เหมือนดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
เหมือนสายฝนในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว
เหมือนเมฆสีขาวในวันที่แดดส่องจ้า
เหมือนสัญลักษณ์แห่งความสุข
คุณคือสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั่น
“
เป็นหนึ่ง
ผู้ชายตัวสูงไหล่กว้างในชุดนักศึกษาพอดีตัว ถึงจะมีเนคไทด์ตามระเบียบด้วยแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่ามองลดลงไม่ได้ดูเด๋อด๋าแต่ทำให้ดูเคร่งขรึม เข้ากันกับบรรยากาศรอบตัวของหมอนั่น
ผมกระดกแก้วที่อยู่ในมือ นึกไม่ออกแล้วว่าแก้วที่เท่าไหร่และแก้วนี้ใครส่งมาให้รู้แค่ว่าลำคอแห้งผากขึ้นมาเฉยๆ หัวใจกระตุกเร็วกว่าปกติหนึ่งจังหวะ
แต่ใบหน้าผมเรียบเฉย ผมเก่งเรื่องนี้ ผมรู้
“
“
“
“
คำสี่คำที่เอามาเรียงกันเป็นประโยคยาวๆได้นั่นควรถูกพูดออกมาครั้งเดียวแต่มันกลับถูกพูดออกมาทีละคำๆเหมือนกับจะย้ำ แอบอิงหลุบตาลงต่ำ รู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกหัวใจที่เต้นนั้นเข้าสู่จังหวะที่ทำให้เจ็บลึกอยู่ข้างใน
นั่นเป็นคำที่ผมเคยใช้บอกเขา
มันเป็นคำ…ที่ผมใช้เพื่อปฏิเสธเขา
อย่างที่คิด เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาเรียวรีคู่นั้นจ้องผมอยู่ก่อนแล้วเราสบตากัน รับรู้ความหมายบางอย่างที่ผมในตอนนี้ไม่รู้ ไม่อยากรู้
“
“
“
มุขฝืดๆที่ใช้เรียกเสียงหัวเราะในวงเหล้าแต่เรียกเสียงหัวเราะจากแอบอิงไม่ได้ใบหน้าคมก้มลงใช้ปลายนิ้วไล้ขอบแก้ว แม้จะรู้ว่าท่าทางเหม่อลอยทั้งหมดจะตกอยู่ในสายตาใครก็ไม่สนใจ
สายตาคน…แล้วยังไง
สังคมมอง…แล้วยังไง
ไม่อยากจะรับรู้หรือสนใจอะไรอีกแล้ว
แก้วแล้วแก้วเล่าที่ถูกยกดื่มตกอยู่ในสายตาของเป็นหนึ่งตลอดเวลา
………
เหมือนกับว่ากระจกมีรอยแตกร้าวอยู่ทั้งบาน
เหมือนกับว่ามีตะปูอยู่ในรองเท้า
เหมือนกับว่าถูกกรีดแผลเดิมซ้ำๆ
สิ่งเจ็บปวดเหล่านี้ ดูเหมือนว่าเกิดจากคุณด้วยเช่นกัน
เป็นหนึ่งหลับตาลงโดยที่มือยังคงลูบขนแมวสีเทาขนฟูอยู่ สัมผัสนุ่มลื่นจากเส้นขนนั่นทำให้รู้สึกสงบลงภายในสงบลง แม้ว่าภายนอกจะดูไม่เปลี่ยนเเปลงก็ตามที
ในหัวนึกถึงเจ้าของร่างผอมบางสูงโปร่งที่ยังคงนอนอยู่ในห้อง ใบหน้าแบบนั้นรูปร่างแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น กลิ่นหอมเหล่านั้น แทบไม่มีอะไรต่างไปจากในความทรงจำทั้งที่ผ่านมาเกือบหลายปีแล้วแท้ๆ
แอบอิง
ชื่อของผู้ชายที่ครองเตียงไปนอนคนเดียว เจ้าของใบหน้าคมที่ถ้าพูดชื่อไม่มีใครไม่รู้จักเจ้าตัวดังในคณะอยู่พอตัว ควาทจริงแล้วผมควรเรียกเขาว่าพี่แอบอิง แต่เพราะเคยชินที่จะเรียกชื่อเฉยๆบางครั้งเลยเผลอ
แอบอิง
ชื่อของผู้ชาย…ที่เป็นรักแรกของผม ก่อนหน้านี้เป็น ตอนนี้ก็ยังเป็น ผมกับเขาเคยคุยกันเราไม่ได้มีสถานะอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ถ้าเขาเรียกผมจะไปหา ถ้าผมอยากไปไหนจะมีเขาไปด้วย
และถ้าอยากจูบ…ก็ไม่มีใครที่จะปฏิเสธมัน
เป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งปดปิดหลบซ่อนแต่ก็เปิดเผย ไม่ได้ป่าวประกาศแต่ใช้การกระทำเป็นตัวบอก
เพื่อนผมบอกว่าความสัมพ์แบบนี้ไม่มีวันยืนนาน
พี่ชายของผมบอกว่าเราไม่มีทางคบกันยืด
ผมบอกทุกคนว่าผมชอบเขาจริงๆ
ผ่านไปไม่นาน
ทั้งเพื่อนและพี่ชายผมพูดถูก เราไม่มีทางมีความสัมพันธ์แบบนี้ได้นาน ครอบครัวของแอบอิงไม่ชอบเรื่องแบบนี้ที่ผ่านมาแม้ว่าจะปิดแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ล้มเหลวอยู่ดี
แอบอิงย้ายโรงเรียนในช่วงปีสุดท้าย ทิ้งคำพูดและน้ำตามากมายไว้เป็นของอำลา
“
แต่ผมชอบเขา
“
ผมผิดเองก็ได้
“
แอบอิงร้องไห้ น้ำตามากมายทะลักไหลออกมา ปลายจมูกแดงก่ำ ริมฝีปากเม้มแน่นแต่ก็ยังปฏิเสธการปลอบโยนจากผม
“
ผมรู้
“
ผมรู้ทุกอย่าง
“
เขาชอบผมถึงขนาดที่ว่าให้ผมเปลี่ยนไปชอบคนอื่น จะได้ไม่เจ็บปวด
เขาชอบผมถึงขนาดที่ว่ายอมย้ายโรงเรียนเพราะไม่อยากให้ครอบครัวเขามองผมไม่ดี
เขาชอบผมถึงขนาดนั้น
เขาปกป้องผมถึงขนาดนั้น
แต่ผมทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง
……..
เหมือนได้กลิ่นของสายฝนจากความทรงจำ
เหมือนสัมผัสของคุณยังคงหลงเหลือ
เหมือนความอบอุ่นของคุณยังโอบล้อมอยู่
เหมือนกับว่ายังมีคุณ....แจ่มชัดในความทรงจำ
เพียงแต่ไม่มีคุณอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
โคตรปวดหัว
แอบอิงรู้สึกจี๊ดขึ้นมาทันทีที่ลืมตาตื่นความปวดหนึบในหัวแล่นเข้ามาแทบจะทันทีที่รู้สึกตัวจนต้องขมวดคิ้วมุ่นริมฝีปากบางเบะออกเพราะไม่ชอบเอาซะเลยอาการเมาค้างพวกนี้พลิกตัวหนีแสงแดดที่สาดเข้ามาโดนตาจนหน้าจมกับผ้าห่มอยากจะขอหลับต่ออีกซักพักเพราะจำได้ว่าวันนี้เป็นวันหยุด
เพียงแต่กลิ่นของผ้าห่มดูจะแปลกไปซักหน่อย ทั้งยังนิ่มแปลกๆด้วย
แอบอิงลืมตาขึ้นมาประมวลผลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าใจว่าที่ตัวเองกอดอยู่ไม่ใช่ผ้าห่มแต่ว่าเป็นแมวขนฟูตัวหนึ่งพอเข้าใจแล้วก็พลิกตัวไปอีกด้าน หลับตาเพื่อนอนต่อ
ไม่ถูก!!!
ห้องของแอบอิงไม่มีแมว!!!
คราวนี้คนมึนหัวลุกพรวดขึ้นมานั่งมองสำรวจเนื้อตัวก็เห็นว่าไม่ใช่ชุดนักศึกษาอย่างที่จำได้ถึงจะดีที่มีครบทั้งบนทั้งล่างแต่การที่มีคนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หรือการตื่นมาตัวเปล่าก็น่าตกใจพอกันนั่นแหละสีผ้าห่มก็ไม่ใช่ การตกแต่งห้องก็เหมือนจะยิ่งไม่ใช่
คนบนเตียงนั่งหน้าซีดความปวดหัวยังมีอยู่และดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆความทรงจำสุดท้ายที่เหมือนจะยังเหลืออยู่น้อยนิดคือแอบอิงดื่มเพลินจนเมาเพราะไม่ใช่คนคอแข็งแต่ก็ยังดื่มเอาพรวดๆนั่นแหละตอนนั้นเข้าใจว่าเพื่อนน่าจะเป็นคนแบกไป แต่กลับไม่ใช่
นี่มันที่ไหนกันวะ!!!!
โวยวายสติแตกแบบเงียบๆเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ที่หางตาก่อนจะนึกได้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตในห้องเจ้าแมวอ้วนขนยาวฟูฟ่องกระโดดลงจากเตียง เดินนวยนาดไปยังประตูแอบอิงเลยถือโอกาสเดินตามตูดแมวไปด้วย
เจ้าแมวอ้วนที่ไม่รู้จักชื่อทำหน้าที่เป็นไกด์ได้ดีเยี่ยมแป๊บเดียวก็พามาเจอกับแผ่นหลังกว้างกับเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองที่นั่งหันหลังให้บนโซฟาตอนแรกแอบอิงจะเข้าไปถามแต่เพราะแวบเดียวที่กระพริบตาก็รับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
เป็นหนึ่ง
บรรยากาศหนักอึ้งกดลงบนไหล่จนแทบจะยืนไม่ไหวแต่ก็ทำเป็นไม่รับรู้อะไรพวกนั้นก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าบังการมองเห็นของเจ้าของห้องเป็นหนึ่งเลิกคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มาบังทีวีคนอื่น
“ส..เสื้อพี่อยู่ไหน”
แอบอิงถามก่อน ใช้สรรพนามที่ฟังแล้วดูติดขัดแปลกแปร่งในหูและคนพูดเองก็อยากจะกลืนสรรพนามที่ใช้กลับลงคอแต่มันไม่ทันแล้วบรรยากาศอึดอัดยิ่งกว่าเมื่อกี้เมื่อเป็นหนึ่งยังเลิกคิ้วมองไปมาทั้งตัว
“ตอนแรกผมตากไว้ที่ระเบียง เมื่อเช้าฝนตกมันเปียก เลยยังไม่แห้งพี่รออีกซักพักก็แล้วกัน”
“มีโจ๊กอยู่ในครัวส่วนเครื่องดื่ม...พี่ดื่มกาแฟดำที่ผมทำไว้ก็แล้วกัน จะได้หาย”
“อืม”
แอบอิงเดินก้มหน้าไปห้องครัวเหมือนถูกป้อนคำสั่งในหัวมีอะไรแปลกๆเหมือนมีอะไรขัดๆอยู่แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามเดินทึมทื่อเหมือนหุ่นยนต์ไปตามทางที่เจ้าของห้องชี้ให้ดูเมื่อกี้นี้โดยที่มีแมวอ้วนเดินคู่กันมา เหมือนกับมันเองก็หิวเหมือนกัน
บนโต๊ะมีถ้วยโจ๊กที่มีฝาปิดอยู่ พอเปิดดูไอร้อนก็พุ่งขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจมันยังอุ่นร้อนอยู่เหมือนเพิ่งทำใหม่ๆ ข้างๆมีกาแฟดำที่แค่เห็นก็เวียนหัวแต่ถ้าไม่กินแอบอิงคงกินโจ๊กไม่ได้แน่
‘
ชื่อที่คนๆนั้นชอบเรียกทั้งที่จะเรียงอิงเฉยๆก็ได้แบบคนอื่นแต่เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าจะเรียกทั้งสองคำดังขึ้นเจ้าของชื่อเงยหน้าจากถ้วยโจ๊ก เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่าเรียกทำไม
‘
‘
‘
‘
‘
‘
แล้วก็หัวเราะให้กับใบหน้าที่ขัดเขินเหมือนเป็นเด็กๆบรรยากาศที่เป็นสุขล่องลอย ฟุ้งอยู่ในอากาศ ใบหน้ายิ้มแย้มน่ารักบทสนทนาเรื่อยเปื่อยที่ใส่ใจ มือที่วางทาบบนโต๊ะเย็นเฉียบให้ปลายนิ้วแตะกัน
ความสุขล่องลอยเหมือนฟองสบู่
และมลายหายไปเมื่อลืมตา
“พี่จะนอนตรงนี้ไม่ได้นะ”
เสียงของเป็นหนึ่งดังขึ้น พร้อมๆกับที่แอบอิงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาดวงตาสั่นไหว เปลือกตาร้อนผ่าว และภาพที่เห็นพร่ามัว ทั้งปวดใจ เจ็บในหัวใจเป็นน้ำตาที่ไม่มีเหตุผลและที่มาที่ไปเอาซะเลย แอบอิงคิดในใจ
แต่ที่จริงแล้วลึกลงไปแอบอิงรู้ดี
เป็นน้ำตาที่เกิดเพราะคิดถึง เพราะโหยหา เพราะอยากได้คืนมาเป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยเหตุผลและห้วงอารมณ์ที่หนักแน่นจนมากเกินกว่าตัวตนในปัจจุบันจะรับไหว
และ
การเช็ดน้ำตาที่อ่อนโยนก็เรียกน้ำตาให้ทะลักไหลมากกว่าเดิม
.........
เหมือนดอกไม้ที่ถูกจุมพิตจากผีเสื้อ
เหมือนสายลมที่พัดผ่าน
เหมือนก้อนเมฆขาวที่ล่องลอยไป
ที่สุดแล้ว คุณก็จากไปอย่างง่ายดาย
เป็นหนึ่งชะงักมือเมื่อถูกคนตรงหน้าซบลงที่หน้าท้องน้ำตาไหลซึมผ่านเนื้อผ้าลงบนผิวจนสัมผัสได้บรรยากาศแสนสบายก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก เรื่องจริงคือมีแต่ความอึดอัดความปวดใจและความหนักของน้ำตาที่เกิดขึ้น
ผมกอดกระชับเขาเข้าหาตัวมากขึ้น เพราะเขานั่งบนเก้าอี้และผมยืนอยู่ใบหน้าของแอบอิงจึงอยู่ที่หน้าท้องของผมพอดี ลูบไล้ท้ายทอยเพื่อปลอบเขาแต่ยิ่งทำก็เหมือนกับว่าจะทำให้เขาสะอื้นหนักขึ้น
เหมือนกับเข้าใจและไม่เข้าใจในเวลาเดียวกันสถานะของแอบอิงในตอนนี้ต่างกับผมนิดหน่อยแต่ความรู้สึกของเขาผมว่าผมเข้าใจและเพราะแบบนั้นน้ำหนักของน้ำตาพวกนี้จึงเหมือนกับว่ามหาศาลกดทับจนแทบขยับตัวไปไหนไม่ได้
“ขอโทษนะ”
“ฉัน...พี่คงมึนหัวหนักไปหน่อย อย่าใส่ใจเลย”
“เมื่อกี้ผมไปดูชุดพี่มา มันแห้งแล้ว”
“ผมวางไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะ”
ผมบอกมองแอบอิงเคลียร์ตัวเองด้วยการเช็ดหน้าเช็ดตาจนหน้าแดงจมูกแดงไปหมดเขากินกาแฟทีเดียวจนหมดเหมือนกับว่าไม่รู้รสชาติของมันก่อนจะเลื่อนไปมองชุดที่ผมพับวางไว้บนเก้าอี้อีกตัวพึมพำขอบคุณก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบมันเดินไปเปลี่ยนในห้องน้ำที่ผมชี้บอก
พอเขาหายไป
ความรู้สึกบางอย่างก็ผุดขึ้นมา มันไหลบ่า ทะลักและท่วมท้นเหมือนกับน้ำที่ถูกกักเก็บไว้จนเต็มและถูกเติมใส่อยู่เรื่อยๆ เมื่อถูกปล่อยออกมาก็รุนแรงและทำลายทุกอย่างให้ราบเรียบ
ตอนที่เขาหมุนตัวเดินไปห้องน้ำผมเกือบจะคว้าตัวเขาไว้
ตอนที่เขาร้องไห้ผมอยากจะกอดปลอบให้แน่นกว่านั้น
ตอนที่เขาเดินมาอยู่ต่อหน้า ผมอยากจะบอกเขา
ว่าคิดถึงเขาแค่ไหน
ไม่ได้ซักอย่าง
‘
เสียงของคนเมาดังขึ้น เพราะว่าเพื่อนแอบอิงแต่ละคนเมากันหมดและผมอ้างว่ารู้จักกับคอนโดของเขาผมเลยได้ตัวเขามา...ชั่วคราวแอบอิงเมาจนดูแลตัวเองไม่ได้และนั่นทำให้ผมโกรธ เขาจะทำแบบนี้ทำไมกันนะ
‘
ผมไม่ได้เรียกเขาว่าพี่ เพียงแต่พูดออกไปด้วยคำที่คุ้นเคยมองเขาที่จู่ๆก็ลืมตาแล้วหันมามองผมเบะปากใส่อย่างคนอารมณ์ไม่ดีด้วยตาที่คลอไปด้วยน้ำตา
‘
‘
นั่นสิ
ผมเองก็อยากรู้
ผมไม่รู้ว่าเขาอยู่มหาลัยนี้เพราะเขาไม่เคยบอกเขาเปลี่ยนช่องทางติดต่อ ตัดผมออกจากชีวิตโดยสิ้นเชิงแบบที่ผมเองยังทำไม่ได้แบบเขาเราไม่เจอกันมาหลายปีแต่เมื่อเจอก็กลายเป็นว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะเอาซะเลย
‘
‘
แอบอิงพึมพำว่าทำไมตลอดเวลาที่ผมขับรถเหมือนกับว่าเขากำลังพูดแทนผมด้วยพอมาถึงผมก็เห็นใครบางคนขดตัวนอนหลับไปแล้วเลยเป็นหน้าที่ผมที่ต้องอุ้มเขาขึ้นห้อง
เพราะความจริงแล้วผมไม่รู้ห้องเขา ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยซักอย่างและห้องที่ว่าก็คือห้องของผมที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำแบบนี้กับเขา
ทำไมนะ
นั่นสิ ทำไมกัน
แอบอิงตัวเบาจนผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ดูภายนอกเขาดูเป็นผู้ชายตัวสูงที่รูปร่างดีแต่ถ้าดูให้ชัดจะเห็นว่าตัวเขาผอมบางเกินไปเขาดูแลตัวเองยังไงกัน ผมได้แต่แอบคิดในใจ มองคนที่เมาคอพับแล้วถอนหายใจ
พอเปิดห้องได้ก็เอาเขาไปทิ้งไว้บนโซฟาเดินไปให้อาหารแมวก่อนจะเดินกลับมาพร้อมผ้าชุบน้ำเตรียมเช็ดหน้าให้เขาแมวของผมชื่ออิง มันเป็นของฝากที่ได้มาและผมมีหน้าที่ตั้งชื่อมันนั่นเป็นชื่อที่ผมพูดออกมาเป็นชื่อแรกโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
‘
‘
เสียงของแอบอิงดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาลืมตามองผมด้วยสีหน้าจริงจังมือข้างหนึ่งเอื้อมมาลูบใบหน้าผมที่นั่งชันเข่าอยู่ข้างโซฟาและผมไม่ปฏิเสธมันเอียงหน้าเข้าหาเพราะเขาคงจำไม่ได้หรอกเรื่องในตอนนี้ คนเมาน่ะ จำไม่ได้หรอก
ผมรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
‘
‘
‘
ผมรู้ว่าเขาพูดถึงอะไรและเพราะแบบนั้นผมถึงไม่อยากได้ยินจากปากของเขาแอบอิงพูดออกมาก่อนจะร้องไห้แล้วใช้มือปิดหน้า สะอื้นหนักจนทั้งตัวสั่นไหว
‘
‘
‘
แอบอิงทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้เหมือนกับว่าเขากำลังสมเพชตัวเองที่ทำแบบนี้
แต่เขาไม่รู้
ผมเองก็เดินไปข้างหน้าไม่ได้เหมือนกัน
‘
ผมทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเขาแบบนี้ และเพราะไม่อยากได้ยินเขาพูดอีกผมเลยจัดการปิดปากเขาด้วยปากของผมคนเลวที่เลือกจะหนีจากอดีตแต่ก็ยังแบกอดีตไว้กับตัวเองผมคบกับผู้หญิงก็เพราะคำพูดเขา ผมหลุดการควบคุมตัวเองก็เพราะเขา
เพราะเขา
เพราะเขา
เพราะเขา
เพราะเขาทั้งนั้น
ผมอยากจะโทษเขา ให้เป็นความผิดเขา
แต่ก็ทำไม่ลง
มันผิดที่ผิดทางผิดเวลาผิดไปหมดทุกสิ่งอย่าง
ผมหลุดจากความคิดเมื่อแอบอิงเดินออกมาจากห้องน้ำ ในชุดของเขาที่ไม่ใช่ของผมอีกแล้วที่สุดแล้ววันของเราก็จบลงเร็วจนแทบจะไม่มีอะไรให้จดจำ เขาเดินมาขอโทษที่ร้องไห้ใส่ผมขอโทษที่มารบกวน ขอโทษอีกมากมายก่อนจะขอตัวกลับ
“ขอโทษแล้วก็ขอบคุณ..นะ”
ทั้งขอโทษแล้วก็ขอบคุณ ผมเองก็อยากบอกเขาแบบนี้เหมือนกัน แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะบอกเขาในตอนที่มองเขาเดินออกไปโดยที่บอกผมว่าไม่ต้องไปส่งนั้นผมเองก็ไม่มีความกล้าที่จะรั้งเขาเอาไว้
เหมือนกับในปีนั้น ที่เขาเดินจากไป
‘
ผมทำไม่ได้
แต่ผมก็หวังแบบเดียวกัน
ในวันข้างหน้า
ผมหวังจะเห็นเขามีความรักที่มีความสุข
ไม่ต้องเป็นผมก็ได้
เป็นใครซักคนที่คู่ควรมากกว่าผม
เป็นคนที่จะทำให้เขายิ้ม
เป็นคนที่จะทำให้เขามีแต่ความสุข
เป็นคนที่จะสร้างแต่ความทรงจำที่ดีกับเขา
แม้ลึกๆผมหวังว่าจะเป็นผมก็ตาม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in