เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Janie Is Not So Welljanieishappy
Jane x Fluoxetine
  • จากครั้งล่าสุดที่ไปหาหมอ เรากับหมอสรุปกันได้แล้วว่า fluoxetine คือยาที่โอเคกับเรามากที่สุดแล้วตอนนี้ มันมีความสามารถในการดึงเราขึ้นมาจากหุบเหวนรกนั่นได้มากกว่ายาตัวอื่นๆ ที่เราเคยลองมา และผลข้างเคียงมันก็ไม่ได้มากมายอะไร หมอก็เลยให้เรากินต่อไป “คราวนี้ต้องกินติดต่อกันไปอีกนานเลยนะ” หมอขู่ฟ่ออออ “เพราะคราวที่แล้วหยุดแล้วอาการแย่ทันทีเลย” ฟ่อออ ฟ่อออออออ กลัวแล้วจ้า กลัวแล้ว

    หมอถามว่ายานอนหลับ clonazepam ที่ให้ไปได้กินไหม เราบอกว่าเรากินทุกวันเลย เพราะไม่รู้ว่าต้องกินยังไง คราวที่แล้วหมอไม่ได้บอก ก็เลยกินทุกวันตามใบสั่ง ฮ่าๆๆ แต่หมอไม่ขำ หมอถามว่ากินแล้วฝันไหม เราบอกว่าฝัน หมอเลยบอกจะเปลี่ยนยานอนหลับให้เป็น lorazepam ยาเดิมที่เราเคยได้ตอนแรก วิธีแก้ของหมอบางทีแม่งก็ง่ายเกินไปนะ นอนไม่โอเคหรอ ฝันเยอะหรอ อ่ะ เอายานอนหลับไปนะ บรัย!

    เรื่องฝันนี่คือจุดอ่อนสุดของเราเลยกับการกิน fluoxetine ไม่ใช่ว่ากินยาตัวอื่นแล้วเราไม่ฝันนะ มันก็ฝัน แต่ฝันเลอะๆ เทอะๆ อะไรไม่รู้ และมันก็ไม่ได้แย่อะไรมาก มันแค่ตื่นมาแล้วรู้สึกรำคาญว่าฝันอีกละ แค่รู้สึกเหมือนสมองมันคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้พัก แต่กับ fluoxetine ความฝันมันร้ายมาก ไม่ใช่ร้ายแบบมีผีตาโบ๋มาไล่บีบคอเรา หรือฝันว่าเราไปวิ่งหนีปอบลงตุ่มหนึ่งมาโผล่ตุ่มสองแล้วหนีลงตุ่มสามไปเจอปอบอะไรแบบนั้นนะ แต่มันร้ายแบบที่เราฝันว่าเราลืมไปศาลอ่ะ หมอฟังแล้วขำเบอร์แรงมาก หึ เราพยายามบอกหมอว่ามันแย่มากนะ มันเหมือนจริงมากๆ เหมือนเราลืมไปศาลจริงๆ คือการลืมนัดศาลมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ แล้วในฝันคือทุกอย่างแม่งพังสุดอ่ะ ตื่นมานี่ต้องมานั่งตั้งสติเรียกขวัญอยู่พักนึงเลยอ่ะว่า ‘นั่นคือฝัน อิเจน มันคือความฝัน ขวัญเอ้ยขวัญมา’ เราบอกหมอว่า อิฝันโหดๆ แบบนี้ เราเพิ่งมาเป็นสองคืนนี้เอง จากที่เรากิน fluoxetine มาได้แล้ว 14 วัน หมอก็บอกประมาณว่า ก็คงต้องแลกแล้วแหละ เพราะมันเป็นยาตัวเดียวที่ช่วยเราได้ดีที่สุด ...แล้วชั้นเลือกอะไรได้ไหมมม เลือกให้เธอไม่ไปได้รึเปล่าาาา

    หลังจากที่กิน fluoxetine ไปสองอาทิตย์ โดยรวมแล้วเราโอเคขึ้นนะ ดีขึ้น หมอดูดีใจมากอ่ะ ดีใจเหมือนเราบอกว่าเราหายแล้ว ยังไม่หายนะหมอ ดีใจทำไม — ถึงจะดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย ยังมีดิ่งๆ อยู่บ้าง หมอก็บอกให้เราทน ให้โอกาสยามันออกฤทธิ์เต็มที่ก่อน มันอาจจะดีขึ้นอีก อาจจะนะ อาจจะ 

    เราบอกหมอว่า ไอ้เรื่องที่เรากังวลกลัวว่าพ่อจะตายวันนี้พรุ่งนี้ไรนั่นมันยังคงหลอกหลอนเราอยู่ มันยังไม่ไปไหน เรายังคงคิดตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลาพ่อเดินไปเซเว่นปากซอยหรือยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บ้าน
    “คือเวลาไหนที่พ่อไม่อยู่กับหนู หนูก็จะคิดตลอดว่ามันอาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา”
    เราบอกหมอว่าเราอยากให้ความคิดแบบนี้มันหายไปสักที เราเบื่อ หมอก็บอกเราว่า เดี๋ยวพออาการดีขึ้นมันก็อาจจะหายไปเอง เออ เราก็ต้องรอต่อไปงี้? แล้วหมอก็บอกให้เราฝึกคิด ให้เรามีสติ รู้ทันความคิดตัวเองไรงี้ ได้อารมณ์เหมือนมาฟังเทศน์ฟังธรรมไปอีก สาธุ

    นอกจากความกังวลเรื่องพ่อที่ดูจะไม่จบง่ายๆ เราก็ยังมีอีกเรื่อง ไม่สิ เรายังมีอีกหลายเรื่อง ฮ่าๆ รอบนี้เราตัดสินใจถามหมอไปเรื่องนึง มันเป็นเรื่องที่ค้างคาใจเรามาตลอด เราเอามันออกไปไม่ได้ คือเราจะรู้สึกแย่กับตัวเองมากที่เรามีความคิดอยากให้คนที่เป็นต้นเหตุให้แม่เราตายมีชีวิตอย่างไม่มีความสุข เราอยากให้เค้าโศกเศร้าเสียใจ เราอยากให้เค้าสำนึกผิด รู้สึกผิดว่าสิ่งที่เค้าทำมันส่งผลต่อชีวิตเรามากมายขนาดไหน หมอให้เราเล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นให้หมอฟัง เราก็เล่าไปได้แค่คร่าวๆ แบบสรุปๆ เพราะน้ำตามันเริ่มเอ่อ แล้วมาสคาร่าก็ไม่กันน้ำด้วยไง หมอก็ตั้งใจฟังนิ่งเชียว น่ารัก ค่อยคุ้มกับที่เราเสี่ยงตาแพนด้ามาเล่าให้ฟังหน่อย พอหมอฟังเราจบ หมอก็ถามเรากลับว่า “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าเค้าไม่เศร้าไม่เสียใจ” เออ อันนี้เราก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นเพราะเราไม่รู้มะ เราก็เลยเป็นแบบนี้ คือเค้าดูปกติ ใช้ชีวิตได้ปกติ ดำเนินชีวิตต่อไปได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเค้าไม่ได้คิดอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าเค้าแสดงอาการเศร้าโศกหรือสลดบ้างเราก็คงไม่มาคิดแบบนี้หรอก จริงมะ? เราบอกหมอว่าเรารู้สึกเหมือนเป็นคนเลวที่คิดแบบนั้น หมอก็บอกว่า จากเหตุการณ์ที่เราเจอ เรามีสิทธิเต็มที่ที่จะโกรธนะ อย่าไปรู้สึกผิดกับการคิดอะไรแบบนั้น “คุณโกรธเขาได้ ไม่ผิด” ...ถามว่ารู้สึกดีขึ้นมั้ย? ก็ไม่อ่ะ

    เหมือนเราก็พอจะรู้นะว่าเค้าก็ไม่สบายใจมาตลอด เค้าเคยไปขอโทษพ่อเรา แต่โทษนะ คนที่ประสบเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนั้นคือเรา ไม่ใช่พ่อ แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นมันทำลายชีวิตเรามาจนถึงตอนนี้ ไปขอโทษพ่อ แต่กับเรานี่ไม่คิดจะมาขอโทษอะไรเลยหรอ คิดว่าเด็กเจ็ดขวบจำไรไม่ได้ คิดไรไม่ได้หรอ ใช่สิ ตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไง เลยไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เราเห็นมันแย่ขนาดไหน แล้วไหนจะมีฉากเหตุการณ์วันนั้นรีเพลย์อยู่ในหัวเราตลอดเวลาที่นึกถึงอีก คุณคิดว่ามันโอเคหรอ — เราก็ไม่รู้นะว่าถ้าเค้ามาขอโทษเรา เราจะหายโกรธเค้าไหม เราไม่รู้เลยจริงๆ สิ่งที่เราได้ประสบวันนั้นมันแย่เกินกว่าที่คำพูดว่าขอโทษคำเดียวจะสามารถลบล้างทุกอย่างได้ ไม่ต้องเอาแม่เรากลับมาก็ได้ แต่แค่ลบความทรงจำของเราในวันนั้นออกไปทีเถอะ เราไม่อยากให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
callmejay (@thnnwu)
ที่บอกว่ายังดิ่งๆนี่ท่าจะจริง ส่วนเรื่องความฝัน เข้าใจเลยนะ เพราะบางความฝันมันเลวร้ายมาก ทำความรู้สึกหลังตื่นมาพังทั้งวันก็มี แต่ก้ยังดีที่มันเป็นแค่ฝัน จริงๆเราก็มีเรื่องที่คาใจอยู่แบบที่ไม่อยากบอกใคร คิดว่าจะไปหาหมอดัีมั๊ยเพราะเคยลองเล่าให้คนสนิทฟังแล้วเค้าบอกว่าไปหาหมอเถอะ 55555 ยังไงดีล่ะ เราก็ผ่านมันไปไม่ได้เหมือนกันเรื่องนี้ เพราะงั้นมาพยายามกันเถอะคุณเจน :)
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu ไปค่ะ ไปหาหมอกันค่ะ 555
callmejay (@thnnwu)
@janieishappy ขอเอาใจช่วยคุณเจนอยู่นี้ดีแล้ว >< 55555
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu โถ่วววว
callmejay (@thnnwu)
@janieishappy รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะะะะ
janieishappy (@janieishappy)
@thnnwu ไม่มีอะไรจะอัพเดท นอกจากช่วงนี้โคตรดิ่งเลยค่าาาา เย้
Thanawan (@tthanawan_pr)
เข้าใจเลยค่ะ เวลาหยุดยาเองนี่เหมือนซอมบี้มากัดกินร่าง ความคิดพังมากๆเลยอะ
janieishappy (@janieishappy)
@tthanawan_pr ไม่กล้าอยู่โดยไม่มียาแล้วตอนนี้ กลัวตัวเองมาก