เราขึ้นรถบัสจากวีกันมาช่วง 8-9 โมง เลยเห็นวิวข้างทางชัดเจน มีวิวหลายแบบทั้งริมทะเล ทุ่งนา ไปยันป่าเขา รถบัสที่นี่ดีอย่างหนึ่งคือเปิดเพลงให้ฟังด้วย ไม่น่าเบื่อ แต่ที่เบื่อคือคนข้างหลังที่ร้องเพลงตาม ดังมากแม่ หลับไม่ลงจ้า แล้วก็จ่ายค่าตั๋วบนรถนะ ถ้ากระเป๋ารถเมล์ยังไม่ทอนตัง อย่าเพิ่งโวยวาย เขาแค่อาจยังไม่มีตังทอน รอก่อน เดี๋ยวเขาทอนเอง ใจเย็นๆ อาจจะผ่านไปสักครึ่งทางค่อยทอน
พอเข้าใกล้เข้าเขตบาเกียวก็จะคล้ายๆ ทางขึ้นเชียงใหม่ เป็นทางภูเขา มีดอกบัวตองให้เห็นบ้าง เริ่มมีหมอกให้เห็น เราไปถึงช่วงบ่ายๆ เย็นๆ อ่ะ จำไม่ได้แล้วว่าจากท่ารถเข้าไปแถบที่พักยังไง แต่น่าจะเหมือนเดิมคือเดินหาที่พักวนไป Google
ที่พักคืนแรกในบาเกียว - เราจองผ่าน booking.com
เก็บของเสร็จก็ไปเดินเล่น - ในบาเกียวแถบนั้นจะมีโบสถ์ (Baguio Cathedral) และห้างใหญ่
พอลงมาจากโบสถ์นี้ เดินไปทางซ้ายอีกหน่อยก็จะเป็นห้าง SM Mall ห้างใหญ่ของเมืองนี้ ที่นี่จะมีจุดชมวิวของเมืองอยู่ มองเห็น Baguio Cathedral ด้วย
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น - อากาศดีมาก ดีจนไม่อยากตื่น แต่ตื่นเหอะ เสียดายตังมาเที่ยว 5555 แพลน คือ ไปสวนพฤกศาสตร์ Botanical Garden
แล้วก็เดินกลับ- ทีนี้ขากลับเว้ย แมพไม่ได้
คือตอนนั้นไปแบบไม่รู้ว่ามันคืออะไร อ่านรีวิวมาเขาให้มาก็มา มีคนแนะนำให้มาก็มา เหมือนเป็นพื้นที่สีเขียวที่มีกิจกรรม adventure ให้เล่น มีต้นไม้เยอะๆ ให้คนไปนั่งพักผ่อน มีพื้นที่โซนช้อปปิ้งและโรงแรม ดีสุดก็ตรงต้นไม้เนี่ยแหละ ช่วงนั้นร่างกายขาดกลิ่นดิน ขาดอากาศบริสุทธิ์มาก เลยไปนั่งเล่นอยู่ข้างทางที่มีต้นไม้นานมาก
สักพักก็เดินไปที่ที่เขาให้เดินเข้าไปอีกได้ เหมือนเป็นเส้นทางธรรมชาติ ตอนนั้นใกล้มืดแล้วเลยเดินเข้าไปได้นิดเดียวแล้วเรียกแท็กซี่กลับเลย
แท็กซี่นี่ดีมาก - ขากลับเจอแท็กซี่เฟรนด์ลี่มาก ตอนแรกจะให้ไปส่งที่สวนสาธารณะกลาง แต่เขาว่ามันมืดแล้วอันตรายไปที่พักเลยดีกว่า ก็เลยให้เขาไปส่งที่ที่พัก ทีนี้หายากมากเลยที่พักอ่ะ คือไม่ได้จองที่เดิม เออไม่รู้ว่าเปลี่ยนทำไม งงตัวเองมาก กว่าจะเจอที่พัก ทำแท็กซี่ปวดหัวไปเลยจ่ะ
แต่พอเจอแล้วช็อคมาก โลเคชั่นวังเวงมากแม่ เป็นบ้านเช่าเก่าๆ เว้ย เก่ามากกกก และเจอความอากาศเย็นกับประตูไม้ ประตูพองจ้า ล็อคห้องนอนไม่ได้ ไม่ใช่แค่ห้องนอนนะ ห้องน้ำก็ล็อคไม่ได้อ่ะ คิดว่าจะอาบน้ำปะละ คือถึงแม้ชีวิตจะเคยผ่านห้องน้ำที่ใช้ผ้าห่มแทนประตูกลางป่ามาแล้ว แต่อันนี้น้องก็ไม่เสี่ยงค่ะ ช็อคกว่าคือ แถวนั้นไม่ค่อยมีร้านอาหาร มีแค่ร้านขนมเล็กๆ เออ ไม่กินข้าวก็ได้ กินขนมแทนอาหารเย็นไป แล้วก็นอนแบบประตูห้องเปิดแง้มๆ นั่นแหละ
ตื่นเช้ามา - เดินออกมาจากที่พักเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เพื่อรอแท็กซี่ผ่านแล้วเรียก พอเจอก็เรียกไปสถานที่ที่เหลือเลยจ่ะ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว งกมาเยอะ ใช้เงินเต็มที่
ที่เที่ยวที่ไปอยู่ละแวกเดียวกันหมดเลย รวมถึงสวนพฤกศาสตร์ที่เดินมาเมื่อวานด้วย ซึ่งความจริงควรจะขึ้นแท็กซี่ทีเดียวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่รู้จะเดินให้ทรมานตัวเองทำไม ค่าแท็กซี่ก็ไม่ได้แพงมากด้วย ดังนั้นใครจะมา แนะนำแท็กซี่เลยนะ แท็กซี่ที่เราขึ้นนี่เปิดหน้าต่างขับเลย เพราะอากาศดีมาก แถมเปิดเพลงคริสต์มาสคลอไปด้วยตลอดทาง ไม่ทิ้งธีมคริสต์มาสจริงๆ
ที่แรกคือไปที่
ที่นี่ทำอะไม่ได้เลย นอกจากถ่ายรูป ตรงด้านหน้าจะมีแท็กซี่ขับเยอะมาก เอ้อ ตรงนี้มีกลุ่มเด็กม.ต้น มาขอถ่ายรูปด้วย 55555
The Wright Park – อยู่ตรงข้ามกับ
สรุปคือ - ที่ไปมาวันนี้ 3 ที่ ไม่มีอะไรที่เราโฟกัสเลย สิ่งที่เราโฟกัส คือ ถ้วยนี้
จากนั้นเรียกแท็กซี่กลับมาที่สวนสาธารณะ Burnham Park ชื่อสวนตั้งตาม Daniel Burnham สถาปนิกที่ออกแบบสวนนี้ วันนั้นที่ไปเป็นวันคริสต์มาสก็จะมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มายืนร้องเพลงและขอตังจ้า วันอื่นไม่รู้มีไหม ก็แล้วแต่วิจารณญาณส่วนตัวเลยค่ะว่าจะให้หรือไม่ให้ อาหารการกินที่นี่ก็เยอะมาก เดินเลือกได้เลย หรือถ้าใครอยากจะลองพายเรือก็ได้ ส่วนเราแค่มานั่งดูบรรยากาศดูคนไปเรื่อยๆ พอ แค่นี้ถือว่าพอใจ 5555
เราเดินกลับไปที่ Session Road
ขากลับ - วิวสวยมาก แต่สิ่งที่ประทับใจสุดคือ ตอนแรกมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งคู่เรา แล้วเขาเหมือนขึ้นรถมาทั้งครอบครัว เฮฮามาก มีการแกะอาหารแบ่งกันอย่างเมามัน เราก็ไม่ได้คุยกับเขาเลย แต่เขาเริ่มคุยกับเราด้วยการหันมาแบ่งอาหาร น่ารักมากกกก เราขึ้นรถช่วงเย็นและถึงมะนิลาช่วงดึกๆ พอลงรถก็ต่อรถเมล์ตรงนั้นไปสนามบินเลย มีรถมาจอดรอแทบจะต่อกันเลย ดูให้ดีว่าจะไป
สรุป นี่คือทริปเปลี่ยนที่กินที่นอนที่แท้ทรู ไม่มีไรโลดโผนเลย นอกจากเดินๆ นั่งๆ มองๆ แค่นั้น ไม่ว่างจริง ไม่ชิลจริง ทำไม่ได้นะอ่ะ ถือว่าเป็นทริปแรกที่ไม่เลว ชอบเลยแหละ ถ้ามีโอกาสก็คงกลับไปอีก ทริปนี้เราใช้ไปประมาณ 15,000 บาท ไม่ถึงด้วยมั้ง สรุปค่าใช้จ่ายคร่าวๆ เป็นเลขกลมๆ ให้ตามนี้น้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in