ฝนตกจนได้
ดีที่เต็นท์เป็นผ้ากันน้ำที่ทำให้เต็นท์ไม่ล้มและเราไม่เปียกไปเสียก่อน
กลิ่นอายของสายฝนโปรยปรายและไอเย็นตกกระทบกับผิวสัมผัส แมวน้อยหลับอย่างไม่รับรู้รอบข้างและภายในเต็นท์มีแค่เราสองคนที่นอนหลบสายฝนบนผ้าปูที่นอนอุ่นนุ่ม แปงนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆผม ครึ่งหน้าของอีกฝ่ายจมไปกับความอ่อนยวบของฟู่ สายตายังคงสอดส่องมาทางผม
“มึง...จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?” แปงถาม
“แล้วจะให้กุพูดอะไรล่ะ?”
ผมที่อยู่ในท่านอนคว่ำโดยมีหมอนอิงเพื่อเล่นซูโดกุในไอแพคฆ่าเวลา มีแสงจากโคมไฟเล็กๆเพื่อให้มองเห็น
“ทำอยู่อะไรอะ?”
“เล่นซูโดกุแบบ 9x9”
“กุยังไม่รู้เลยว่าซูโดกุคืออะไร นี่มึงยังมีแบบ 9x9 อีก”
“ก็มึงโง่ไง”
“เออ ยอมรับ”
แปงยัดตัวขึ้นมามองผม ก่อนจะเลือนสายตาไปในไอแพค ตารางตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในนั้นสะท้อนผ่านดวงตาของแปงไป
“โห ยากวะ ...มีแต่เลขเต็มไปหมดเลย”
“กับมึง กุไม่แปลกใจหรอก”
“กุแค่ไม่เก่งเลขปะละ”
“ครับ พ่อคนเก่ง”
ผมตอบประชดประชันไป เสียงฝนข้างนอกตกกระหน่ำไม่หยุด กลิ่นชื้นตกกระทบจมูกหนาแน่น ไม่รู้เวลาผ่านไปเนินนานเท่าไหร่ แปงยังคงจ้องกิจกรรมที่ผมทำอยู่อย่างนั้น หัวของอีกฝ่ายเอียงอิงมาทางผมจนเกือบจะซบไหล่
“ทำไรอะ?”
ผมขยับไหล่หนี
“พิงไม่ได้เหรอ?”
“ไม่”
ผมส่งเสียงแข็งทว่าในใจสั่นไหว ผมแสร้งทำเป็นเล่นซูโดกุต่อเพื่อกลบเกลื่อนอาการใจเต้นปิดปกตินี่ แต่มันเหมือนจะไม่ช่วยอะไรเลย ผมรู้สึกว่ามือสั่นเล็กน้อยแล้วการคำนวณเพื่อวางเลขแต่ละช่องก็เริ่มช้าลง หัวใจส่งเสียงดังโครมครามจนน่ารำคาญ
ผมวางไอแพดลง ซบหน้าลงกับฟู่ รู้สึกตัวหนักอึ้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ แปงดูตกใจที่เห็นการกระทำอันกะทันหันของผม ผมเอามือทั้งสองข้างกุมหัวใจไว้ มันเต้นไม่ยอมหยุด ผมไม่ชอบเลย เพราะมันทำให้อกผมปวดและช่องท้องก็รู้สึกวูบวาบ
“เวฟ มึงเป็นไร?”
แปงเอื้อมมือมาสัมผัสไหล่ ก่อนจะเลือนมือมาสัมผัสที่แก้มขวาและที่หน้าผาก ผมตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกเลย หัวใจเจ้ากรรมก็สั่นสะเทือนรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“มึงไม่สบายเหรอ?”
“เอามือออกไป...”
อย่าจับนะ
อย่าสัมผัสมากกว่านี้เลย ไม่อย่างนั้น...ผมต้องตายแน่ๆ
ผมสับสน ผมไม่เคยเผชิญกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน...ไม่สิ ไม่ใช่ ผมจำมันได้ มันเหมือนตอนนั้น ตอนที่ครูนารายืนหน้าเข้ามาใกล้ ตอนที่เธอเอื้อมมือมาเช็ดนมที่เปื้อนริมฝีปากของผม
แต่ตอนนี้กับตอนนั้นมันเทียบกันไม่ได้เลย ครั้งนี้มันรุนแรงกว่า จนผมจัดการกับมันไม่ถูก
“เวฟ? มึงดูไม่โอเคเลยนะ”
ก็เพราะมึงนั้นแหละ
ใบหน้าร้อนผ่าว แม้แต่ตัวของผมก็รู้สึกร้อนไปด้วย ผมนอนขดตัวเหมือนทารก กอดกุมร่างของตัวเองให้จมไปกับฟู่นุ่ม
“เวฟ...มึงตัวร้อนนะ”
สิ้นคำพูดนั้น ภาพตรงหน้าก็เลือนรางจางหายไป..
“เวฟๆๆ”
ผมพยายามเขย่าร่างเล็กที่นอนนิ่งอยู่บนฟู่ เจ้าตัวนอนนิ่ง มีเหงื่ออกที่หน้าผากและใบหน้าฉาบไปด้วยสีแดงของพิษไข้ ผมสัมผัสที่หน้าผากของอีกฝ่าย ตัวของเวฟร้อนเหมือนโดยไฟเผาไปทั่วร่าง ผมค่อยๆถอดแว่นออกจากหน้าของเวฟ ก่อนจะเอาผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กที่คดตัวหนาวสั่น
ผมสังเกตเห็นว่าตั้งแต่มาถึงที่หัวหิน เวฟมักจะใส่เสื้อผ้าเนื้อนิ่มสบายๆและไม่ได้สวมเสื้อกันหนาวเลย พอ อากาศเปลี่ยนแปลงอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายปรับตัวไม่ทัน
“อือ...อึอ”
“เวฟ?”
ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงอีกฝ่ายร้องครวญอย่างทรมานจากพิษไข้ น้ำตาหยดเล็กๆไหลรินเปรอะเปื้อนผิวหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“…ทำไม ทำกับผมแบบนี้...”
ฝันร้าย?
“...อึด ..ครูนารา”
ความสับสนและสงสัยโจมตีผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
ครูนารา...คือใคร?
“..ผมรักครูนะ”
หัวใจเหมือนถูกทิ่มแทง และอกก็ถูกทับถมไปด้วยมวลคลื่นที่ซัดโถมเข้ามา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in