มีคำกล่าวที่ว่า ‘อย่ามองคนที่ภายนอก’หลักใหญ่ใจความของมันก็แค่เพียงการบอกว่าเราไม่ควรมองคนที่หน้าตา
การมองที่รูปลักษณ์จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องราวต่างๆก็มีจุดขัดแย้งอยู่ตลอดนั่นแหละ
โลกที่หลากหลายน่ะ งดงามจะตาย
ซองอูสะบัดผมดำยาวไปด้านหลังเมื่อเส้นผมสีดำสนิทปลิวตามลมจนเข้าหน้า
“ขอโทษนะครับ”
ผมเหลือบตาขึ้นมอง ผู้ชายตรงหน้าเป็นเด็กผู้ชายที่ใส่ชุดนักเรียนมัธยมเอกชนแถวนี้
“พี่ไม่ว่างคุยด้วยหรอกนะ”
ผมตอบ กอดอกมองคนตรงหน้าที่กำลังเกาคอไปมาด้วยท่าทีเขินๆ
“แต่ว่าผมชอบพี่จริงๆนะครับ
ผมไม่ได้ฟังแล้ว สายตาเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง
ผมมองเด็กคนนั้นอยู่สองสามรอบ
อื้อหือ กล้ามแน่นจังเด็กสมัยนี้
“คีย์” ผมเรียกคนที่ยืนงงและสับสนกับท่าทีของผมที่จู่ๆก็เดินชนเขาเพื่อไปกอดแขนกับผู้ชายอีกคนทั้งที่เขากำลังสารภาพรักผมอยู่
ช้อนตา ส่งสายตาอ้อนวอน!
ปิดจ๊อบ!!
……
“คุณเอาผมไปเป็นข้ออ้างอีกแล้ว” เสียงทุ้มๆดังขึ้นข้างหู
“โหดกับพี่สาวตัวน้อยได้ยังไงกัน” ผมปล่อยแขนเขา
“คนสวยนั่นคุณเรียกตัวเองนะ
เคี้ยวยากจังเลย คนหนุ่มสมัยนี้นี่ใจแข็ง
ผมทำหน้าเซ็งไปแวบหนึ่งก่อนจะทำเป็นสะอึกวะอื้นหนักกว่าเก่า
สาม
สอง
หนึ่ง…
…
อ้าว
บริเวณด้านหน้าของผมว่างเปล่า
ทิ้งกันเฉยเลยเด็กนี่ อะไรวะ
ผมจับชายกระโปรงขึ้นมา
ผมไม่ได้กุเรื่องนะ เด็กนั่นน่ะ
และใช่
นั่นมันก่อนหน้าที่เขาจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นสาวสวยในฝันของเขา
โอเค ยอมรับแบบตรงไปตรงมา
ผมเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง
ทั้งวิกผมสีดำตรงยาวงานละเอียดเหมือนผมคนจริงๆ
วันนี้แต่งตามสีมงคลน่ะ วงการนี้นี่มันเข้าง่ายออกยากซะจริง
ย้ำอีกที
ผมเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งหญิงไม่ใช่ผู้ชายข้ามเพศ
แต่อืม ผมเป็นเกย์
ข้อนี้ก็สำคัญนะ เพราะมันเกี่ยวข้องกับเด็กผู้ชายหน้าเหมือนหมีพูห์หุ่นเเซ่บเหมือนกัปตันเมกาคนนั้นแหละ
…….
ผมชื่อซี เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่มีพี่ชายหัวดื้ออีกสองคน
สองคนนั้นไม่คุยกับผมสองอาทิตย์
นั่นแหละ ระหว่างที่ผมหายไปกับยอมรับรสนิยมของผมให้ได้
ส่วนพ่อกับแม่ใช่ชีวิตวัยเกษียณที่ต่างประเทศ
พวกเขาไม่รู้ว่าจู่ๆก็มีซี
“ถึงนายจะหนีพี่ยังไง เราก็ต้องกลับด้วยกันอยู่ดี
ผมว่าพลางแอบกระชับมือรอบเอวสอบให้แน่นขึ้น
“ถ้าคุณไม่หยุดลูบ พรุ่งนี้ก็มาทำงานเองเลยนะ”
นั่นแหละ ผมถึงได้หยุด
เดือนนี้เหลืออีกสิบห้าวัน
เพื่อนมีไว้ในยามลำบาก
ผมเลยหอบตัวเองมาอยู่บ้านไอ้ภีม
ตอนแรกผมแต่งหญิงตลอดเวลา แสดงท่าทีเหมือนผู้หญิงตามที่เคยชินเวลาอยู่กับคนอื่น
ผมไม่ชอบเด็ก
นั่นล่ะเหตุผลที่ผมปฏิเสธเขา
“ใจร้ายอะ”
“เลิกบีบเสียงเล็กเสียงน้อยซักที”
เด็กนั่นทำตาดุใส่ผมผ่านกระจกรถก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวหลังจากที่ติดไฟแดงอยู่ระยะหนึ่ง
นั่นแหละ
ผมติดนิสัยบีบเสียงเล็ก แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
เรื่องวันนั้นน่ะเหรอ
จบลงที่เขายืนตาค้างและผมเดินไปหยิบขนมปังในมือเขาแล้วเดินกินหน้าตาเฉย
เจ็บปวดไปหน่อยสำหรับเด็กวัยรุ่น
หลังจากถึงบ้านเราสองคนก็แยกย้ายเข้าห้องใครห้องมัน
……
ผมเป็นเกย์ บอกไปรึยัง
บอกแล้วเนอะ
ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ใช่ว่าเราจะมองผู้ชายทุกคนที่เดินเข้ามา
ใช่
เด็กภูมิที่กำลังวิดพื้นด้วยท่าทีขยันขันแข็งพร้อมกับเปลือยท่อนบน
ความจริงเด็กนี่โคตรของโคตรของโคตรของโคตรตรงสเป็คผม
และความจริงที่ว่าไอ้ภีม พี่ชายมันที่ต่อหน้าทำเป็นเบื่อขี้หน้าน้องก็ดันหวงน้องเข้าไส้
‘ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมิ’ นั่นแหละ
น่าจะแน่นโคตรๆ
‘ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมิ’
เด็กนี่ใจคอจะวิดอยู่อย่างนั้นรึไง
‘ห้ามมึงยุ่งกับไอ้ภูมิ’
ไปวิดพื้นไกลๆได้มั้ย
‘ห้ามมึงยุ่ง..’
มึงก็หยุดพูดในหัวกูซักที!
….
นั่นแหละ
ปัญหา
ผมไม่ได้ชอบเด็กแต่ถ้าตัดอายุออกก็ดันตรงสเป็คแบบไม่น่าให้อภัย
วันนี้ผมใส่เสื้อยืดสีขาวที่ตัวใหญ่จนปิดไปถึงเข่า
นั่นแหละ ก่อนออกจากบ้าน
‘แต่งตัวบ้าอะไร’
เรื่องของผมน่ะ
ผมทำงานที่ร้านกาแฟหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ถึงจะถูกว่าเรื่องสีสันที่โดดออกจากสีเทาสีน้ำเงินสีประจำร้านไปหน่อยก็เถอะ
แต่วันนี้ผมใส่สีน้ำเงินมาหนึ่งอย่าง
…..
วันนี้เด็กภูมิอารมณ์ไม่ค่อยดี
ไม่งั้นเด็กนี่ที่หลังจากที่ผมเปิดเผยเรื่องเป็นผู้ชายแล้วชอบทำหน้าตายใส่อยู่ตลอดเวลาจะแล่นมาหาผมทำไม
เด็กภูมินั่งอยู่อย่างนั้นจนร้านปิด
หลังจากเก็บร้านจนเสร็จแล้วเราสองคนก็ออกมากินข้าวด้วยกันผมคืนเสื้อแขนยาวที่เขาให้ผมมาใช้ปิดขาตอนนั่งมอเตอร์ไซค์ลูกรักของภูมิแต่เด็กนี่กลับไม่ยอมรับมันกลับ ใช้สายตาบังคับให้ผมยอมใส่มันทับเสื้อสีขาวนี่ด้วย
ผมกลอกตาแต่ไม่ใส่ เอามาผูกเอวแทน พอมองหน้าเด็กที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปีที่ฉายแววพอใจออกมาก็โล่งอกว่าแต่ผมจะกลัวมันทำไม นี่มันเด็ก เด็กกกกกกกกกกกกกกกกก
“จะกลอกตาให้ตาดำกลับเข้าไปข้างในรึไง ผมไปกินข้าวก่อนนะ หิว”
แถมยังเป็นเด็กปากเสียด้วย
ซูชิเจ้าดังที่พูดยี่ห้อไปใครๆก็รู้จักแต่ผมไม่พูดมันจะดีกว่าถูกขนเข้ากระเพาะจนหมด ของฟรีซีชอบ ของฟรีซีรักส่วนความละอายใจที่ให้เด็กอายุสิบแปดเลี้ยงข้าวน่ะ ผมก็กลืนมันลงไปพร้อมกับซูชินั่นแหละช่วยไม่ได้ ตอนนี้ถังแตก
“อยากได้ลิปใหม่”
นั่นคือคำที่ผมพูดหลังกินเสร็จ
และปัจจุบัน ผมกำลังลองลิปกว่าสามสิบแปดล้านเฉดสี สีนู้นก็สวยสีนั้นก็สวยหันไปเห็นเด็กภูมิยืนมึนอยู่ข้างๆเลยส่งจูบให้ซักหน่อยจะได้ไม่เฉา ไม่เอานะเดี๋ยวพี่สาวเล่นเป็นเพื่อน
“ผมจำได้ว่าสีนี้คุณมีแล้วนะ”
มีแล้วมีอีก ใครจะทำไม!!!
“ก็มันสวยอะ”
ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยแหย่ภูมิ เชิดหน้าทำปากจู๋ใส่จนภูมิถอนหายใจและก่อนที่ผมจะหันไปเช็ดลิปออกมือใหญ่ๆของคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็จับคางผมไว้ใช้นิ้วโป้งที่ใหญ่ยังกับนิ้วมันม่วงปาดลงบนปากผม
อยากอุทานอะไรซักอย่างหรือไม่ก็เล่นมุขอะไรก็ได้ แต่ผมนึกไม่ทัน
“เอาสีนี้ เหมาะกับถุงน่องสีแสบตาคุณด้วย”
โดนเด็กเอานิ้วเช็ดลิปให้ยังไม่พอ ลิปสีอะไรไม่รู้ก็ถูกทาให้อย่างบรรจงเพราะส่วนสูงผมน้อยกว่า การใส่ส้นสูงที่ส้นไม่สูงจนเว่อร์ทำให้ตอนนี้ใบหน้าเราใกล้กันกว่าที่คิดผมนับขนตาเขาได้ด้วยซ้ำตอนนี้
ผมถูกปล่อยในสภาพมึนงง มองแผ่นหลังกว้างใต้เชิ้ตสีน้ำเงินเดินไปจ่ายเงินให้ผมลิปสีที่ภูมิทาให้ บ้าชัดๆ ถูกเด็กมันเล่นจนหน้าร้อน ริมฝีปากร้อนผ่าวเพราะนึกถึงนิ้วที่ปาดไปมา
“นี่สีอะไร ทาสีอะไรเนี่ย”
ผมโวยวายกลบเกลื่อนความผิดปกติที่เกิดขึ้น แต่เด็กนั่นก็ไม่ตอบจูงมือผมเดินไปที่ลานจอดรถแบบไม่สนใจอะไรใครที่มองมา อาการเขินชักจะปลิวหายไปตามลมและความอยากเอาคืนก็พุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ
ยิ่งสบตากับภูมิผ่านกระจกรถผมก็ยิ่งหงุดหงิด มันมีสีหน้าเหมือนผู้ชนะรู้ทันอยู่ในนั้นผสมปนเปกัน
ผมกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะการกระทำของเขา
ภูมิเดินนำตอนเข้าบ้านผมมองแผ่นหลังของเขาที่อยู่ข้างหน้าด้วยอารมณ์อยากจะทุบเขาซักทีให้หายโมโห พอนึกถึงลิปที่ทาแล้วก็นึกอะไรออกขึ้นมา
“นี่”
ผมเรียกตอนที่เขากำลังบิดกุญแจเข้าบ้านพุ่งเข้าไปใช้ริมฝีปากประทับข้างแก้มเขาทั้งสองข้าง ก่อนจะถอยออกมาดูผลงานตัวเอง
“hot pink ”
“hot pink?”
ภูมิกลอกตาที่ผมแกล้งเขาแล้วยอมพูดชื่อสีออกมา สีชมพูเด่นบนข้างแก้มทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อยแต่จะดีกว่านี้ถ้าจะมีสีชมพูอีกที่หนึ่ง
“คุณไม่เหมาะกับสีชมพูหวานๆหรอก คุณมันตัวแสบ”
ภูมิว่าก่อนจะใช้หลังดันประตูบ้านเพราะว่ามือทั้งสองข้างของเขาเกี่ยวเอวผมเอาไว้พร้อมกับลากเข้าบ้านไปพร้อมกันผมเบะปากใส่ คล้องคอหนาเอาไว้แล้วปล่อยให้ตัวเองถูกชักนำ
เด็กนี่ร้ายจะตาย อ่อยผมหน้าใสมาตลอดทำไมผมจะไม่รู้ หึ!
“แสบอะไร”
“คุณใช้วิธีบอกผมถึงตัวตนของคุณโคตรโหด ถ้าผมรับไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง”
“รับไม่ได้คือ?”
“ถ้าผมชอบผู้หญิงล่ะ ถ้าผมเกลียดคุณขึ้นมาล่ะ”
“ก็ปล้ำ ปล้ำก่อนค่อยบอกไอ้ภีมทีหลัง ง่ายจะตาย”
ภูมิหัวเราะ ผมยื่นหน้าไปจูบเขาตอนที่กำลังหัวเราะนั่นแหละ เขาไม่มีทางเกลียดผมหรอกสำหรับรสนิยมหลากหลายที่ผมรู้มาโดยบังเอิญเพราะเด็กนี่ดันนอนกับรุ่นน้องผมน่ะโคตรเป็นหลักประกันเขาไม่มีทางเลิกชอบผมเพียงเพราะผมเป็นผู้ชายแต่งหญิงหรอก
“โคตรตัวแสบ”
ผมหัวเราะหลังจากได้ยินคำนั้น มองริมฝีปากของภูมิที่มีลิปสีฮอตพิงค์อยู่บนนั้นแล้วรู้สึกเหมือนชนะขึ้นมายังไงยังงั้นลิปสีนี้คงจะเป็นสีโปรดของผมไปซักพักเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in