Tokyo Story มีเส้นเรื่องหลักที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของความสัมพันธ์ในครอบครัวอันสวยงาม เจ็บแปลบและแสนธรรมดา
ในสังคมญี่ปุ่น การเติบโตและการแยกไปใช้ชีวิตของตัวเองจนกระทั่งมีครอบครัวเป็นของตัวเองหลังจากลูก ๆ บรรลุนิติภาวะอายุครบ 20 ปีนั้น เป็นวิถีที่เกิดขึ้นในครอบครัวอย่างเป็นธรรมชาติในสังคมญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน การไปมาหาสู่ระหว่างพ่อแม่ลูก โดยเฉพาะพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด และลูกที่มาทำมาหากินในเมืองหลวงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปรกติ เราได้สังเกตการณ์พ่อแม่วัยชราที่รอคอยการมาเมืองหลวงเพื่อมาพบลูก ๆ และครอบครัวของพวกเขาที่ห่างหายไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเวลานาน ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนวิตกกังวลใจซึ่งแสดงออกให้เห็นตลอดในช่วงเวลาที่ครอบครัวได้พบหน้ากัน
หนังค่อย ๆ เผยปมของครอบครัวอย่างเเนบเนียน ผ่านความความอบอุ่นใจของการพบหน้ากันระหว่างคนในครอบครัว แต่ก็ค่อย ๆ แทรกความกระอักกระอ่วนของสมาชิกครอบครัวที่ไม่คุ้นเคยกันเช่นเดิมเข้ามาทีละน้อย สภาพครอบครัวที่แตกต่างกันของลูก ๆ แต่ละคน เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เรื่องราวการเดินทางในโตเกียวของพ่อกับแม่วัยชราเริ่มขึ้น จากบ้านของลูกชายคนโตที่กว้างใหญ่เพียงพอจะรับรองพ่อแม่ ทว่าโคอิจิลูกชายที่เป็นหมอก็มีงานยุ่งแทรกเข้ามาตลอด ชิเงะลูกสาวคนรองซึ่งประกอบอาชีพช่างทำผมและมีสามีอยู่ด้วยก็แสดงออกชัดเจนว่าพ่อแม่เป็นภาระในการมาอยู่ร่วมกันในบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กของเธอ จึงชักชวนให้พ่อแม่ไปเที่ยวที่เมืองอาตามิที่อยู่ติดทะเลแทน ในขณะที่ห้องเช่าหลังเล็ก ๆ ของโนริโกะ ลูกสะใภ้ของพวกเขานั้นให้ความรู้สึกเต็มใจและยินดีต้อนรับพ่อแม่วัยชราของสามีมากกว่าอย่างชัดเจนผ่านรอยยิ้มและการปรนนิบัติต่อแขกผู้มาเยือนอย่างเต็มอกเต็มใจ
การเดินทางมาโตเกียวครั้งนี้ ชูคิจิและโทมิได้ต่างคนต่างมีจุดหมายและแยกกันออกเดินทางอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อชูคิจิผู้เป็นพ่อได้กลับมาใช้ชีวิตแบบวัยหนุ่มที่เขาทิ้งไปอีกครั้ง หลังจากมีเคียวโกะลูกสาวคนเล็ก เมื่อเขาได้พบเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในเมืองหลวง ได้ดื่มเหล้าที่เขาเลิกไปนานและสังสรรค์เมามายไม่ได้เรื่องแบบที่เคยเป็นมาก่อนจนเป็นภาพจำของลูก ๆ ในวัยเด็กอีกครั้ง ในฉากที่เพื่อน ๆ ต่างก็ยังรู้สึกอิจฉาชีวิตของเขาที่ลูก ๆ แต่ละคนมีงานการที่ดีและมีครอบครัวเป็นของตัวเอง เราได้เห็นชูคิจิผู้เป็นพ่อแสดงความรู้สึกว่าตนก็ไม่ได้พึงพอใจในครอบครัวของตัวเองเป็นครั้งแรก ความอึดอัดใจลึก ๆ นี้ของเขาสามารถพูดออกมาได้แค่ในเวลาที่เมามายกับเพื่อนฝูงเท่านั้นและเช้ามาก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
ในขณะที่โทมิผู้เป็นแม่เองก็เป็นกังวลกับชีวิตลูกสะใภ้ที่เป็นหม้ายอย่างโนริโกะ เพราะโชจิลูกชายคนรองหายสาบสูญไปในสงครามแต่โนริโกะยังคงปรนนิบัติดูแลพ่อแม่ของสามีอย่างเต็มอกเต็มใจ ความรู้สึกผิดของหญิงสาวต่างวัยที่มีให้แก่กันและเฝ้าปลอบประโลมใจกันและกันในค่ำคืนนั้น ชวนให้รู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งในใจที่ทั้งสองฝ่ายแบกรับมันไว้อย่างชัดเจนและถือเป็นหนึ่งในฉากที่เราชอบที่สุดจากหนังเรื่องนี้ แม่สามีที่รู้สึกผิดกับลูกสะใภ้ที่ไม่สามารถหันหลังให้กับสามีที่หายสาบสูญไปได้ ส่วนลูกสะใภ้เองก็รู้สึกผิดไปกับความรู้สึกของเธอ ภายใต้รอยยิ้มแสนเศร้า เธออาจรู้สึกว่าดูแลลูกชายของพวกเขาได้ไม่ดีพอจึงต้องลงเอยเช่นนี้? จุดหมายปลายทางของทั้งคู่คืออยากให้ต่างฝ่ายต่างมีความสุขกับชีวิตตัวเองเพียงใดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกผิดยังคงเกาะกุมใจ แต่การได้พูดคุยกันก็ทำให้เต็มไปด้วยความตื้นตันใจต่อความรู้สึกหวังดีที่มีให้กัน แม้พวกเขาจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันโดยสายเลือดแต่ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับโนริโกะที่โตเกียวเป็นช่วงเวลาที่โทมิบอกกับชูคิจิว่าเป็นช่วงที่เธอมีความสุขที่สุดในขณะที่เธออยู่ในโตเกียว
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อกลับบ้านเกิดไปเพียงไม่นานก็ถึงวาระสุดท้ายของโทมิ...
กลายเป็นว่าในองก์สุดท้ายของหนังเป็นการเดินทางของลูก ๆ กลับมายังบ้านเกิดเพื่อมาดูใจผู้เป็นแม่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างลูกและพ่อแม่ที่มาอยู่ร่วมพื้นที่เดียวกัน ทำให้เราเห็นความห่างเหินอันเกิดจากการแยกย้ายไปมีชีวิตของตัวเองชัดเจนขึ้นกว่าเดิม เมื่อเปรียบเทียบกับเคียวโกะลูกสาวคนเล็กที่ยังอยู่กับพ่อแม่นั้น เธอแสดงความผูกพันและความไม่พอใจต่อตัวพี่ ๆ ที่มาร่วมงานศพของแม่เพียงไม่นานแล้วรีบขอตัวกลับ มิหนำซ้ำยังขอข้าวของซึ่งเคยเป็นของแม่ติดไม้ติดมือกลับไป
โนริโกะลูกสะใภ้จึงเหมือนเป็นคนที่เติมเต็มครอบครัวนี้ด้วยความเอาใจใส่ของเธอ แม้เธอจะเป็นคนที่น่าชื่นชมที่สุดในเรื่อง แม้ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ก็เสียสละอยู่เป็นเพื่อนพ่อสามีและเดินทางกลับโตเกียวเป็นคนสุดท้าย ภาพที่เธอยินเคียงข้างชูอิจิผู้เป็นพ่อสามีจึงกลายเป็นใบปิดที่งดงามยามเมื่อนึกถึงหนังเรื่อง Tokyo Story เธออาจดูแสนดีเหลือเกินในสายตาทุกคน แต่เหนือสิ่งอื่นใด ตลอดเรื่องไม่มีใครรู้ใจจริงของเธอเลยว่าเธอรู้สึกอย่างไร เธออาจเป็นคนที่รู้สึกผิดที่สุดในทุกความสูญเสียที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นคนที่ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ที่ลูกสะใภ้ควรทำเท่านั้น รายละเอียดเล็ก ๆ ที่เป็นตัวแปรของเรื่องราวที่สำคัญนี่เองที่ผู้ชมอาจได้เก็บมาครุ่นคิดภายหลังจากหนังเรื่องนี้จบลง มองกลับด้านแล้วมองย้อนกลับไปเห็นความสมเหตุสมผลของสิ่งที่ทุกคนปฏิบัติตลอดมาจนกระทั่งถึงวันงานศพของผู้เป็นแม่ อาจเป็นเพราะต่างคนต่างก็มีเรื่องราวและมีชีวิตของตัวเองอย่างหมดจด และในบางครั้งสายสัมพันธ์ไม่อาจเพียงพอที่จะบงการให้เราทำในสิ่งที่ "สมควรทำได้" ทุกครั้ง วันสุดท้ายของการเป็นครอบครัวเดียวกัน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเมื่อถึงวันนั้นเราจะรู้สึกสูญเสียเพียงใด หรือเราจะเย็นชาต่อกันแค่ไหน
I like this post.
Thanks for sharing this useful information.
<a href="https://pussy888vip.com/">pussy888</a>
https://pussy888vip.com/