ข่าวการเลิกราของผมกับมินอาแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนโดยนักสืบ(เสือก)คิมจงแดที่เป็นคนกระจายข่าว ผมรู้สึกดีใจสุดๆที่ได้รับอิสระทางกายกลับมา ตอนนี้ผมควรจะมุ่งหน้าเรียนให้ได้คะแนนเยอะๆไว้รอรับตรงที่จะสอบแพทย์และมุ่งหน้าจีบลู่หานอย่างเต็มที่ นี่ก็ใกล้วันวาเลนไทน์เข้ามาทุกที แต่เนื่องด้วยมันตรงกับวันอาทิตย์ในปีนี้ ไม่ได้แดกพี่ฮุนหรอกครับโพ้มม แต่ถึงมันจะเป็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของวันราชการก็สามารถเป็นวันวาเลนไทน์ได้โดยปริยาย
ตอนนี้กิจกรรมไม่ค่อยเยอะเหมือนช่วงก่อนและก็ใกล้จะสอบปลายภาคเข้ามาทุกที อีกไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้าพวกผมก็จะกลายเป็นเด็กมอห้าในปีการศึกษาหน้า ใครๆก็บอกกันว่าวันๆหนึ่งเวลายาวนานจะตาย มันเร็วมากๆเลยต่างหากสำหรับผม ผมรู้สึกว่าเหมือนเพิ่งมาเรียนมอสี่ได้ไม่กี่เดือนนี่เอง เวลาไม่เคยคอยใครจริงๆ
คาบสุดท้ายของวันคือวิชานาฏศิลป์ของอาจารย์ป้าสุดเฮี้ยบก็มาถึง ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่หรอกนะเพราะมันเป็นวิชาที่ควรแยกไว้เลยว่าเป็นผู้หญิงเรียน ผู้ชายเก้งก้างร่างใหญ่จะไปอ่อนช้อยแบบผู้หญิงได้ที่ไหนกัน พวกเรานั่งแบ่งแถวชายหญิง ผมนั่งเป็นคนสุดท้ายของแถวผู้ชายซึ่งตรงกับจุนมยอนเพื่อนร่วมเดินทาง(กลับบ้าน)
อาจารย์ป้าสั่งให้เราจับคู่ชายหญิง แต่ด้วยที่จำนวนผู้ชายมันมีน้อยกว่าผู้หญิงถึงสิบคน มันจึงไม่เพียงพอก็การที่จะจับให้ได้ตามที่อาจารย์ป้าบอก อย่างน้อยผู้หญิงก็ต้องคู่กันเองอ่ะนะ ส่วนผมนี่เล็งไว้แล้วว่าจะคู่กับใคร พอครูบอกให้จับนะ ผมจะรีบวิ่งเข้าไปหาเลยคอยดู
“จับคู่ชายหญิง หรือหญิงหญิงมาก็ได้ เสร็จแล้วก็มาตั้งแถวเป็นวงกลมนะ” อาจารย์ป้าสั่งและไปนั่งรอดูความวุ่นวายของเหล่านักเรียน
ผมรีบลุกและเดินหาลู่หานท่ามกลางความวุ่นวายของคนในห้อง กะเทยสามคนกำลังยืนอยู่กับลู่หานและเถียงอะไรกันอยู่ก็ไม่รู้ แต่ยังไงผมก็ต้องไปสอยลู่หานมาให้ได้ก่อนแล้วกัน
“ที่ร้ากกก คู่กับเมียนะ โอเคมั้ย” อะไรน่ะ ใครเมีย?
“เจ๊ทำไม่ไม่คู่กับสามีเจ๊อ่ะ”
“โดนชะนีฉกไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้น ฉันจะทำไงได้ยะ”
“โอ๋ๆ เจ๊ใจเย็น”
“เจ๊ฮี ผมขอคู่กับลู่หานได้มั้ยเจ๊” ด้านได้อายอดเว้ย
“อะไรของมึงไอ่ฮุน อย่ามาแย่งผัวฉันนะยะ” เจ๊กะเทยโวย
“ใจเย็นสิเจ๊ นานๆทีอิลู่จะได้รำคู่กับผู้ชายทั้งแท่งแบบไอ่เซฮุนมันนะเจ๊” กระเทยหนึ่งบอก
“นั้นสิเจ๊ เจ๊คู่กับมันมาตั้งสองปีแล้วนะ” กระเทยสองเสริม
“เห็นแก่ผัวหรอกนะ เจ๊เสียจายยย” เจ๊กระเทยเบะหน้าจะร้องไห้ ลู่หานก็งัดลูกอ้อน ไปกอดแขนของเจ๊ประมาณว่า ไม่เป็นไรนะเจ๊
ผมลากลู่หานไปยืนล้อมเป็นวงกลม ผู้ชายอยู่วงนอก ผู้หญิงอยู่วงใน แสงแดดในตอนบ่ายก็ร้อนใช่ย่อย โชคดีที่มีร่มไม้คอยให้ร่มเงาอยู่ วิทยุที่อายุน่าจะพอๆกับคนสอนเริ่มเล่นเทป ดนตรีไทยขึ้นมาเป็นจังหวะ อาจารย์ป้าสอนเดินตามจังหวะดนตรี ผมโฟกัสไปที่เท้าของตัวเองตามที่อาจารย์แกพูดให้จังหวะ
(สร้อย) ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาสนวยนาดร่ายรำ (ซ้ำ)
ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาสนวยนาดร่ายรำ
เอวองค์อ่อนงาม ตามแบบนาฎศิลป์
ชี้ชาติไทยเนาว์ถิ่น เจริญวัฒนธรรม
(สร้อย) งานทุกสิ่งสามารถ สร้างชาติช่วยชาย
ดำเนินตามนโยบาย สู้ทนเหนื่อยยากตรากตรำ
ดอกไม้ของชาติ
“1 2 3 แตะ 1 2 3 แตะ 1 2 3 แตะ”
“นี่ลุง เท้าลุงมั่วไปหมดละ” ลู่หานพูดขึ้นเบาๆเมื่อผมเริ่มก้าวผิดจังหวะ
“ก็มันงงนี่นา”
“งั้นลุงดูฉันนะ เดี๋ยวรอครูเปิดรอบใหม่ก่อนแล้วกัน”
“ได้เท้าแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวครูจะขึ้นมือนะ ทำตามนะ”
แค่เท้ายังไม่ได้ มือจะเหลือมั้ยกู...
“ท่ารำยั่ว มือซ้ายตั้งวงล่าง มือขวาจีบส่งหลัง เอียงศีรษะด้านเดียวกับวง ชาย-หญิงหันหน้าเข้าหากัน โดยชายก้าวเท้าขวาออกนอกวงรำก่อนคำร้องเล็กน้อย หญิงถอยเท้าขวาออกนอกวงรำเล็กน้อย ก้าวซ้ายเป็นจังหวะที่ 1 ก้าวขวาเป็นจังหวะที่ 2 แล้วจรดส้นเท้าซ้ายสองครั้งเป็นจังหวะที่ 3 และ 4 เท้าซ้ายถอยหลัง เป็นจังหวะที่ 5 พร้อมทั้งเปลี่ยนเป็นมือขวาตั้งวงต่ำ มือซ้ายจีบส่งหลัง ศีรษะเอียงขวา รำแบบนี้ไปจนจบเพลง”
“ทำไงวะลู่”
“โอ๊ย!ลุง ก็ทำแบบนี้ไง” ลู่หานทำตามที่ครูสอน
“แล้วแบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร” ผมชูมือขึ้น นิ้วโป้งกับนิ้วชี้แนบชิดกัน ส่วนอีกสามนิ้วที่เหลือกรีดออกไป
“ก็เรียกว่าจีบไง มามุกไหนอีกเนี่ย”
“ก็นี่ไง จีบอยู่”
“ไม่ตลกนะลุง”
“ก็จีบอยู่จริงๆ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in