"I wish I had met you earlier"

คนบางคนอาจใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหาเศษส่วนที่หายไป และบางคนอาจใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเพื่อพบเจอ

Before Sunrise คือเรื่องราวของเจสซีหนุ่มอเมริกันที่ได้พบเจอกับเซลีนสาวฝรั่งเศสบนรถไฟระหว่างทางไปเวียนนา แม้ปลายทางของทั้งคู่แตกต่างกันแต่ในชั่วขณะหนึ่งก็ได้ดึงดูดมาพบกัน ทั้งสองคนได้ใช้เวลาบนรถไฟแชร์เรื่องราวชีวิตของตัวเองให้กันและกันโดยมีสถานะเป็นแค่คนแปลกหน้าที่คงจะไม่ได้พบกันอีก ทั้งสองคนตัดสินใจใช้เวลาด้วยกันหนึ่งคืนในเวียนนา เดินเล่น พูดคุย เรียนรู้ ไม่คาดหวังกับความสัมพันธ์เพราะทั้งสองคนจะมีเวลาด้วยกันเพียงแค่หนึ่งคืนก่อนยามเช้ามาเยือนและต้องแยกย้าย

เสน่ห์ของ Before Sunrise ไม่ใช่การนำเสนอความรักที่หวือหวา ไม่ได้ดราม่าจนน้ำตาคลอ ไม่ได้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้น มันแค่เป็นเรื่องของคนสองคนที่ธรรมดาในสายตาคนอื่นแต่ลึกล้ำในหัวใจของทั้งสอง เสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Before Sunrise คือการนำเสนอแง่คิดของทั้งเจสซีและเซลีนผ่านบทสนทนาที่ทั้งสองคนพูดกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนก่อนจากลา เจสซีและเซลีนค่อยๆ เรียนรู้ตัวตนอีกฝ่ายผ่านเรื่องราวที่เล่าอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ ใช้เวลาด้วยกันอย่างมีค่า อยากทำอะไรทำ เจสซีไม่ชอบความสัมพันธ์ทางไกล เซลีนก็เหมือนกัน เจสซีอยู่อเมริกา เซลีนอยู่ฝรั่งเศสและไม่ชอบขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นความสัมพันธ์ทางไกลจึงไม่น่าเวิร์กสำหรับทั้งสองคน 

เธอไม่มีทางรู้ว่าจะได้เจอเขาอีกไหม และเขาก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอเธออีกไหมเหมือนกัน บางทีอาจได้เจอ หรือบางทีอาจจะไม่  (แม้ว่าจะมีหนังภาคสองและสามมาเฉลยแล้วก็ตาม) ดังนั้นค่ำคืนก่อนอรุณจะมาเยือยนคืนนั้นจึงเป็นคืนที่จะฝังลึกในความทรงจำไปชั่วชีวิต ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่สิบปี เชื่อได้ว่าทั้งเธอและเขาจะไม่มีวันลืมเลือน

ถ้าถามว่าเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนอะไร ก็คงต้องตอบว่า Before Sunrise เป็นเหมือนกาแฟในตอนเช้าที่ได้ดื่มเป็นครั้งแรก กลิ่นหอมของกาแฟจะอวลอยู่ชั่วขณะแล้วก็จางหายไป คุณอาจจะดื่มกาแฟครั้งนั้นครั้งเดียวแล้วไม่ดื่มอีกเลยก็ได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้กลิ่นคุณจะต้องนึกถึงและจดจำรสชาตินั้นได้อย่างแม่นยำเสมอ