ท้ายเดือนพฤษภาคม ชะนีสาววัยยี่สิบเอ็ดขึ้นปีสองได้ทำการโยกย้ายจากเมืองศรีสะเกษมายังศรีไคซิตี้เมืองศรีวิไลอีกครั้ง อิฉันรู้ดีว่าปิดเทอมที่ผ่านมา มีผู้มากหลายตาเข้ามาชอนไชอิฉันให้หัวใจกระเส่าเหยียบสองเดือนกว่า หนุ่มมอเชียงใหม่เอย บาริสต้าร้านกาแฟเอย สุดท้ายอิฉันก็เลือกพี่แฟรงค์ ตำรวจหนุ่มหัวเกรียนมาครอบครอง
ย้อนครั้งแรกที่เราเจอกัน เจ้าของหมาตุ๊กกี้หลังอานตัวนั้นเป็นแม่สื่อแท้ๆ ที่ทำให้พี่แฟรงค์เล่นส่ง Location ผ่าน Line มาได้แทบทุกวัน เสมือนคู่รักมักจี่ทั่วๆไป พร้อมทั้ง Stricker อรุณสวัสดิ์และบอกฝันดีก่อนเข้านอนทุกคืน ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มร่างหมี วัย 30 ผิวขาวคนนี้จะทำให้ชะนีอย่างอิฉันหวั่นไหวขึ้นมา และแล้วเราทั้งคู่ก็ตกลงปรงใจกันในที่สุด
สัปดาห์แรกในการคบระยะไกลกัน หลังจากที่อิฉันได้ไปซัดกุ้งอบวุ้นเส้นที่ร้านบ้าเส้นร้านโปรดมานั้น พี่แกก็วิดิโอคอลเข้าให้ พร้อมทั้งทักทายเจ้าตุ๊กกี้พอเป็นพิธีผ่านกล้องหน้ามือถือ เวลา 21.30
" ฝ้าย พรุ่งนี้พี่ว่าพี่จะไปสุรินทร์น่ะ พี่จะไปหาลูกค้า " (อินี่ส่งปุ๋ยอินทรีย์ขายเป็นธุรกิจเสริมจ่ะ)
" ค่ะ ขับรถดีๆนะคะ "
" พรุ่งนี้เรามีเรียนเช้าไหม? "
" มีค่ะ ฝ้ายเรียนภาษาจีนตอน 10 โมงเช้า "
" อื้ม...พี่ว่าพี่อยากกินก๋วยจั๊บอุบลจัง ตอนนี้ที่โน้นเปิดหรือเปล่า? "
"เปิดนะคะ เขาเปิดถึง 5 ทุ่มเลย "
"อื้ม...พี่ว่าพี่จะขับรถไปหาเราอ่ะ "
"ห๊ะ ขับรถจากศรีเกษมาอุบลเนี้ยนะ มันไกล"
" แค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว พี่ว่าจะไปนอนที่โน้นด้วย เราจะไปนอนกับพี่ไหม?"
" พี่แฟรงค์มารับฝ้ายไปกินข้าวก็พอค่ะ ฝ้ายไม่นอนด้วย"
ฮัลโหล แม่! รู้จักได้ 2 เดือน คบกันไม่ถึง 2 วันเลย ขอละหรอ จะหิ้วอิฉันเข้าเมืองไปซุกที่โรงแรมแล้วคือข่อยบ่มีรถเด้อ เผื่อตื่นมาเขาชิ่งหนีทำไง ชะนีทุกคนต้องมีสตินะคะ อิฉันจึงปฏิเสธไป ถึงกระนั้นแล้วนางก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยใส่ตลอด 1 ชั่วโมงเต็มที่วิดิโอคอลกัน ถามคำตอบคำตามประสาชายฉกรรจ์ขี้งอน
เมื่อเวลาผ่านไป 3 สัปดาห์ พี่แฟรงค์จะโผล่ๆหายๆราวกับพระเอกอินเดียที่วิ่งหนีนางเอกหลบซ้ายหลบขวาตามเสาไฟฟ้า แชททีแทบนับครั้งได้ จนติดต่อได้และคุยกันจริงๆจังคือ สิ้นเดือนมิถุนายน
"ฮัลโหล พี่แฟรงค์อยู่ไหนคะ ทำอะไร ทำไมไม่เคยรับสายเลย ไม่ไลน์มาหาชาติเศษนี่คืออะไร ฝ้ายเป็นเพื่อนแก้เหงาหรอ หรือเป็นเมียน้อย?" น้ำเสียงไม่พอใจเหมือนกิ๊ก สุวัจนีในละครหลังข่าวช่อง 3
" พี่ทำงาน ฝ้ายไม่เข้าใจหรอ นี่พี่เหนื่อยมากนะ จะเอาเวลาไหนมาตอบ เอาเวลาไหนมารับโทรศัพท์"
"หายไปจนรากงอกแล้วบอกว่าไม่มีเวลาได้ไง ตอนมาจีบทำไมมีเวลา ลาพักร้อนมาจีบหรอคะ"
"ก็พี่ทานข้าวกับผู้ใหญ่ ฝ้ายเข้าใจไหม ราชการเขาถือ เราเป็นชนชั้นผู้น้อย ต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ การหยิบมือถือขึ้นมาคือเสียมารยาท"
โทษนะ คือญาติอินี่ก็รับราชการค่ะ การแดกข้าว ณ เวลาสี่ทุ่มเป็นต้นไป คือการสังสรรค์ค่ะ ไม่ใช่เวลาราชการ อิฉันโมโหแต่ต้องแสร้งทำเป็นเข้าใจทุกอย่าง สุดท้ายนางยังวนมาเรื่องเก่าว่าทำไมไม่ยอมนอนด้วย อิฉันยังค้านหัวชนฝาว่าจะไม่ชนกับนางเด็ดขาด แต่นางก็ลั่นว่า "ทุกคนก็ต้องป้องกันไหม"
นี่คือ 10 นาทีแรกที่อิฉันรับสายและตั้งใจฟังนางจริงๆ หลังจากนั้น อีก 50 นาทีอิฉันก็คว่ำมือถือปล่อยให้นางตะคอกจนสุดเสียงและรับบทเหยื่อผู้น่าสงสารที่เคยช้ำรักจากเมียเก่าลูกติดหนึ่งหรือสาวบุรีรัมย์ที่คนข้างบ้านเคยมาฟ้องอิฉัน เจ็ดแปดเดือนที่ผ่านมานางแค้นฝังหุ่นผู้หญิงคนนี้จริงๆ เล่าเรื่องเมียเก่าให้ฟัง จนอิฉันหูชาไปข้าง
แต่ถึงอย่างไรแล้ว รูมเมทของฉันผู้เสือกทุกสถานการณ์ก็บอกว่า มึงตัดสายแม่งเหอะ มันพล่ามนานละ เปลืองแบตเปล่าๆ อิฉันนั่งครุ่นคิดสักครู่ยังไม่ถึง 10 วิ ตัดสินใจวางสาย พร้อมตบไหล่ตัวเองว่า นี่คือ Toxic Relation ที่แท้ทรู อิฉันไม่สามารถอดทนกับผู้ชาย EQ ต่ำ เป็นสลิ่ม คลั่งเจ้า คลั่ง Boss และเจ้าชู้ขั้วผู้หญิงท้องแล้วทิ้งไปอย่างง่ายดาย
อิฉันยังเป็นนักศึกษาปี 2 ที่พยายามจะเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ อิฉันพยายามเรียนรู้จากเขาแล้วพบว่า "เงิน คือ พระเจ้า" เพราะฉะนั้นการตัดสายของอิฉันจึงเด็ดขาดมากเพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่า เชิญเสด็จออกไปจากชีวิตกรูสักทีค่ะ อิดอก ประสาทแดกมานานละ
หลังเลิก เขาส่งข้อความสุดท้ายมาหาอิฉันพร้อมบอกว่า จะไม่ติดต่อมาหาอิฉันอีกเลย อ้ายจะไปแล้วเน้อ
ส่วนอิฉันได้แต่เปิดเพลง Cardigan ของแม่เทย์เพื่อเป็นการ่ำรารักป่วยๆครั้งนี้ค่ะซิส
แม้นว่าจะเลิกกันแล้ว อิฉันก็ทำการเสือกต่อจาก Facebook นางจนหาเบอร์นางได้ในที่สุด และใช้ไลน์เพื่อนแอดไป พบว่าสาวบุรีรัมย์ที่นางช้ำรักมานั้นมีจริงไม่จกตา แถมยังตัดพ้อร่ำไห้ว่าโดนอิแฟรงค์เทจน Became เป็น Single Mom เป็นพนักงานบิ๊กซีหาเช้ากินค่ำส่งลูกเรียนคนเดียว
อิฉันแทบจะร้องไห้แทนผู้หญิงคนนั้น เพราะแม่ของอิฉันก็ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างจากผู้หญิงคนนั้นมา มันเหนื่อยแสนสาหัสมากที่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้คนเดียว นี่เป็นสาเหตุที่อิฉันมีหัวแบบสตรีนิยม เวลาจะเลือกผู้ชายต้องดูให้รอบคอบ เสือกเรื่องของมันให้หมดทุกสรรพสิ่ง และหาจุดอ่อนของมันให้เจอเวลาที่ถูกหลอกมาจะได้ตอบแทนอย่างสาแก่ใจ
นั่นเป็นความคิดลบของอิฉันที่มีไว้ปกป้องตัวเองเสมอ แม้ว่าผู้คนที่เห็นต่างจากอิฉันจะมองว่าอิฉันเป็นนางมารร้ายก็ตามแต่ ผ่านไป 1 เดือนผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อคนนั้นได้พี่แฟรงค์กลับคืน เพราะลูกคนที่สองเป็นกาวยาแนวให้ทั้งคู่กลับมาหากันอีกครั้ง
อิฉันรู้สึกดีใจมากที่เขาไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ความเป็นพ่อและกลับไปหาลูกอยู่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไรต่อ อิฉันขอไม่เสือกนะคะ สุดท้ายนี้อิฉันได้บทเรียนเล่มใหม่ที่ไม่ได้มีขายตามเซเว่น นั่นก็คือ "อย่าไปเชื่อคำพูดของผู้ชายมาก" วลีเด็ดที่หญิงหญ้ากล่อมหูอิฉันตั้งแต่ 5 ขวบ
"เป็นชะนีต้องแข็งแกร่ง ต้องเรียนหนังสือเก่งๆ หาเงินเองได้ มีอาชีพติดตัว เพราะตอนที่เขาทิ้งเราไป เราไม่เหลืออะไรยกเว้นอาชีพหากินของตัวเองเท่านั้น " หญิงหญ้ากล่าว
แหม ใครจะไปรู้ละคะว่าวลีโบราณยุค 70 ของหญิงหญ้าสาวเปรี้ยวประจำตำบลหญ้าปล้องจะปังได้ทุก Generation เบอร์นี้ THX U NEXT ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in