ในห้องสมุดของมหาลัยช่างเงียบเหงา อาจารย์หลายท่านพากันแคนเซิลคลาสเนื่องจากเผชิญกับสภาพอากาศสุดเลวร้ายในรอบปี แต่สำหรับแจฮยอนแล้วเขาต้องการหนังสือดีๆอ่านในช่วงระหว่างหยุดนี้เพื่อให้สามารถเข้าใจสิ่งที่อาจารย์สอนในคลาสเรียนให้ทัน
จองแจฮยอนเป็นนักศึกษาชาวเกาหลีที่เพิ่งย้ายมา แน่นอนว่าเด็กหนุ่มยังต้องทำงานอย่างหนักอีกหลายอย่างเพื่อตามเพื่อนร่วมคลาสคนอื่นให้ทัน เนื้อหาของสาขาที่เขาเรียนคล้ายกับที่เกาหลี แต่ก็มีบางอย่างแตกต่างกันนิดหน่อย พื้นฐานภาษาเขาค่อนข้างดีเพราะเขาเคยอาศัยอยู่ที่นี่ถึงห้าขวบ ก่อนจะย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เกาหลี
แจฮยอนเป็นลูกเสี้ยวของเสี้ยว คุณแม่ของเขาเป็นชาวเกาหลีแท้ แต่คุณพ่อกลับมีความอเมริกันผสมอยู่หน่อยเป็นที่มาของดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวจัด และกระสีอ่อนเล็กๆบนใบหน้าของเขา ในขณะที่ลักยิ้มทั้งสองข้างมาจากคุณแม่
เขาทั้งชอบและไม่ชอบลักยิ้มนี่ บางครั้งแจฮยอนคิดว่ามันทำให้เขาตลก ตอนเด็กๆเขามักมีปัญหากับเพื่อนร่วมคลาสหลายคนที่มักจะมาล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อที่จะจิ้มที่รอยบุ๋มที่แก้มของเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องขอบคุณที่มันทำให้เขาดูน่าเข้าหามากขึ้นคะแนนด้านมนุษย์สัมพันธ์ของเด็กหนุ่มติดลบ แจฮยอนขี้อายและไม่กล้าคุยกับเพื่อนใหม่ แต่รอยบุ๋มที่แก้มทั้งสองข้างนี่ก็มักจะดึงดูดให้คนใหม่ๆเข้ามาพูดคุย –
ห้องสมุดในวันที่ไม่มีคลาสเงียบเหงากว่าที่เคย
นานครั้งที่แจฮยอนจะพลิกกระดาษไปอีกหน้าเด็กหนุ่มจมอยู่กับตัวอักษรเสียจนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองรอบตัว
“เมี๊ยว…
แจฮยอนรออยู่เกือบนาทีแต่เสียงนั้นก็เงียบหายไป
เด็กหนุ่มหยักไหล่ บางทีเขาคงจะหูแว่วไปเอง
หนังสือถูกพลิกมาจนถึงหน้าสุดท้ายได้เวลากลับเสียที
แจฮยอนปิดหนังสือเขาคว้ามันมาพร้อมกับเล่มอื่นๆ เดินตรงไปยังชั้นหนังสือเพื่อจะเก็บมันเข้าที่ เขาไล่เก็บมันช้าๆเพื่อให้มั่นใจว่ามันอยู่ถูกที่ ถูกตำแหน่ง
“ม๊าว..
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะกุยเล็บ
หากมันเป็นม้านั่งที่สวนสาธารณะหรือโต๊ะโง่ๆในคลาสเรียนใดคลาสเรียนหนึ่งแจฮยอนจะไม่ลังเลเลยที่จะก้าวผ่านมันไปอย่างไม่สนใจ
แต่ที่นี่คือห้องสมุดและสิ่งที่เจ้าแมวตะกุยอยู่อาจจะเป็นหนังสือสักเล่มที่เก่า และถ้าสมมติว่าหนังสือเล่มนั้นผ่านเวลามานานจนกระดาษของมันบางกรอบ ตัวหนังสือสีซีดและปกที่บอบบางพร้อมจะขาดทุกเมื่อ และถ้าสมมติอีกว่าหนังสือเล่มนั้นมีเล่มเดียวในห้องสมุดนี้ล่ะ
แค่นี้ก็เป็นเหตุให้เขาต้องก้าวท้าวยาวๆไปตามเสียงนั้นอย่างเร่งรีบ
แปลก
ถ้าฟังแค่เสียงก็คงบอกได้ว่าตัวการอยู่ระยะไหน มันไม่ไกลจากเขาเลย เสียงดังเหมือนอยู่ใกล้กันเพียงล็อคหนังสือกั้น แต่ในความเป็นจริงเด็กหนุ่มพบว่าเขาต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเกือบสิบล็อคเพื่อไปถึงเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวการ
แต่เมื่อไปถึงจุดที่คิดว่าเจ้าแมวนั่นต้องอยู่แน่ กลับกลายเป็นว่าแจฮยอนพบอย่างอื่นที่ทำให้ต้องแปลกใจแทน – ชายหนุ่มร่างสูงในสุดโค้ทตัวยาวสีดำยืนอยู่ตรงกลางชั้นหนังสือสองชั้นเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวเกือบถึงดวงตา ผิวของเขาขาวจัด
ในอุ้งมือของเขาเป็นหนังสือปกสีน้ำตาลอ่อนเล่มหนึ่งนิ้วเรียวของเขาค้างอยู่ที่หน้ากระดาษ รอคอยที่จะขยับเปลี่ยนหน้าหนังสือต่อไป
บรรยากาศรอบตัวชายหนุ่มนิ่งสงัด ด้านหลังเขามีชายหนุ่มท่าทางเซ่อซ่ายืนอยู่คนหนึ่ง แต่ก็ห่างไกลจากเขาพอสมควร
“เอ่อ…
เด็กหนุ่มรอคำตอบแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ – ไม่มีแม้กระทั่งปฏิกิริยาตอบรับเหมือนกับว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานี่ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเสียอย่างนั้น
“ขอโทษนะครับแต่คุณเห็นแมวในนี้ไหม” เขาลองเพิ่มระดับเสียงให้มากขึ้น
แต่ก็ไร้ประโยชน์ชายคนนั้นไม่ตอบเช่นเดียวกับในตอนแรก
โอเค– ได้
“ค
แต่ทว่าคนที่ตอบกลับเป็นนายท่าทางเซ่อซ่าที่ยืนห่างออกไปแทน
“เอ่อ
“มะ
แจฮยอนถอนหายใจพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมาเงียบๆ นึกโมโหชายคนนั้น
“หรือเขาจะหูหนวก” เขายักไหล่เมื่อหาข้อสรุปให้ตัวเองได้อยู่ใกล้ขนาดนั้น ถ้ายังไม่ได้ยิน ก็คงมีแค่เหตุผลเดียว
“ไปซนที่ไหนมา
“ม๊าวว”เจ้าตัวขนปุยสีดำสนิทร้องราวกับจะปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริง ขณะที่โก่งตัวขึ้นแล้วหาวอย่างขี้เกียจก่อนเดินตามเจ้าของที่เดินนำออกไปก่อนออกไปยังด้านนอก ทิ้งไว้เพียงเศษขนสองสามเส้นบนพื้นสีน้ำตาลอ่อนในห้องสมุดที่ไร้คน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in