“จะเป็นจะตายร้ายดียังไง ผมก็ต้องคุยกับเธอ (ภรรยา) ให้ได้”ผมตั้งใจไว้เช่นนั้น
ถัดมาอีก 2 – 3 วันเป็นวันหยุดเมื่อเลิกเล่นบาสกับเพื่อนๆในตอนเช้าแล้ว ผมไปสังสรรค์ต่อที่ห้องของรุ่นน้องคนหนึ่งในทีมบาส ผมดื่มพอแค่ให้แอลกอฮอล์เข้าไปสูบฉีดในเส้นเลือดเพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง พยายามรวบรวมความกล้าที่มีอยู่ทั้งหมดเริ่มลงมือพิมพ์อินบ็อกซ์คุยกับเธอเป็นครั้งแรก
“เป็นไงบ้าง ถึงซิดนีย์แล้วหรา”
“ใช่ค่ะ”
“เป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไรอยู่ สะดวกคุยไหม”
“คุยได้ค่ะ”
เราพิมพ์คุยกันกว่าชั่วโมงเธอเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีมาก ร่าเริง คุยไม่ค่อยเก่ง แต่พิมพ์ตอบทุกข้อความ ผมรู้สึกดีมากจนไม่สามารถอรรถาธิบายเป็นข้อความหรือคำพูดใดได้ ซึ่งการคุยกันในครั้งนี้ไม่ค่อยได้เจาะลึกข้อมูลส่วนตัวของเธอเท่าไหร่นักแค่การทักทายและทำความรู้จักกันในเบื้องต้นเท่านั้น เพราะผมยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะรุกถามเรื่องส่วนตัวของเธอ แค่รับรู้ว่าเธอชื่อตะปู อยู่ซิดนีย์มา 8ปี ทำงานเป็นบราริสต้า และอื่น ๆ อีกมากมายก็เพียงพอ
ผมไม่ค่อยชอบเรียกภรรยาของผมว่า “ตะปู” แต่จะเรียกเธอว่า“ตัวเล็ก” เพราะตัวเธอค่อนข้างเล็กไม่สูงมากเรียกว่าน่ารักเลยทีเดียว ผมพิมพ์คุยกับตะปูในอินบ็อกซ์เป็นประจำทุกวันตั้งแต่เช้าจนเธอเข้านอน เธอไม่ได้พิมพ์ตอบในทันทีบางทีก็จะทิ้งเวลาไว้นานกว่าจะเข้ามาตอบ เพราะเธอต้องทำงานและติดภาระกิจหลายอย่างซึ่งผมก็เข้าใจว่าเธอจะเข้ามาพิมพ์ตอบเฉพาะเวลาที่ว่างหรือสะดวกเท่านั้น
ในที่สุดการพิมพ์คุยในอินบ็อกซ์ทุกวันทำให้เราสองคนสนิทกันขึ้นในระดับหนึ่ง ผมเริ่มขอไลน์เธอ เพื่อสะดวกในการพิมพ์คุยกับเธอมากกว่าตะปูก็ไม่ได้อิดออนแอดไลน์กับผมทันที ต่อมาเรื่องราวความสัมพันธ์และความรู้สึกดี ๆก็เริ่มเกิดขึ้นจากตรงนี้
วันหนึ่งตะปูพิมพ์ถามมาตรง ๆ ว่า “พี่จีบตะปูหรือเปล่า”
“ทำไมหรอ”
“ถ้าพี่คิดจะจีบอย่าเสียเวลาเลย ตอนนี้ตะปูยังไม่คิดมีแฟน เพราะเพิ่งโดนเทมาเมื่อไม่กีเดือนมานี้ขอคิดเรื่องนั้นเป็นเรื่องสุดท้าย ตอนนี้อยากทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จก่อน”
“ความฝันของตัวเล็กคืออะไร”
“ตะปูอยากเปิดร้านคาเฟ่ เอาแม่มาอยู่ด้วยตะปูไม่อยากมีความรัก ที่ผ่านมาเจ็บมาเยอะแหละ”
ผมอ่านข้อความวนไปวนมา ทบทวนอยู่หลายรอบก่อนพิมพ์ตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจในคำตอบของตัวเองมากนักก
“พี่ไม่ได้คิดอะไร แค่อยากคุยด้วยนะ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in