‘ขอเชิญร่วมงานคืนสู่เหย้าศิษย์เก่า ประจำปี255X’
ผมได้รับข้อความเชิญจากโรงเรียนสมัยเรียนมัธยม ซึ่งมันตรงกับวันหยุดช่วงสงกรานต์พอดี ผมกำลังเดินทางกลับบ้านไปหาแม่ สองปีที่ผ่านมาผมค่อนข้างจะเรียนหนักและไม่มีเวลาไปทำอะไรไร้สาระ จนไม่มีเวลาจนเบจูฮยอนขอเลิก ซึ่งผมก็ไม่ได้อิดออดอะไร เราจบกันไปด้วยดีเหตุเพราะมีเวลาไม่ตรงกัน
ชีวิตรักของผมพังแต่ไอ่จงอินกำลังมีโชค ไอ่ดำเพื่อนรักมีแฟนเป็นสาววิศวะขาลุยอย่างโดคยองซู เล่นเอาสาวๆในและนอกคณะร้องไห้กันไปเป็นแถบๆ และความขี้มโนของเหล่าสาวๆทำให้แฟนหมอถึงกับลั่นวาจาว่า ‘ไม่เด็ดจริงไม่ได้กินหมอหรอกค่ะ’ นับว่าแทงใจดำสาวๆให้เจ็บเล่น
ส่วนไอ่จงแดก็ได้ควงสาวนิติอย่างมินซอก ไม่คิดเลยว่าจะแอบคบกันลับๆมาตั้งแต่สมัยมอสี่ มันเพิ่งมาเล่าให้พวกผมฟังเมื่อตอนที่ขอมินซอกเป็นแฟนออกนอกหน้าแบบนี้ นับว่าเป็นบุคคลที่เก็บความลับได้ดีเยี่ยมที่สุด
“มาโรงเรียนในรอบสองปีนี้ แม่งเปลี่ยนไปโคตรเยอะเลยว่ะ” ว่าที่คุณหมอพูดขึ้นหลังจากลงจากรถมา พวกผมสามคนมาถึงโรงเรียนในช่วงสาย ตอนนี้โรงเรียนยังมีการเปิดเรียนช่วงฤดูร้อนอยู่ ผมมองไปรอบๆ โรงเรียนเปลี่ยนไปเยอะมาก ทั้งตึกเรียนที่เป็นสีขาวก็กลายเป็นสีเขียวอ่อน ม้านั่งที่พวกผมเคยไปนั่งก็หายไปเป็นม้านั่งชุดใหม่ ขนาดห้องเรียนยังเปลี่ยนเลย แทบจะจำไม่ได้แหนะ
หลังจากสำรวจพื้นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ไปหาครูๆที่อายุมากขึ้นตามวันเวลา ท่านยิ้มให้พวกเราเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด
“ลูกศิษย์ฉัน หล่อๆกันทุกคนเลย เรียนเป็นไงบ้างจ้ะ”
“เรียนหนักมากเลยครู ผมนี่แทบอยากกลับมาเรียนมอสี่ใหม่อีกรอบเลย” จงแดว่า
“แล้วว่าที่หมอล่ะ”
“ก็โอเคครับครู ก่อนสอบแทบไม่ได้นอนเลยครับ”
“ฮ่าๆ แล้วเราล่ะ” ครูถามผม
“ตามยถากรรมครับครู”
“ครูเข้าใจพวกเธอดี ว่าแต่ทำไมปีที่แล้วถึงไม่มาล่ะ”
“เรียนหนักครับ” เราสามคนตอบพร้อมกัน ครูพยักหน้าเข้าใจ วันนี้พวกเราไม่ได้มาเสียเปล่าครับ ครูแนะแนวที่รู้ว่าเรามาก็ลากไปแนะแนวน้องๆแต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ใครอีกคนก็เดินเข้ามาสมทบ
“ครูคะ สวัสดีค่ะ” ผมสามคนหันพรึบตามเสียง เป็นผู้หญิงผิวขาวในชุดนักศึกษา สวมทับเสื้อผ้าร่มสีเขียวอ่อน ผมสีวอลนัทจากการย้อมปล่อยลงตามธรรมชาติแถมยังตัดหน้าม้าซีทรูด้วย ว่าแต่หน้าคุ้นๆนะ
“แม่สาวศิลปกรรมของครู ครูกำลังรออยู่พอดี”
“ค่ะ หวัดดีจงอิน หวัดดีจงแด หวัดดีลุง ไม่เจอกันนานเลยนะ” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มส่งมาให้กับผมและสองจง สรรพนามที่ใช้เรียกผมมันคุ้นๆนะ ลุงงั้นหรอ...
“ลู่หาน! ลู่หานใช่มั้ย?” จงแดถามขึ้น เธอพยักหน้าเล็กน้อยและอมยิ้มอย่างน่ารักน่าชัง แม่เจ้าโว้ย ไปกินอะไรถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
“ดีใจที่จำกันได้นะ พวกนายหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยนะเนี่ย”
“ฉันจำเธอเกือบไม่ได้นะเนี่ย ถ้าไม่ทักไอ่ฮุนคงไม่รู้ว่าเป็นลู่หานอ่ะ”
ลุง คำนามที่ลู่หานใช้เรียกผมมาตลอดสิบกว่าปี ผมลืมไปได้ยังไงนะ
“ไม่ติดจะทักกันเลยไง น้อยใจนะเนี่ย” ลู่หานว่าขณะที่เราทั้งหมดกำลังเดินตามครูไปหาน้องๆที่ห้อง ผมทั้งอึ้งทั้งเขิน ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดีเลยเอาแต่เงียบ
ลู่หานเรียนอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่ทำไมผมถึงไม่เคยเจอเธอสักครั้ง อาจเป็นเพราะว่าคณะของเรามันอยู่ค่อนข้างไกลกัน สังคมของผมเลยมีแต่พวกวิศวะ
“สวยขึ้นนะ”
“ขอบใจ นายเองก็หล่อขึ้นเหมือนกัน”
“ชมแบบนี้เขินนะเนี่ย”
ห้องมอห้าทับหนึ่งที่ผมรู้จักกับตอนนี้มันไม่ใช่ที่เดิม ครูบอกว่าตึกเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อสามเดือนที่แล้ว น้องที่กำลังขึ้นมอห้าปีนี้เลยได้ย้ายมาเรียนตึกใหม่ พวกผมสี่คนยืนรอด้านนอกรอให้ครูเรียกเข้าไป ที่แถวนี้เงียบมาก ก็เหมาะแล้วที่ให้มอหกมาเรียนอยู่ที่นี่
“เข้ามาเลยลูก” ครูเรียก ไอ่จงแดเป็นคนนำเข้าไปก่อนตามด้วยว่าที่หมอ ลู่หาน และผมเป็นคนสุดท้าย น้องๆนั่งกันเงียบจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แต่ผมที่มีดีกรีเรียนวิศวะ เรื่องโปกหาในวงเหล้าต้องจัด
“หวัดดีครับน้องๆ พี่ชื่อเซฮุน เรียนวิดวะเครื่องกล”
“พี่ชื่อลู่หานนะคะ เรียนศิลปกรรม”
“พี่จงอินนะ เรียนหมอ”
“พี่จงแด เรียนวิดยาธรณีครับ” น้องๆทำเสียงฮือฮาโดยเฉพาะน้องผู้หญิง ครูแนะแนวก็บอกให้เกรงใจพี่ๆด้วย เรื่องแค่นี้ผมไม่ถือหรอก
“คนไหนคือน้องแจมินหรอคะ” ลู่หานถามน้องผู้ชายที่นั่งแถวหน้าสุด น้องคนนั้นชี้ไปทางน้องผู้ชายหน้าหวานที่นั่งหลังห้อง คนตัวเล็กเลยเดินถือถุงขนมไปให้ถึงที่ น้องแจมินทำหน้างงนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อลู่หานผู้อะไรบางอย่าง เพื่อนผู้หญิงที่นั่งข้างน้องก็ยกมือถือขึ้นถ่ายคนตัวเล็กไม่หยุด
“พวกพี่ทั้งสี่คนกำลังขึ้นปีสามนะ ใครอยากถามอะไรก็ถามมาได้เลย” จงแดออกปาก
เวลาเกือบสองชั่วโมงกับการแนะแนวสองห้องที่อยู่คนละแผนการเรียน เด็กวิทย์ก็จะถามพวกผมเป็นส่วนใหญ่ ลู่หานเองที่ไม่ได้เรียนทางสายนี่ก็คอยแนะวิธีการเรียนให้แก่น้องๆ เอาจริงๆนะ น้องๆเขาไม่ได้สนใจเนื้อหาที่แนะหรอก สนใจผมกับลู่หานมากกว่าเพราะเราสองคนยืนข้างกัน
“พี่ครับ!” น้องคนหนึ่งยกมือขึ้น ทำให้ทั้งห้องเงียบและเบนความสนใจไปทางคนต้นเสียง
“พี่เซฮุนกับพี่ลู่หานเป็นแฟนกันหรอครับ”
ฮิ้ววววววว~ เล่นกูแล้วไง
“ไม่ใช่นะน้อง” ลู่หานปฏิเสธฉับทันที
“นี่เธอ” ผมสะกิดลู่หาน “ถึงเสื้อช๊อปเราจะเปื้อนฝุ่น แต่กอดอุ่นกว่าใครนะเธอ”
“กรี๊ดดด พี่เค้ามาว่ะ”
นี่ใคร? พี่ฮุนเครื่องกลนะครับ *ยิ้มอ่อน*
ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำอัดแน่นไปด้วยเด็กๆในเวลาพักกลางวัน ตอนนี้ผมและเพื่อนๆกำลังรอคิวอยู่ แต่ด้วยความที่ชุดของพวกเรามันแปลกกว่าชาวบ้านจึงตกเป็นเป้าสายตาได้ไม่ยากนัก
“ไอ่ฮุน ที่มึงแซวลู่เมื่อเช้านี่จริงจังป่ะวะ”
“นี่ใคร พี่ฮุนคนจริงครับ อนาคตเฮดว้ากวิศวะ”
“พวกมึงสองคนพูดอะไรกัน สั่งเตี๋ยวได้ละครับ” ว่าที่หมอบอกจะรับก๋วยเตี๋ยวจากป้าคนขาย มาร้านนี้ทีไรผมก็กินแต่แบบเดิมๆจนป้าจำได้ ถ้าสั่งว่าเหมือนเดิมจะจำได้รึเปล่านะ
“เหมือนเดิมครับป้า”
“มาม่าแห้งยำลูกชิ้น” ผ่านไปสองปีแล้วป้าแกยังจำได้
“ป้าจำได้ด้วยหรอครับ”
“ลูกค้าเจ้าประจำใครจะจำไม่ได้หล่ะพ่อหนุ่ม ป้าก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมไม่เห็นมาซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านป้าเลย ที่แท้ก็เรียนจบแล้วนี่เอง” ป้าแกตอบพร้อมยิ้มให้ “ป้าแถมลูกชิ้นให้อีกสองลูกนะ ตัวโตแบบนี้คงกินไม่อิ่ม”
“ขอบคุณครับป้า” ลาภปากพี่ฮุนเลยครับ
ผมจะพูดได้มั้ยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับลู่หาน ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยได้กินข้าวกับเธอเลย เรานั่งกันคนละโต๊ะมาตลอด ผมมีเพื่อนส่วนเธอก็มีเพื่อน เราต่างคนต่างใช้เวลาอยู่กับเพื่อนในตอนนั้นมันก็ถูกแล้ว
หลังทานมื้อกลางวันเสร็จ ลู่หานก็ขอตัวออกไปเดินเที่ยวรอบโรงเรียนโดยมีผมติดสอยห้อยตามไปด้วย เราเดินห่างกันไปคนละก้าว เธอเดินนำหน้าและผมเดินตามหลัง บรรยากาศในโรงเรียนตอนนี้เงียบสงบ น้องๆเข้าชั้นเรียนไปหมดแล้ว เหลือเพียงพวกผมที่กำลังเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย
“ลุงยังคบกับเบจูฮยอนอยู่รึเปล่า ได้ข่าวโคมลอยว่าเลิกกันแล้ว”
“ใช่ เลิกกันแล้วล่ะ คงเป็นผู้หญิงที่คบกันนานที่สุดแล้ว”
“แล้วไม่เสียใจ”
“มีนิดหน่อย แต่เพราะจากกันด้วยดีเลยไม่เฮิร์ทเท่าไหร่ แล้วลู่ล่ะ? มีแฟนรึยัง”
“โสดตั้งแต่เกิดจนอายุเท่านี้เลย ไม่มีใครมาชอบหรอก”
“น่ารักแบบนี้ยังโสด ผู้ชายแม่งตาถั่ว”
“ที่ไม่มีแฟนเพราะกำลังรอใครบางคนอยู่ต่างหาก ถ้าเรียนจบแล้วใครคนนั่นยังไม่ชอบฉัน เดี๋ยวฉันก็ตัดใจได้เองแหละ”
“งั้นก็เหลืออีกแค่สองปีเองอ่ะดิ ถ้าเจอหน้าเดี๋ยวเราจะต่อยให้คว่ำเลย โทษฐานที่ให้ลู่รอ”
“ฮ่าๆๆ ถึงเวลานั้นฉันจะรอดูนะ”
ผมไม่ได้เจอกับลู่หานอีกเลยหลังจากวันคืนสู่เหย้า เราต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียน ในคณะผมมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งชื่อมาร์ค หมอนั้นเรียนเอกเดียวกันและผมค่อนข้างจะสนิทกับมันในระดับหนึ่ง
“ไอ่ฮุน ไปศิลปกรรมเป็นเพื่อนกูทีดิ”
“ไปทำไรที่นั้นวะ”
“ไปหาเมียสิครับเพื่อน ถามโง่ๆอีกแล้ว” มันว่าพลางสตาร์ทรถมอ’ไซต์ฮอนด้าสีแดงคันเก่งของมัน ผมขึ้นซ้อนก่อนที่มันจะบิดออกไป ผ่านหอนาฬิกา สนามกีฬา และตึกอีกหลายๆที่จนมาถึงคณะศิลปกรรมศาสตร์ ไอ่มาร์คจอดรถ ผมและมันกลายเป็นที่น่าสนใจของสาวๆไปโดยทันที แต่บุคคลที่มีจิตใจอันแน่วแน่ว่าจะมาหาเมียก็เดินดุ่มๆเข้าไปที่หน้าสโมสรนักศึกษาและดิ่งไปตรงโต๊ะที่มีผู้หญิงคนหนึ่งคนนั่งอยู่
“น้องแบม”
“อ้าว! พี่มาร์ค วันนี้ไม่มีเรียนอ๋อ?” น้องแบมถามขึ้น ผมได้ยินชื่อมาบ่อยนะแต่ไม่เคยเห็นตัวจริง พอมาเจอวันนี้ก็พอจะเข้าใจว่าทำไม๊ทำไมไอ่มาร์คถึงได้ขยันมาเฝ้าเช้าเฝ้าเย็น ความจริงน้องแบมอะไรของมันนั่นเป็นเด็กบริหารที่ชอบมาคลุกตัวที่คณะศิลปกรรม เห็นไอ่มาร์คมันบอกว่าน้องแบมของมันกำลังเรียนวาดภาพกับสาวคณะนี้
“เพิ่งเลิกอ่ะ เลยมาหา แล้วยัยลู่อ่ะ” อะไรลู่ๆ
“พี่ลู่ไปห้องน้ำ มาพอดี”
“มาเฝ้าเมียเด็กอีกละ อ้าว!ลุง มาไงเนี่ย” ลู่หานเอ่ยทัก
“มากับไอ่มาร์คอ่ะ” ผมตอบ
“มึงสองคนรู้จักกันตอนไหนวะ?”
“นานกว่ารู้จักมึงแล้วกัน” ผมว่าก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ที่ว่างข้างๆลู่หาน หย่อนก้นนั่งได้แปปเดี๋ยว ก็มีใครก็ไม่รู้เดินเข้ามาพร้อมดอกไม้ช่อเล็กๆ มาจีบใครวะ?
“ลู่หาน”
“พี่ป๋อหรัน มีอะไรรึเปล่าคะ”
“พี่ซื้อดอกไม้มาฝาก เห็นว่าลู่ชอบ”
“ขอบคุณค่ะ วันหลังไม่ต้องลำบากซื้อมาให้ก็ได้ค่ะ เกรงใจแย่” ลู่หานยิ้มแหย่ๆก่อนจะรับดอกไม้มาวางไว้ข้างๆ
“สำหรับลู่อ่ะ พี่ให้ได้ทุกอย่างแหละ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พอดีมีเรียนต่อ” ไอ่รุ่นพี่นั้นยิ้มกว้าง ผมหล่ะอยากจะอ้วก ดูก็รู้ว่าผู้ชายขี้หม้อชัดๆ
“ลู่ ใครอ่ะ?”
“พี่ป๋อหรันน่ะหรอ เป็นพี่ปีสี่เรียนวิดยา”
“กำลังตามจีบลู่?”
“งั้นมั้ง” ไม่มั้งดิ ผมจะไม่ยอมให้ไอ่รุ่นพี่นั้นมาจีบเพื่อนของผมหรอก ข้ามศพผมคนนี้ให้ได้ก่อนเถอะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in