It's a Summer Film | サマーフィルムにのって (2021, Soushi Matsumoto)
ไม่อาจปฏิเสธได้จริง ๆ ว่า ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกและอารมณ์ของการเป็นวัยรุ่นออกมาผ่านหนังได้อย่างเต็มเปี่ยมแบบไม่เคอะเขิน โดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งความพุ่งพล่านอย่างมัธยมปลายที่เหมาะสมกับการใช้โทนสีอันสวยสดฟุ้งฝันอย่างแท้จริง
ผู้เขียนค่อนข้างประทับใจกับชื่อไทยของหนังไม่ใช่น้อย (เกือบจะไม่ได้)ฉายแล้วหน้าร้อนนี้ ถือเป็นหนึ่งในหนังพลังวัยรุ่นที่เต็มอิ่มไปด้วยพลังบวก โดยมีพื้นหลังเป็นช่วงเวลาแห่งเวทมนต์ที่เรียกว่า หน้าร้อน ความสัมพันธ์ของเหล่าเพื่อนฝูงที่พากันทำตามฝันแบบสุดลิ่มทิ่มประตู และอาจจะจับใจคนดูอย่างเรา ๆ เข้าไปใหญ่เมื่อเหล่าตัวละครภายในเรื่องนั้นมีสถานะเป็นบุคคลชายขอบที่เต็มไปด้วยความสามารถ หรือที่เรียกว่า เหล่าเนิร์ดผู้มองวัยรุ่น main stream เป็นคู่แข่งแบบคิดเองเออเอง (ในที่นี้คือ หนังย้อนยุค ปะทะ หนังเลิฟคอมเมดี้) ทั้ง ๆ ที่สุดท้ายแล้ว เราก็ต่างมีมุดหมายเดียวกันนั่นคือการออกฉาย ผู้เขียนจึงค่อนข้างประทับใจ Montage ในองก์ 3 มาก ๆ แบบปลื้มปริ่ม
ต้องบอกว่า การกำกับและตัดต่อนั้นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาดูสนุก รวมไปถึงจังหวะการเล่าเรื่องผ่านการใช้ Montage โดยเฉพาะในช่วงองก์ 3 (ที่กล่าวไปข้างต้น) ซึ่งมีการจัดวางเฟรมและกำกับที่ทำเอาคนดูหรือกระทั่งผู้เขียนเองอยากกลับไปมีช่วงเวลาแบบนั้นกับเพื่อน ๆ อีกสักครั้ง นอกจากนี้การเข้าทำของดนตรีเองก็ถูกจังหวะแบบพอดีเป๊ะ จนทำให้พูดคำว่า สนุก ออกมาได้อย่างเต็มปากเมื่อหนังเรื่องนี้จบลง
อย่างหนึ่งที่น่าสนใจและถูกเปิดเผยในภายหลังของเรื่องราว เห็นจะเป็นการพูดถึงโลกที่ไร้ซึ่งการเอาใจใส่ ความยาว 2 ชั่วโมงของหนังกลายเป็นสิ่งเสียเวลา ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างจากโลกในปัจจุบันสักเท่าไหร่นัก หลายคนต่างเลือกที่จะดูคลิปวิดีโอสปอยล์อันตื้นเขินตามอินเทอร์เน็ตเพื่อประหยัดเวลาของตัวเอง แทนที่จะดูหนังเรื่องนั้นและรับรู้เนื้อหาอย่างครบถ้วน
หนังเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวการทำตามฝันของเหล่าเนิร์ดชายขอบ แต่ยังเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าไปจนถึงแจ้งให้ทราบต่อคนดูว่า หนังหรือภาพยนตร์นั้นสำคัญต่อพวกเราขนาดไหน จดหมายรักฉบับนี้จึงไม่เพียงแต่จะทำให้คนดูรู้สึกหวนคิดถึงช่วงเวลาวัยรุ่นอันแสนสนุก แต่ยังเป็นการสารภาพรักผ่านเรื่องราวที่หากมองตามจริง (เกือบจะไม่ได้)ฉายแล้วหน้าร้อนนี้ มันคือส่วนผสมของหนังแทบทุกแนวที่ญี่ปุ่นเคยมีมา เปรียบเสมือนการเชื่อมอารมณ์ความรู้สึกไปถึงอนาคตในวันข้างหน้า และบอกรักอดีตที่ผ่านมาว่า หนังจะยังคงมีอยู่ต่อไป
เขียนโดย: พัทธนันท์ สวนมะลิ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in