เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Solo Trip - วีกัน & บาเกียว ทริปเที่ยวต่างแดนครั้งแรกมนุษย์ที่สังเคราะห์แสงได้
เมืองที่อบอวลด้วยกลิ่นอายสมัยอาณานิคมสเปน
  • ถ่ายรูปสถาปัตยกรรมสเปนราคาสบายกระเป๋าในเมืองมรดกโลก "Vigan" และไปเดินเล่นชิลๆ กับบรรยากาศคริสต์มาสที่ "Baguio" เมืองตากอากาศของฟิลิปปินส์


               สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวทริปประเทศใกล้ๆ ราคาเบาๆ แต่ได้กลิ่นอายสเปนแรงๆ หลายคนคงเดาออกแล้ว น่าจะมีอยู่ประเทศเดียวในแถบอาเซียนที่ฟิลนี้ “ฟิลิปปินส์” นั่นเองงงงงงงง เมืองที่เราไปมาคือ เมืองวีกัน กับ บาเกียว

     จะบอกว่า...ไปมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ดองมานานมาก 555 คือตอนแรกคิดว่าจะไม่รีวิว แต่ไหนๆ ก็เป็นทริปต่างแดนครั้งแรกในชีวิต (ขออนุญาตไม่นับทริปมาเลที่ไปทัศนศึกษากับเพื่อนทั้งห้อง) เลยคิดว่าควรมาแชร์ประสบการณ์บ้างไรบ้าง เผื่อจะเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่อยากเที่ยวคนเดียวอารมณ์แบบเปลี่ยนที่กินที่นอนชิลๆ อ่ะ อาจไม่สะดวกสบายมาก แต่ก็ไม่อันตรายเท่าไหร่ ผู้หญิงไปคนเดียวได้แน่นอน! ปลอดภัยระดับหนึ่งเลย 

     และก่อนอื่น! ขอโทษก่อนเลยถ้ารูปไม่ชัดไม่ถูกใจอ่ะ (TT) เพราะด้วยความที่ไม่ได้คิดจะรีวิวตั้งแต่แรกรูปก็เลยน้อยมาก ไม่ค่อยชัดอีก คือใช้ไอโฟน 5 ที่เมมใกล้เต็มถ่ายมา ที่สำคัญพอดองไว้นาน รูปหายด้วยจ่ะ หายไปเยอะมาก เหลืออยู่แค่นี้อ่ะ แต่ฉันก็ยังอยากจะรีวิวมา เริ่ม!!!



    เมืองแรกที่ไปคือเมืองวีกัน (Vigan) อยู่ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เป็นเมืองโบราณเล็กๆ ที่น่ารัก และเป็นเมืองมรดกโลกด้วย สร้างตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 สมัยเป็นอาณานิคมสเปนนู่น แน่นอนว่าในเขตเมืองเก่าจะเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสมัยอาณานิคมสเปนและจะไม่มีรถอะไรผ่านเลยนอกจากรถม้า   ฟิลก็จะคล้ายๆ หลุดยุคไปอยู่ในหนังนิดๆ วีกันอาจไม่ได้มีอะไรหวือหวามากแต่ก็มีเสน่ห์อยู่  ใครสายประวัติศาสตร์ สายถ่ายรูปน่าจะถูกใจ ยิ่งคนที่ชอบถ่ายตึกถ่ายประตูหน้าต่างก็น่าจะชอบ ร้านค้าน่ารักๆ เยอะแยะไปหมด แต่ถ้าใครชอบความตื่นเต้นท้าทายก็อาจจะเบื่อได้ง่ายหน่อย (คิดว่านะ)




  • เดินทางวันแรก

                   ขอเริ่มที่ตั๋วเครื่องบิน - ตอนแรกลังเลมากว่าจะไปวันไหนดี ชั่งใจแล้วชั่งใจอีก ดูตั้งแต่ตั๋ว 5,000 กว่าจนขึ้นไปถึง 8,000 พอถึง 8,000 ปุ๊ปตัดสินใจไปทันทีเลยจ้า ไม่งั้นเป็นหมื่นแน่ๆ เพราะช่วงที่ไปเป็นช่วงคริสต์มาส ราคาตั๋วจะแพงเป็นพิเศษ สุดท้ายได้ที่ราคาแปดพันต้นๆ ของ Cebu Pacific ได้ไฟล์ทเวลา 9.35 A.M. ถึงมะนิลา Terminal 3 เวลา 2.20 P.M. ส่วนตัวก็ไม่ได้แพลนอะไรมาก แพลนแค่ว่าไปวีกันวันนี้ และต่อด้วยบาเกียว จบ 



    วันแรก – พอลงเครื่องก็ซื้อซิม แล้วเข้าฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของฟิลิปปินส์เลยจ้า Jollibee เนี่ยมื้อแรก กินเสร็จตั้งสติเสร็จก็เดินไปรอขึ้นแท็กซี่มิเตอร์ แม่เจ้าแถวยาวมาก รอไป 2 ชั่วโมงอย่างต่ำอ่ะ นี่ก็ลุ้นมาก กลัวไปซื้อตั๋วขึ้นรถบัสต่อไปอีกเมืองไม่ทัน ค่าแท็กซี่ประมาณ 170 php นะ



      พอได้ขึ้นแท็กซี่ - ก็บอกว่าไปท่ารถ Partas ซึ่งเป็นท่ารถไปเมืองวีกัน พอไปถึงก็จะได้บรรยากาศหมอชิตหน่อยๆ แต่เป็นหมอชิตแบบพื้นที่ท่ารถหาร 10 ได้ วิธีการซื้อตั๋วที่นี่คือเดินไปเข้าคิวเพื่อที่จะเข้าคิว คือก่อนอื่นต้องเข้าแถวเพื่อจะบอกเคาท์เตอร์ว่าจะไปวีกัน แล้วเราจะได้บัตรคิวมา เราก็ต้องรอจนกว่าเขาจะเรียกคิวไปซื้อตั๋วอีกที แล้วก็รอรถอีกรอบ ตอนนั้นถึงท่ารถประมาณทุ่มกว่าๆ ได้เรียกคิวประมาณ 3-4 ทุ่ม และก็ได้รถรอบเที่ยงคืน สรุปอยู่ท่ารถประมาณ 5 ชั่วโมง

    ประเด็นคือ โชคดีมาก - ที่ไปถึงเร็วเพราะถ้าไปช้ากว่านั้นจะไม่มีที่นั่งและที่ยืนเลย พื้นกับบันไดนี่ไม่ต้องพูดถึง เต็มทุกอณูค่า เขาจะคอยประกาศเลขคิวทั้งภาษาฟิลิปินส์และภาษาอังกฤษ ต้องคอยฟังดีๆเพราะบางทีเสียงมันขาดๆ หายๆ อันความกลัวไม่ได้คิวแล้วต้องนอนอยู่ท่ารถก็เลยเดินทำหน้าตาน่าสงสารไปถามรปภ. (รึเปล่าไม่รู้) แต่เห็นใส่เครื่องแบบซัมติงเขาช่วยเหลือดีมาก เราไปถามประมาณสองสามรอบว่าถึงคิวไหนแล้ว สุดท้ายแล้วไม่รู้เขารำคาญหรืออะไรเลยบอกว่าเดี๋ยวไอฟังให้ ยูไปนั่งรออย่างเดียว เดี๋ยวพอถึงคิวไอไปเรียก แถมใจดีหาที่นั่งให้ด้วย นั่งรถประมาณ 7-8 ชั่วโมงเหมือนไปเชียงใหม่อ่ะ

    อ่อ อาหารที่ท่ารถไม่ค่อยมีนะ - มันเหมือนมีร้านอาหารแต่ตอนไปมันปิดเลยมีแต่ร้านขายของ    ชำเล็กๆ อยู่ร้านเดียว ที่ไม่ค่อยมีไรขายอ่ะ ถ้าจำไม่ผิดคือมีพวกซาลาเปา มาม่า ขนมกับข้าวนิดหน่อย     แล้วก็น้ำ ถ้าเป็นไปได้ก็เตรียมจัดการเรื่องอาหารให้เรียบร้อยก่อนมาถึงที่นี่น่าจะดีกว่า 

  • ถึงวีกันแล้ว ตื่นนนนนน

    ตื่นขึ้นมาช่วงเช้ามืดก็เห็นบ้านเรือนข้างทางประดับไฟคริสต์มาสกัน บรรยากาศน่ารักดี

    พอฟ้าเริ่มสว่างหน่อยก็จะเห็นทะเลข้างทาง สวยมากกกกกก ต่ถ่ายมาได้แค่นี้แหล

    อันนี้เป็นโปสการ์ดที่ทำไว้เองก่อนรูปหาย

  • เข้าเมืองเก่ากัน


     เราไปถึงวีกันช่วงเช้า - พอลงจากท่ารถก็เดินตามแมพว่าให้ไปที่ Calle Crisologo ทางจากท่ารถอาจดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่พอเข้าเมืองไปก็ไม่มีอะไร ให้พยายามเดินด้วยอินเนอร์มั่นใจว่าฉันรู้ทางหรอกแก๊ ไม่ต้องมาเสนอค่ารถราคาแพงให้ฉัน ฉันแค่กำลังกลับบ้านไรงี้ เดินวนไปวนมาก็เข้าเขตเมืองเก่า พอเข้าเขตนั้นก็ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวได้ เราไปถึงก่อนเวลา ที่พักเลยให้ฝากกระเป๋าไว้แล้วไปเดินเล่นก่อน ตอนนั้นร้อนๆ ไม่ค่อยอยากถ่ายรูปเท่าไหร่ ก็เลยไปเดินซื้อขนมซื้อกาแฟ และไปพิพิธภัณฑ์แถวนั้น แล้วก็เดินสำรวจรอบนอก


    โรงแรมในเขตเมืองเก่า

    ร้านขายของที่ระลึกและร้านเบเกอรี

             วันนั้นเป็นวันที่ 23 ธ.ค. - ทางเกสเฮ้าส์มีงานปาร์ตี้วันคริสมาสต์ของบ้านเขา เลยชวนเราไปด้วย  วิธีปาร์ตี้เขาคือ เอาใบตองมาวางรองอาหารแทนจานยาวๆ แล้วก็รวมอาหารทุกอย่างไว้ในใบตองนั้น แล้วจกด้วยมือ นี่คือวิธีดั้งเดิม เขาว่างั้น เราก็ไปจกกับเขาด้วย ตอนแรกเขาเกรงใจ กลัวเราไม่กล้าจกเลยเอาจานช้อนมาให้ เรานี่แบบ โอ๊ย บ้านไอก็จกยู Don’t worry! 

              ข้อมูลเพิ่มเติม  มีผู้อุปการะคุณช่วยบอกข้อมูลมาว่า วิธีการใช้มือทานอาหารนั้นเรียกว่า "Kamayan"  เป็นภาษาตากาล็อก (Kamay แปลว่า มือ) และการที่นำอาหารวางบนใบตองยาวๆ เรียกว่า "Boodle Fight" นี่เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมา เขาว่ากันว่า การทานอาหารสไตล์นี้เริ่มต้นมาจากกองทัพทหาร อารมณ์แบบเป็นมื้อที่ต้องรีบๆ รีบจนไม่มีเวลามาใช้จานชามช้อนส้อม เวลาจะเก็บก็แค่ม้วนใบตองทิ้ง เร็วดี อะไรประมาณนี้   

               พอ Boodle Fight เสร็จก็นั่งคุยเรื่องต่างๆ กันหนุกหนาน อาหารก็อร่อย เจ้าของที่พักลิสต์สถานที่เที่ยวและอาหารต่างๆ ให้เยอะมาก ประทับใจที่พักมาก  ชื่อ Escolta’s Homey Lodge นะ อยู่กลางถนน Crisologo เลยสะดวกสบายมาก 


    ค่าที่พักประมาณคืนละ 600 THB

    ลิสต์ที่ทางเกสเฮาส์เขียนให้ 

    หลังจากปาร์ตี้กับเสร็จ - เราก็มีเวลาเดินไปเดินมาในเมืองอีกรอบ เราเดินออกจาที่พักไปทางขวาเรื่อยๆ จะเป็นทางออกไปที่ Plaza Salcedo แลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ อยู่ตรงหน้ามหาวิหารวีกัน หรือ อาสนวิหารนักบุญเปาโล (Vigan Cathedral, St. Paul’s Cathedral, St. Paul Metropolitan Cathedral) สถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกที่สร้างขึ้นในช่วงที่ฟิลิปินส์เป็นอาณานิคมสเปน สร้างโดยคุณฮวน เด ซัลเซโด (Juan de Salcedo) ทหารชาวสเปนที่เข้ามาในยุคนั้น



    Plaza Salcedo - มีบ่อน้ำพุตรงกลาง เขาบอกว่าจะมีการแสดงน้ำพุตอนค่ำๆ แต่วันที่ไปดันไม่มี    ก็เลยไปนั่งเล่นเนียนๆ กับวัยรุ่นแถวนั้นแทน แถวพลาซ่านี้มีอาหารขายเยอะพวกร้าน Fast Food  ก็จะอยู่ละแวกนี้ สามารถมาทานมื้อกลางวันกับมื้อเย็นได้ที่นี่เลย ถ้าไม่อยากทานในเขตเมืองเก่า


    รูปหน้าโบสถ์ตอนกลางคืน

    บรรยากาศที่พลาซ่าตอนกลางคืนจะมีไฟประดับสว่างไสวไปหมด มีเด็กๆ และวัยรุ่นมานั่งเล่นกันเยอะมาก อากาศก็ค่อนข้างดีเลย

             ส่วนบรรยากาศตอนกลางคืนในเขตเมืองเก่าก็จะอยู่กึ่งกลางระหว่างความโรแมนติกกับความหลอนเบาๆ บรรยากาศค่อนข้างสงบเงียบกว่าพลาซ่ามาก มีแค่เสียงเพลงจากร้านอาหารบางร้านกับเสียงรถม้ากุบกับตลอดทาง


               อาหารมื้อเย็นของเราคืออันนี้ จำชื่อบ่ได้แล้ว 555 คิดว่าน่าจะเป็น Longganisa ที่เกสเฮาส์แนะนำมา ถ้าใช่ก็จะเป็นไส้กรอกที่นิยมในสเปนและแถบลาตินอเมริกา แต่ละประเทศจะมีสไตล์ของตัวเอง ที่นี่ก็เช่นกัน เหมือนจะเป็นสูตรเฉพาะของวีกันเลย จำได้ว่าเปรี้ยวๆ อร่อยดี สมัยนั้นยังผอมๆ อยู่ แค่ไส้กรอกกับ empanada 1 อันก็อิ่ม เพราะตอนเย็นก็ปาร์ตี้ไปด้วยหน่อยหนึ่ง


    Empanada นี่อร่อยมาก ของฮิตของที่นี่เลย แนะนำๆ

      คนที่นี่นอนเร็ว แป๊บเดียวทั้งถนนก็เงียบไปหมดแล้ว แต่เสียงม้ากุบกับยังอยู่ พอเราเดินเที่ยวจนพอใจ ก็กลับขึ้นมานอน ห้องที่จองเป็นห้องรวม เตียงสองชั้นสองเตียง แต่ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้าย เราได้นอนห้องนั้นคนเดียวไปเลยพอจะนอนก็นึกขึ้นได้ว่าเอ้า กลัวผีว่ะ บรรยากาศให้มาก บ้านไม้เก่าๆ เนี่ยถ้าเจอผีจะทำไง แต่สุดท้ายก็ไม่มีผีจ้า ไปได้โลด...

    บรรยากาศตอนเช้าที่นี่ดีนะ -  เงียบสงบ สวยดี อารมณ์แบบถนนเป็นของฉัน ถ้าใครอยากถ่ายรูป แนะนำตื่นตอนเช้าเลยจ้า อากาศกำลังดี


    พื้นถนนจะประมาณนี้นะ

    หลังเดินออกจากเขตเมืองเก่า - ก็เดินกลับไปที่ท่ารถเดิม ท่าเดียวกับที่ลงมาเมื่อวาน ใช้ Google Map เหมือนเดิม แล้วซื้อตั๋วไปบาเกียวรอบเช้า ราคาค่าตั๋วประมาณ 300-600 php มั้ง 

    และก็ได้เวลา Saying Goodbye to Vigan!

    (มีต่อ)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in