การตายปริศนาของมิสไมเลอร์บรรณารักษ์ห้องสมุดของมหาลัยชื่อดังในพอร์ตแลนด์ อ่านต่อหน้า 19
ผ่านมาราวสามอาทิตย์ภาพของผู้ชายในชุดโค้ทสีดำยาวยังคงไม่เลือนหาย ทุกครั้งที่มาห้องสมุดเขามักจะนึกถึงผู้ชายคนนั้นตลอด บรรยากาศรอบตัวชายคนนั้นแปลก เด็กหนุ่มไม่เคยพบชายที่มีบรรยากาศทั้งเศร้าหมองเยือกเย็น และนิ่งเงียบได้เท่าชายคนนี้
แต่แจฮยอนก็ไม่เจอเคยผู้ชายคนนั้นในห้องสมุดอีกเลย
เช่นเดียวกับที่เขาจะไม่มีวันได้เจอมิสไมเลอร์บรรณารักษ์สุดเฮี้ยบอีก
เมื่อราวอาทิตย์ที่แล้วเด็กหนุ่มถูกเรียกไปสอบปากคำ เพราะวันนั้นเขาเป็นคนเดียวที่อยู่ในห้องสมุดนั่นจนเกือบจะถึงเวลาปิดที่โรงพัก แจฮยอนยังได้พบกับเด็กหนุ่มท่าทางเซ่อซ่าคนนั้นเลยคาดว่าคงถูกเรียกมาสอบปากคำเช่นเดียวกัน
นายตำรวจผู้สอบปากคำเขาถามไปเรื่อยเปื่อย ดวงตาสีมืดของเขาจ้องมองเข้ามาในตาของเขาอย่างต้องการหาความจริง
แจฮยอนตอบไปตามตรงว่าเขาไปอ่านหนังสือและอยู่จนเกือบจะถึงเวลาปิด เขาพบชายสองคนในห้องสมุดตอนสี่โมงในตอนที่เขาได้ยินเสียงแมวและพยายามค้นหามัน
เขาบอกลักษณะของชายทั้งสองคนนั้นไป – คำให้การของเขาตรงกันกับเด็กหนุ่มอีกคน มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาบอกว่าเขาพบชายหนุ่มในโค้ทสีดำที่เดียวกับที่เขาพบเด็กหนุ่มคนนั้น
“คุณแน่ใจหรอว่าพบผู้ชายอีกคนที่นั่นด้วย”
“ครับ” แจฮยอนตอบรับ “พร้อมๆกับเด็กคนนั้น พวกเขาอยู่ในล็อคหนังสือที่เดียวกัน แบบ
“คุณเจย์ คำให้การของคุณออกมาตรงกับแซม
“แต่แซมบอกแต่เขามองเห็นคุณตอนที่คุณเรียกเขาเขาไม่ได้ให้การถึงชายอีกคนด้วยซ้ำ”
“ผมจะลองไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูอีกครั้ง
ผ่านมาแล้วราวสามอาทิตย์ การตายของมิสไมเลอร์ทำให้ห้องสมุดเงียบเหงาลงกว่าเคย ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวในเรื่องแปลกๆจนพาลไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ มันจะเป็นการตายที่ปกติถ้ามันไม่ได้ดันไปตรงกับวันที่พวกชาวเมืองเชื่อว่าเป็นวันที่ซาตานจะขึ้นมาจากขุมนรกไหนสักขุม – ตามตำนานเมือง
บางทีเขาอาจจะเป็นคนเดียวก็ได้ที่ไม่ได้สนใจตำนานงี่เง่านั่น
มันแบบ – เฮ้ คุณ นี่ 2018
ที่จริงก็ยังมีคนมาแวะเวียนใช้บริการห้องสมุดอยู่บ้างแต่พอตกเย็น ไม่เกินสามโมง พวกเขาก็จะรีบเก็บของออกไป
“พระเจ้าฉันยังจะต้องเห็นของอุจาดตาพรรณนั้นไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน”
มิสบรรณารักษณ์คนใหม่บ่นประจำเรื่องที่คนชอบพกของแปลกๆเข้ามาในห้องสมุดอย่างเครื่องรางที่ทำจากดวงตาของกบนั่นประไร – ของขายดีของร้านมิสตี้และของเหนือธรรมชาติ (Misty and Supernatural stuff)
เด็กหนุ่มได้แต่เห็นด้วยอยู่ในใจ
ของอย่างนั้นก็อุจาดตาจริงๆนั่นแหล่ะโดยเฉพาะลิ้นกบน่ะนะ
เขามีบ้านหลังหนึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักเป็นที่ที่ค่อนข้างจะเงียบสงบ มีเพื่อนบ้านไม่กี่คนที่อยู่ละแวกนี้คงเพราะมันไม่มีรถสาธารณะผ่าน หากจะอยู่ก็ต้องเป็นคนที่มีรถหรือยานพาหนะอื่น
แจฮยอนมีจักรยานเป็นเพื่อนคู่ใจ
จักรยานคุณปู่สุดคลาสสิคไม่ได้ดูเด่นเพราะสีสันฉูดฉาดแต่เป็นเพราะความคลาสสิคของมันต่างหากที่เขาชอบ
ทางกลับบ้านปกติต้องเงียบเหงามีเพียงรถยนต์สัญจรผ่าน แต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงหวีดร้องของรถไซเรนและกลุ่มผู้คนที่ล้อมรอบเส้นรั้วสีเหลืองสลับดำ ด้านในเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ห้อยตราบัตรต่างๆ
“เอ่อ
“ผมทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นแต่ก็ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้แน่ชัดว่าเป็นการฆาตกรรมนะครับ เราคงต้องตรวจสอบหลักฐานอื่นต่อไป
ร่างสูงใหญ่นั้นยังสวมโค้ทสีดำสนิทเช่นเคยครั้งนี้เขาพิงร่างกายของตัวเองไปกับขอบเสาสีขาวต้นใหญ่ มือข้างหนึ่งปล่อยลงข้างลำตัวอีกข้างล้วงลงไปในกระเป๋าเสื้อข้างเอว
ใบหน้าของเขาค่อนข้างเรียวจมูกโด่ง ริมฝีปากรูปกระจับ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นล้วนทำให้ชายคนนั้นดูดียิ่งกว่าชายคนไหนที่แจฮยอนเคยพบเจอหากแต่ท่าทางของเจ้าตัวดูเบื่อหน่าย ชายคนนั้นจ้องไปที่กลุ่มคนเงียบๆ อยู่นานไม่ได้ขยับตัวไปไหนราวกับรออะไรบางอย่าง
แจฮยอนขยับไม่ออก
เด็กหนุ่มทำเพียงสำรวจชายที่ยืนห่างออกไปเงียบๆ
ผมสีดำสนิทของชายหนุ่มพลิ้วไหวเมื่อถูกลมพัดล้อมรอบกรอบใบหน้าที่นิ่งเงียบนั่น – กลิ่นอายความแปลกแยกแผ่ออกมาล้อมรอบตัวของเขาด้วยเหตุอะไรไม่รู้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าชายที่กำลังพิงร่างกายกับเสาอยู่นั้นเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้เป็นสิ่งที่แปลกแยก ไม่เข้าพวกกับทั้งเขาเองและกลุ่มคนที่มุงดูการเคลื่อนย้ายร่างกายที่เสียหายของผู้เสียชีวิต
แต่ก็บอกไม่ได้ว่าทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงไม่เข้าพวก
ดวงตาสีแอมเบอร์กับจังหวะขยับใบหน้าช้าๆนั่น - บ้าเอ้ย อย่าหันมาเชียวนะ
แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาดวงตาสีแอมเบอร์นั่นกวาดมองไปรอบๆ มันมาหยุดที่เขาแวบหนึ่ง ทำให้เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะก่อนจะเคลื่อนไปที่อื่นราวกับไม่พบสิ่งผิดปกติ ก่อนชายคนนั้นกลับไปอยู่ในท่าทางอย่างเดิม
แจฮยอนถอนลมหายใจออก
โอเคตอนนี้เขาขยับขาไม่ออกแล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in