เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Girl x Friend (ss1-2) | hunhanhuan_97
-12-
  • “แล้วนี่ลู่กลับหอไงอ่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากสองผัวเมียกลับไปแล้ว พอได้เมียก็เทเพื่อน ผมเลยต้องมานั่งแหงกอยู่ที่คณะศิลปกรรมกับลู่หานแค่สองคน ตอนนี้เวลาเกือบบ่ายสองแล้วแต่เธอก็ยังไม่ละมือกับการวาดรูปอยู่ดี

    “เราเช่าจักรยานของหอมาอ่ะ แล้วลุงอ่ะ”

    “คงได้ขึ้นรถรางมอกลับอ่ะ โดนไอ่มาร์คเท”

    “ไปกับเราก็ได้นะ เดี๋ยวเราก็กลับแล้ว เดี๋ยวปั่นไปส่ง”

    “ตัวแค่นี้ เอาเราไหวหรอ?”

    “อย่าท้านะเว้ย มาเลยๆ เดี๋ยวเราไปส่ง” ลู่หานเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าสะพายข้างและฉุดมือผมให้ลุกตามเธอไป พูดตามตรง แค่ความสูงผมก็กินขาดแล้ว ตัวแค่นี้จะเอาผมที่ตัวใหญ่กว่าได้ยังไง ล้อเล่นรึเปล่า

    ยัยตัวเล็กฝากกระเป๋าให้ผมถือก่อนจะขอตัวไปเอารถจักรยานที่จอดไว้ออกมา เป็นรถจักรยานแม่บ้านสีออกม่วงๆมีหมายเลขกำกับไว้ตามหอที่พัก ลู่หานขึ้นควบและเรียกให้ผมไปซ้อนท้าย

    “แน่ใจนะว่าไหว ให้เราขี่แทนดีกว่ามั้ง” ผมถาม

    “เงียบเถอะน่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันก็ปล่อยลุงลงเองแหละ”

    “ตามใจๆ” ผมยกมือยอมแพ้ 

    คนขาสั้นพยายามกระแดะๆไถ่รถไปก่อนจะขึ้นนั่งบนเบาะได้สำเร็จ พอรถเริ่มออกตัว มือของผมก็ไม่มีที่ให้เกาะ ตอนซ้อนมอ’ไซต์ไอ่มาร์คมามันมีที่ให้เกาะข้างหลังไง แต่กับจักรยานมันไม่มี

    “ถ้ารู้ว่าก้นไม่เหนียวเหมือนตีนตุ๊กแกก็เกาะบ่าฉัน” เพียงเท่านั้นแหละ ผมรีบเกาะไหล่เล็กๆของลู่หานทันที

    “ลุงรีบป่ะ พอดีเราจะแวะไปหาอะไรกินที่หน้ามออ่ะ ไปด้วยกันมั้ย” 

    “ไปดิ แล้วแต่คนขี่เลย” เรื่องอะไรที่เขาจะพลาดเล่า

    ตลาดย่อมๆหน้ามอคือแหล่งอาหารที่สำคัญของนิสิตนักศึกษาแห่งนี้ ลู่หานจอดจักรยานไว้และไม่ลืมเอากระเป๋าของเธอจากผม เราสองคนมุ่งหน้าสู่ตลาดที่คนเริ่มจะมีบ้างเป็นประปราย มีทั้งร้านเครป ร้านขนม ร้านอะไรอีกเยอะแยะมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว ก็อย่างที่บอกว่ามันเยอะมากจริงๆ

    ผมและลู่หานตะเวนหาของกินในยามเย็น มือเล็กของคนข้างๆเต็มไปด้วยขนมและอาหารสำหรับมื้อเย็น ส่วนผมมีแค่ขนมปังปิ้งในมือเพียงอย่างเดียว

    “น้องลู่” เสียงปริศนาดังขึ้น ทั้งผมและลู่หานหันควับไปมองที่ต้นเสียง เป็นไอ่รุ่นพี่คณะวิดยาที่มาขายขนมจีบให้คนตัวเล็กข้างๆผม ยืนอยู่ตรงนั้นดีๆก็มาแทรกกลางระหว่างผมกับลู่หานซะงั้น นี่ผมยังยืนหัวโด่อยู่ทั้งคนเว้ย

    “มาคนเดียวหรอคะ?” ไอ่เซ่อ ผมยืนอยู่ตรงข้างคุณ(มึง)ไง ตัวกูก็ไม่ได้เล็กนะเว้ย

    “มากับเซฮุนค่ะ ที่ยืนข้างๆพี่” ลู่หานชี้นิ้วมาทางผม รุ่นพี่หันกลับมามองและเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเท่าไหร่

    “ไง เด็กวิดวะ” 

    “ลู่ เราอยากไปซื้อขนมตรงนั้น” ผมเมินคำทักของของไอ่รุ่นพี่วิดวะและหันไปคุยกับลู่หาน ไม่รู้จักอย่าทักพี่ฮุนวิดวะ

    “งั้นลู่ของไปซื้อของกับเพื่อนก่อนนะคะ”

    “งั้นเดี๋ยวพี่ทักไปในแชทนะ” 

    “ค่ะ” ไอ่รุ่นพี่หน้าหม้อจากไปพร้อมสายตาอาฆาต ใครสน! นี่เพื่อนผม ยังไงเพื่อนก็ต้องมาก่อนคนมาจีบเว้ย จำวรั้ยส์




    หลังเดินเที่ยวตลาดเสร็จ ผมอาสาเป็นคนปั่นไปส่งลู่หานที่หอ ระหว่างทางท้องฟ้ากลายเป็นสีไล่จากฟ้าเข้มลงมาเป็นสีส้มแสดอย่างกลมกลืน ลู่หานบอกให้ผมขี่ไปจอดที่หอของผมเพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลากลับมาเองอีกครั้ง แต่ผมปฏิเสธไปเพราะไม่อยากให้เธอกลับหอคนเดียวตอนมืดค่ำแบบนี้ เราสองคนตกลงกันไม่ได้ ต่างคนต่างเป็นห่วงอีกฝ่าย เพราะระยะทางจากหอหนึ่งไปอีกหอหนึ่งมันไม่ได้ใกล้ๆ

    “งั้นเอางี้มั้ย เราจะไปส่งลู่ที่หอก่อนแล้วเราจะเอารถไป พรุ่งนี้จะเอามาคืน”

    “ถ้าทำงั้นได้ก็ไม่ใช้ให้ปั่นไปที่หอลุงหรอก ป้าประจำหอเค้าค่อนข้างจริงจังกับเรื่องการเช่า-คืนของอ่ะ”

    “เรารู้แล้วว่าจะทำไง” ผมออกแรงถีบให้ล้อหมุนเร็วขึ้นและตรงไปยังหอพักของลู่หาน ผมจอดจักรยานไว้หน้าหอและเดินมาพร้อมกับลู่หานที่ห้องเล็กๆสำหรับผู้คุมหอ 

    “เวลากี่โมงกี่ยามแล้วพ่อหนุ่ม หอสามห้ามผู้ชายเข้าตอนห้าโมงเย็นเป็นต้นไปนะจ๊ะ” ป้าแกทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าผม

    “ป้าสมศรีคะ เพื่อนหนูเองค่ะ แค่มาส่งเฉยๆ”

    “สาวติสส์กลับขึ้นห้องไปได้แล้ว พ่อหนุ่มก็เหมือนกัน”

    “เดี๋ยวครับป้า คือผมอยากจะยืมจักรยาน หอผมอยู่ไกลมาก ให้ผมยืมได้มั้ยครับ”

    “เอาบัตรนักศึกษาของเธอมาแลกไว้ ฉันถึงจะให้เช่า”

    “ผมลืมเอามาอ่ะป้า เอาเกียร์มาแลกไว้แทนได้มั้ย”

    “ลุงอย่าบ้า” ลู่หานตีผม “เกียร์เป็นของสำคัญของเด็กวิดวะไม่ใช่รึไง”

    “ทำไงได้ ก็ทั้งตัวเรามีแต่กระเป๋าเงินกับเกียร์อ่ะ ถ้าไม่เอาเกียร์ไปแลกก็ไม่ได้กลับหอดิ”

    “ใช้บัตรหนูแทนได้มั้ยคะ” ลู่หานถามป้าสมศรี ป้าแกทำท่าทีเป็นว่าคิดหนักแต่ก็ยอมให้ แถมยังบอกอีกว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่เอามาคืนจะมาเก็บเงินเจ้าของบัตรซึ่งมันคือบัตรของลู่หาน ยิ่งทำให้ผมเกรงใจเข้าไปใหญ่

    “อ่ะ” ผมยัดบางสิ่งใส่มือของเธอก่อนเดินออกไป 




    ผมแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เพราะมีสอบแคล เมื่อคืนพอกลับถึงหอก็เล่นแต่เกม กิน แล้วก็นอน ผมเปิดอ่านในชีทและลองทำโจทย์ในเน็ตดู เวลามันไวนะว่ามั้ย แป๊บเดียวก็จะแปดโมงเข้าให้แล้ว ผมละทุกสิ่งไว้และเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว

    วันนี้ผมใส่ช๊อปครับเพราะเสื้อนักศึกษาที่ส่งซักยังไม่มา ผมสะพายกระเป๋าและขึ้นขี่จักรยานที่ไปเช่ามาจากหอของลู่หานบึ่งไปที่คณะทันที

    พวกปีสามหลายคนกำลังงวนกับการติวและมีบางส่วนที่กำลังหม้อสาว เสียงเฮฮากริ๊วกร๊าวดังมาจากโรงอาหารของคณะที่อยู่ถัดตึกเรียนไปไม่กี่สิบก้าว ผมเลยเดินไปดูเพราะความอยากเผือก ไอ่ขามและไอ่ถั่วเขียวกำลังจีบหญิงจากคณะอะไรผมเองก็มองในระยะไกลจึงดูไม่ออก

    “คณะศิลปกรรมอยู่ตั้งไกล มาทำอะไรที่วิศวะจ๊ะ”

    “คบกับพี่ไม่มีเท เงินเปย์ยังไม่มี”

    “อย่าเพิ่งแซวได้มั้ย คือเราจะมาหาเซฮุน ที่อยู่อยู่เครื่องกล”

    “เซคเดียวกัน มีอะไรกับมันรึเปล่า?” ไอ่ถั่วเขียวถาม

    “จะเอาของมาคืนอะ” พอได้ยินประโยคนี้ผมรู้เลยว่าเป็นใคร ไอ่สองคนนั่นมันกำลังแซวลู่หาน “เนี่ย เค้าฝากเราไว้”

    ฟันเฟืองสีเงินเงาวับเมื่อสะท้อนกับแสงแดดพร้อมกับรุ่นที่สลักเอาไว้ ไอ่สองคนนั้นทำตาโตเมื่อเห็นเกียร์ของผมอยู่ที่ลู่หาน

    “เคยได้ยินมั้ย เกียร์ก็เหมือนหัวใจของวิศวะ ฝากเกียร์ไว้กับใคร ก็เท่ากับฝากใจไว้ที่คนนั้นอ่ะ” ไอ่ขามบอก

    บางทีคุณ(มึง)ก็ช่วยรักษาภาพพจน์ของเฮดว้ากแบบผมด้วย ผมก็ไม่ได้ออกตัวแรงขนาดนั้นว่ากำลังจะจีบเธอ ลู่หานเป็นเพื่อนผม และผมรู้ว่าคนที่เธอกำลังรอคงไม่ใช่ผมหรอก

    “เซฮุนไม่ได้ชอบเราหรอก เขาแค่ฝากไว้ เราฝากนายไปคืนได้มั้ย”

    “พอดีว่าเราสองคนต้องไปสอบแล้วอ่ะ คงฝากคืนไม่ได้” มันว่าก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีผิดกับอีกคนที่ทำหน้าเศร้าชวนสงสารอยู่ตรงนั้น ผมเหลือบมองนาฬิกกาอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา ฝากไว้อีกสักสองชั่วโมงคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

    สองชั่วโมงสุดทรมานจบลงด้วยดี ผมเดินออกห้องสอบมาด้วยสมองที่ว่างเปล่า ความรู้ที่สะสมมาหาวับไปกับข้อสอบ ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารแล้วค่อยเอาจักรยานไปคืนป้าสมศรี
    ผมเดินมาที่โรงอาหารอีกครั้ง ใครบางคนยังนั่งอยู่ที่เดิม ลู่หานเขียนอะไรไม่รู้ลงสมุดสเก็ตและมันถูกปิดลงเมื่อผมเดินเข้าไปทัก

    “มานานแล้วหรอ”

    “สักพักน่ะ ตั้งแต่แปดโมงกว่าๆเอง” ประชดอีก

    “โอ๋เอ๋ๆ เดี๋ยวลุงคนนี้เลี้ยงข้าวไถ่โทษเน๊าะ” ผมเอื้อมมือไปยีหัวของคนขี้ประชด แต่กลับโดนค้อนซะงั้น เพราะผมทำให้ผมของเธอเสียทรง

    โรงอาหารของคณะวิศวะก็เหมือนกับโรงอาหารของคณะอื่นๆ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง ร้านขายน้ำ ร้านขายขนม และร้านขายผลไม้ ก๋วยเตี๋ยวจะเป็นที่นิยมของพวกเราเพราะลุงคนขายชอบแถมลูกชิ้นให้ แกค่อนข้างทำอร่อยด้วยจึงทำให้เป็นที่นิยมได้ไม่ยาก

    เป็นอีกครั้งที่ผมและลู่หานนั่งกินข้าวด้วยกัน และนี่เป็นครั้งแรกที่เรานั่งด้วยกันเพียงสองคน ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตรึเปล่านะ เวลาเห็นปากเล็กของเธอขยับไม่ว่าจะเวลาพูดหรือกินอะไร มันดูน่ามองไปหมดสำหรับผม ถ้าผมกลับมาหลงรักเธออีกครั้งจะผิดมั้ยนะ

    ตกบ่ายผมขี่จักรยานพาลู่หานไปที่ทุ่งดอกหญ้าใกล้ๆคณะนิติศาตร์ ความจริงมันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกแต่เด็กศิลปกรรมทำให้มันดูมีอะไรไง ที่มานี่ก็เพราะเธออยากให้ผมเป็นแบบวาดรูปให้ มือเล็กจับมือถือไว้มั่นและพาผมไปยืนถ่ายรูปตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างตามที่เธออยากได้ ก็รู้ๆกันอยู่ใช่มั้ยว่าเวลาผมยิ้มมันไม่เหมือนคนยิ้มสักเท่าไหร่

    “ไม่ต้องยิ้มเก๊กได้มั้ย ฉันอยากได้รู้ที่ลุงสดใสนะ ไม่ได้ให้มาถ่ายแบบลงนิตยสาร”

    “ก็มันได้แค่นี้อ่ะ” ผมเถียง ผมเป็นเฮดว้ากเลยต้องปั้นหน้าขรึมอยู่ตลอดเวลาอีกอย่างคือผมไม่ค่อยจะยิ้มด้วย เวลาที่ยิ้มก็เลยดูไม่เหมือนคนยิ้ม

    “นี่แน่ะ! ตายซะเถอะโอเซฮุน” ลู่หานเด็ดดอกหญ้ามาตีหัวผมเล่น รอยยิ้มที่เธอส่งมาให้กับผมทุกครั้งมันแฝงไปด้วยความสุข ผมอยากให้เธอยิ้มแบบนี้กับผมตลอดไป ผมชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ ความรู้สึกในวันวานหวนย้อนกับมาอีกครั้ง ยัยแว่นผมเปียในวันนั้นกับผู้หญิงตรงหน้าผมคนนี้คือคนเดียวกัน คนที่ผมเคยชอบและจะชอบอีกครั้ง

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in