน อาจารย์ที่ควรสอนวิชาพละให้กับเด็กม.ต้นดันติดประชุมกะทันหันแล้วฝากเด็กทิ้งไว้กับอาจารย์ผู้สอนที่กำลังควบคุมชั้นเรียนของพวกเค้า

     

    และแจฮยอนจะไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าเด็กห้องที่ฝากไม่ใช่ห้องเรียนของเด็กน้อยนางฟ้า

     

    ก็อยากจะปฏิเสธความบังเอิญที่มันมาไม่เป็นเวล่ำเวลาแบบนี้อยู่เหมือนกันหรอกนะ...

    เพราะบังเอิญมากไปแล้วหัวใจจะวาย...

     

    แต่ติดตรงที่ว่าความบังเอิญครั้งนี้ที่มันโคตรดีต่อใจเลยนี่สิ โดยเฉพาะเอวบางๆขาวๆที่โผล่มาให้เห็นทุกครั้งในยามที่เสื้อวอร์มมันเลิกขึ้นสูงตามทุกๆการเคลื่อนไหวของคนสวมใส่ที่ขยับตัวขึ้นชู้ตลูกด้วยแล้วล่ะก็นะ...

     

    บอกตรงๆว่าคิดไปในทางที่ดีไม่ได้เลยจริงๆ...

    หวังว่าเลือดกำลังจะไหลออกมาให้ขายหน้าหรอกนะ...

     

    “...อยากกินมั้ยครับ

     

    ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่ความคิดเพลินเกินไปหรือเป็นเรื่องจริงกับการที่อยู่ๆเด็กน้อยในมโนภาพก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้วถามคำถามที่แจฮยอนฟังไม่ชัดเกือบทั้งประโยคแต่จับคำได้แค่ว่าอยากกินมั้ย?

     

    อยากกินอะไรนั่นไม่รู้ แต่ถ้าเป็นเด็กน้อยตรงหน้าล่ะก็แจฮยอนอยากกินแน่ๆ...

     

    อืม อยาก

     

    แต่มาร์คว่ามันไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่

     

    ไม่ๆ พี่ว่าน่ากิน ต้องอร่อยมากแน่ๆ

     

    ขาวๆแบบนี้ จะตรงไหนนางฟ้าก็น่าชิมทั้งนั้น...

     

    พี่แจฮยอนคิดแบบนี้จริงๆหรอ

     

    อืม จะกินคนเดียวไม่แบ่งใครเลยล่ะ

     

    มาร์คเป็นนางฟ้าเค้าคนเดียว แจฮยอนไม่มีวันแบ่งให้คนอื่นง่ายๆหรอก...

     

    งั้นพี่ต้องกินคุกกี้ให้หมดห่อเลยนะครับ

     

    คุกกี้

     

    ก็คุกกี้ไงน้ำเสียงกดลงเน้นคำว่าคุกกี้ให้ชัดกับหลังมือที่กระทบกับแก้มขาวเบาๆทำให้แจฮยอนรู้ว่าเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าคือคนจริงๆไม่ใช่แค่ภาพในจิตมโนเมื่อเช้ามาร์คมีคาบคหกรรมก็เลยเอามาให้พี่แจฮยอนชิมดู นี่พี่คิดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย

     

    สองมือใหญ่ที่ยกมือโบกเป็นพัลวันกับอาการพูดตะกุกตะกักส่งเสียงขึ้นมาปฏิเสธ เมื่อเจอน้ำเสียงจับผิดในคำถามท้ายประโยคที่มาร์คคิดตงิดในใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลี้แปลกไปไม่ว่าจะดูอย่างไรก็พบว่ามันต้องมีอะไรแอบแฝง แต่เพราะมาร์คไม่อยากใส่ใจมากว่าคนตัวโตนั้นคิดเกินเลยไปถึงไหน เด็กตัวเล็กกว่าทรุดตัวลงนั่งด้านข้างในบริเวณทีว่างอยู่ก่อนที่สองมือเล็กจะบรรจงแกะห่อคุกกี้ที่ดูเป็นสิ่งสำคัญกับมาร์คในตอนนี้แล้วบริการป้อนถึงปากให้อย่างเอาใจ

     

    สำหรับแจฮยอนแล้วมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าไม่ใช่ว่าคุกกี้ที่อยู่ในมือนั่นหน้าตามันดูไม่อร่อยจนแทบดูไม่เหมือนที่ของคนกินได้เลย T_T

     

    จดๆจ้องๆกันไปมาอยู่สักพัก สุดท้ายก็ทนความกดดันจากนางฟ้าของตนไม่ไหว นางฟ้าที่คล้ายกับว่าได้กลายร่างเป็นวายร้ายตัวน้อยๆไปแล้วเรียบร้อย กับความหมายทางสายตาที่ส่งมาให้แจฮยอนรีบๆเอาคุกกี้ชิ้นโตในมือนี้เข้าปากไปเสียทีก่อนที่จะมาร์คจะเหลืออดแล้วเป็นฝ่ายจับยัดมันเข้าปากเค้าเสียเอง

     

    อร่อยมั้ยครับ คำถามกดดันพร้อมกับความคาดหวังในน้ำเสียงที่ดวงตายังคงจับจ้องนิ่งอยู่บนในหน้าแจฮยอนอย่างไม่ลดละที่ราวกับว่ากำลังฝากความหวังของคนทั้งโลกไปยังคนชิม

     

    กรุบ... 

    กัดแทบไม่ลง ถ้าอบอีกนิดก็เอาไปใช้แทนก้อนหินได้เลย...

     

    ก็... แข็งไปนิด

     

    แล้วรสชาติล่ะครับ?”

     

    กรับ... 

    หวานละมุนลิ้นซะอย่างกับว่าส่วนประกอบทั้งหมดมีแต่น้ำตาลไม่มีแป้งหรือน้ำเข้ามาผสม...

     

    อืม... ก็หวานไปหน่อย

     

    จริงเหรอ?”

     

    อยากจะบอกว่าไม่จริง แจฮยอนโกหกทุกคำพูด แต่ดวงตากลมๆในโหมดนางฟ้าตัวน้อยๆก็กลับมาประทับร่างอีกครั้งให้แจฮยอนพยักหน้าขึ้นลงตอบรับแล้วหยิบคุกกี้ชิ้นต่อไปเข้าปากทั้งๆที่ในใจภาวนาให้เด็กน้อยรีบเดินไปทางอื่นแล้วเค้าจะโยนทิ้งมันไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    บังเอิญเจอตอนที่คุกกี้ไม่อร่อยนี่ไม่ต้องบังเอิญก็ได้นะพระเจ้า!!

     

    แต่รวมๆแล้วก็อร่อยดีนะ

     

    คำพูดที่ขัดกับการกระทำก่อนหน้าอย่างชัดเจน แม้มาร์คจะมองโลกในแง่ดีและเชื่อใจแจฮยอนมากแค่ไหนแต่ท่าทางที่แทบไม่อยากเคี้ยวอยากกลืนแบบนี้ต่อให้เด็กอนุบาลมาดูก็รู้ว่าแจฮยอนกำลังโกหกเด็กน้อยอยู่ และเพราะไอ้ท่าทางที่ไม่น่าเชื่อถือแบบนี้เนี่ยแหละทำให้มาร์คตัดสินใจหยิบฉวยคุกกี้ที่ตัวเองเป็นคนทำเข้าใส่ปากไม่ทันที่แจฮยออห้ามปรามหรือเอ่ยสิ่งใดออกมาขัดทั้งนั้น

     

    แค่กๆและทันที่คุกกี้โคตรหวานที่ส่งเข้าไปเป็นเวลาไม่ถึงห้าวิ สัมผัสที่แตะกับปลายลิ้นโดยไม่ต้องออกแรงเคี้ยวใดๆทั้งนั้นเด็กน้อยที่เป็นคนทำมันขึ้นก็บ้วนทิ้งในทันที แบบนี้มันไม่เรียกว่าหวานไปนิดแล้วนะครับ มันโคตรหวานเลย มันหวานเกินไปมากๆด้วย

     

    ก็มาร์คทำนี่ พี่กินได้แต่แจฮยอนก็ยังคงเคี้ยวต่อไปได้หน้าตาเฉยตาเรื่อยๆคล้ายกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่กิน ทั้งๆที่คิดอยากจะเอาไปทิ้งแต่ในใจจริงกลับทิ้งมันไม่ลงที่ยิ่งคิดถึงความตั้งใจที่ใส่มอบลงไปด้วยแล้วแจฮยอนเลือกที่จะกินให้หมดมันจะดีซะกว่า

     

    แต่มาร์คไม่ให้กิน รสชาติมันแย่มากๆ พี่แจฮยอนอย่ากินมันเลยนะรสชาติย่ำแย่เสียจนเด็กน้อยที่เป็นคนทำรู้สึกผิดจนต้องยื้อแย่งห่อคุกกี้มาเก็บไว้ที่ตัวแล้วซ่อนไปไว้ข้างหลัง ส่วนอีกมือก็ฉวยมือใหญ่ที่กำลังยื่นมือออกมายื้อมันกลับไปไว้เพราะไม่อยากยอมให้คนเป็นพี่ต้องฝืนกินอีกต่อไปแล้ว มาร์คขอโทษ พี่ทิ้งมันไปเถอะ เดี๋ยวเย็นนี้มาร์คพาพี่ไปเลี้ยงขนมไถ่โทษก็ได้

     

    ความรู้สึกผิดกับความกังวลกลัวว่าจะถูกโกรธตีรวนปนกันไปหมด และคล้ายสองตากลมนั้นจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำสีใสในไม่ช้า ให้แจฮยอนต้องเอื้อมมือข้างที่ว่างไปแตะศีรษะมนนั้นและบีบคลึงมือข้างที่มีมือเล็กๆนั้นยึดไปจับกุมเบาๆเพื่อปลอบประโลมไม่ให้นางฟ้าของตนรู้สึกแย่ใดๆมากไปกว่านี้

     

    เปลี่ยนจากเลี้ยงขนมไปกินข้าวบ้านมาร์คแทนได้มั้ยครับ

     

    .

    .

    .

     


    บางครั้งผมก็รู้สึกหวาดกลัว ว่ารอยยิ้มที่แสนงดงามของคุณมันจะเป็นแค่ภาพลวงตาหรือเปล่า?...

    คุณคือจิ้งจอกน้อยที่สวมหน้ากากนางฟ้าผู้ใจดีอยู่ใช่มั้ย...

    ผมก็ทำได้แค่กังวลอยู่แบบนี้แหละ...

     


    ผ่านด่านสำคัญได้แล้ว!

     

    บ้านที่หลายครั้งที่แจฮยอนมีความกล้ามากพอแค่เดินมาส่งนางฟ้าตรงหน้าประตูแต่ขลาดกลัวที่จะก้าวเดินเข้าไปข้างในต่อหากแต่ครั้งนี้เค้าเอาชนะความกลัวและลงมือกระทำมันจนสำเร็จ การมาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการพิสูจน์ความกล้าแต่แจฮยอนอยากชัดเจนในความสัมพันธ์และอยากยืนยันให้นางฟ้าของตนมั่นใจว่าเค้าจริงจังกับเด็กน้อยคนนี้มากแค่ไหน

     

    แจฮยอนไม่ได้ต้องการคบกับมาร์คแค่เพียงเพื่อผ่านมาหวังสนุกแล้วจากไป เค้าเองก็อยากจับมือมาร์คไว้แน่นๆจูงมือกันไปเรื่อยๆให้ตราบนานเท่านานจนกว่าที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแก่เฒ่าและไม่มีแรงจับมือกันต่อไปไหว

     

    พี่แจฮยอนเป็นอะไรหรือเปล่าเสียงใสของเด็กน้อยที่เดินมาส่งแจฮยอนหน้าประตูเอ่ยขึ้นปลุกกับคนที่ตกเข้าไปในภวังค์ความคิดด้วยความเป็นห่วง เมื่อบทสนทนาที่ควรมีทั้งฝ่ายถามและผ่ายตอบกลับเหลือแต่ฝ่ายถามอยู่เพียงฝ่ายเดียว ยังกลัวพ่อมาร์คอยู่หรอ?”

     

    เปล่าหรอก พี่แค่กำลังสงสัยว่าถ้าพี่จูบมาร์คตอนนี้ พ่อมาร์คจะเดินออกมาเตะพี่หรือเปล่า?”

     

    จบหมดกับความเป็นห่วง

    ก็บอกแล้วไงว่าจองแจฮยอนน่ะ คือราชสีห์ที่แกล้งทำตัวเป็นลูกแกะชัดๆ!

     

    แม้จะไม่มีถ้อยคำตอบรับ มีเพียงเสียงหัวเราะคิกคักที่แจฮยอนตีความหมายว่าเป็นการอนุญาตให้กระทำไม่ใช่การห้ามหรือปรามใดๆ ใบหน้าที่เคลื่อนเข้าหากันช้าๆค่อยๆลดช่องว่างระหว่างคนทั้งสองทีละน้อย...ทีละน้อย... ให้ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดใบหน้าของกันและกันในชั่วครู่

     

    พี่โดนพ่อมาร์คฆ่าแน่ๆ

     

    ฟันคบที่ขบลงปลายจมูกบางจนเด็กน้อยที่ถุกกระทำส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ก่อนที่ในไม่ช้าริมฝีปากนุ่มของแจฮยอนจะทาบลงแนบสนิทสัมผัสกับริมฝีปากสีแดงสดของเด็กน้อยตรงหน้า ถ่ายทอดความรู้สึกนุ่มละมุนที่ค่อยๆละเลียดชิมสัมผัสของความหอมหวานไปช้าๆ และปล่อยให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านปกคลุมทั่วทั้งร่างกายและซึมลึกเข้าไปข้างในทั้งหัวใจที่มันกำลังเต้นระรัวเป็นจังหวะเดียวกันด้วยคำว่ารักจากคนทั้งคู่

     

    ร่มที่ควรถืออยู่ในมือในคืนที่ฟ้าฝนโปรยปรายเช่นนี้ตกลงไปอยู่ข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนที่เอ่ยคำทสั้นๆที่ตัดสินใจพูดในสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจมานานแล้วออกไป

     

    พี่แจฮยอนรักนางฟ้านะ

     

    ก็... 

    มันอาจจะดูเหมือนว่ายังเร็วเกินไปในช่วงเวลาที่ใช้ศึกษากันและกัน แต่สำหรับความรู้สึกข้างในหัวใจแจฮยอนรู้ตัวเองดีว่ามันใช่ความรักแน่ๆ...

    และแจฮยอนก็เชื่อมั่นที่ว่าไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน หัวใจของแจฮยอนก็ยังคงยืนยันว่ารักเด็กน้อยคนนี้ไม่มีการเลือกผิดคน...

    หัวใจของ 'จอง แจฮยอน' ที่มีไว้เพื่อรัก 'มาร์ค ลี' เพียงคนเดียว...

     

    เป็นแฟนกับพี่ได้มั้ย


     

    รบกวนคุณมาช่วยเป็นแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง เป็นพระอาทิตย์ที่อบอุ่น และเป็นยามเช้าที่สดใสของผมได้มั้ย...

    มาเถอะครับ มาโบยบินขึ้นไปบนท้องฟ้า บนก้อนเมฆสีขาวนั้นด้วยกันเถอะ...

     


    .

    .

    .

     

    นะครับนางฟ้า

     

    .

    .

    .

     

    นะ

     

    .

    .

    .

     

    อื้อ” 


    คำตอบรับแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องกระวานให้หัวใจคนฟังสั่นสะเทือนไปทั้งใจจนต้องดึงร่างของเด็กน้อยเข้าหาตัวเพื่อมอบความหวานละมุนลิ้นให้แก่กันและกันอีกรอบ

     

    ดีใจสุดชีวิตเป็นยังไงแจฮยอนก็เพิ่งได้รู้วันนี้แหละ

     

    อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศพาไปหรือเพราะอะไรก็ช่าง แต่อย่างน้อยจองแจฮยอนคนนี้ก็อยากจะขอบคุณฝนที่ทำให้เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ

     

    ขอบคุณความบังเอิญที่พัดพาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาอยู่จนกระทั่งได้เรียนรู้กับคำว่ารัก

     

    หรืออาจจะต้องขอบคุณความเศร้าของก็อบลินด้วยล่ะมั้ง ที่อย่างน้อยๆก็สร้างเรื่องน่ายินดีให้กับคนธรรมดาคนๆนี้

     

    ขอบคุณนะครับ

     

    ^__^

     

    .

    ||+~+~+~+~+~+~+~+~+~+~+~THE END~+~+~+~+~+~+~+~+~+~+~+||

    .


    by... dereine_

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in