เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Girl x Friend (ss1-2) | hunhanhuan_97
-10-
  • ไม่มีการออกไปเที่ยวเล่น
    ไม่มีการทำตัวเองไร้สาระ
    ไม่มีการทำตัวขี้เกียจ

    ผมท่องไปท่องมาได้เกือบสามอาทิตย์แล้วหลังจากปิดเทอมใหญ่ของมอห้า ผมเริ่มอ่านหนังสือ ทำข้อสอบเก่าๆ เปิดดูยูทูปที่เขาสอนกันทางออนไลน์ ออกไปเรียนพิเศษบ้างเป็นบางครั้ง ที่ผมเคยฝันไว้ว่าจะเป็นหมอถูกยกเลิกไปแล้ว ผมถนัดพวกคำนวณมากกว่ามานั่งจำชื่อภาษาอังกฤษของศัพท์ชีวะ ผมก็เลยคิดว่าจะไปสอบวิศวะดู แน่นอนว่าผมไม่ได้ติดในรอบโควตา ผู้คนมากมายต่างพากันจับจองที่นั่งในมหาวิทยาลัยอย่างบากบั่น ผมติดวิศวะได้ในรอบรับตรง ถึงแม้จะแอบเสียดายนิดๆที่ไม่ได้ในรอบแรกแต่พอสอบติดแล้ว ชีทเรียนทั้งหลายผมอยากจะเอามาโปรยให้หายไปพร้อมกับลมเลย

    จงแด เพื่อนสนิทอันดับสองรองจากจงอิน หมอนั่นติดคณะวิทยาศาสตร์ในมอเดียวกัน ส่วนจงอิน เพื่อนสนิทหมายเลขหนึ่งติดคณะแพทย์ เพื่อนทุกคนในห้องสอบติดกันแล้วทุกคน สร้างความปลื้มปิติยินดีให้แก่คณะครูเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หมอเยอะเหมือนรุ่นพี่ปีก่อนๆ แต่อัตราการสอบติดค่อนข้างสูงกว่าปีก่อนๆ

    จะว่าไปแล้ว ผมยังไม่รู้เลยว่าลู่หานสอบติดที่ไหนและคณะอะไร

    “แบบนี้ต้องฉลอง! งานเลี้ยงอำลาจะจัดวันเดียวกับวันที่ทำพิธีจบหลักสูตรนะ อยากให้ทุกคนไป ต้องไปให้ได้นะ” จุนมยอนประกาศเสียงดังที่หน้าห้องเรียน พวกเราร้องเฮดังลั่นด้วยความดีใจ แต่ลึกๆก็รู้สึกหวิวๆยังไงชอบกล พวกเราอยู่ด้วยกันมาสามปี เวลาหลายๆอย่างหวนนึกให้คิดถึงความหลัง คิดถึงวันแรกที่ได้รู้จักกับเพื่อนทุกคน คิดถึงวันแรกที่ได้มีสายรหัส คิดถึงทุกๆอย่างในอดีตที่พวกเราได้ทำร่วมกัน ถึงแม้ว่าจะทะเลาะกันบ้างแต่วันก็ลงเอยด้วยดี ผมต้องคิดถึงทุกคนมากๆแน่

    “นักเรียน เข้าห้องประชุมซ้อมพิธีลูก” ครูประจำชั้นว่า พวกเราทั้งหมดทยอยกันออกไปตั้งแถวที่หน้าห้องประชุม การซักซ้อมเป็นไปตามวันจริง ถึงแม้ว่าจะปวดก้นไปบ้างก็ตาม

    หลังจากซ้อมเสร็จก็มีการถ่ายรูปรวมเป็นห้องๆ ผมได้ยืนอยู่แถวหลังเพราะส่วนสูงที่มากกว่าใครเพื่อน ผู้หญิงอยู่แถวหน้า ผู้ชายอยู่แถวหลัง มีผอ.และคณะครูในชุดครุยมาร่วมในการถ่ายภาพครั้งนี้ ผมรู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ต้องทำหน้านิ่งๆและยิ้มนิดๆ ช่างภาพกดรัวไปกี่ภาพไม่รู้แต่มันต้องมีสักภาพแหละที่ดีที่สุด 

    “อีกภาพให้ยิ้มให้กว้างที่สุดเลยนะครับ คณะครูเชิญออกมาก่อนครับ”

    “แอคท่าได้มั้ยพี่?” ใครคนหนึ่งถามขึ้น

    “ฟรีสไตล์ครับน้อง”

    1 2 3! แชะ!

    เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ผมยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มให้กล้อง สายตาของผมมันโฟกัสที่รอยยิ้มสดใสของลู่หาน ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ทั้งๆที่ก็คบอยู่กับไอรีนอยู่แท้ๆ ผมสะบัดความคิดบ้าๆออกไปและหันไปสนใจอย่างอื่นแทน

    สมุดเฟรนด์ชิพปกเขรอะๆแบบไม่ซ้ำใครถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมปากกาเมจิกหลากสี ลู่หานยื่นมันส่งมาให้ผมโดยไม่พูดอะไร ผมรับมาและเขียนข้อความอวยพรลงไปโดยไม่ลืมประวัติส่วนตัวเล็กๆน้อยและช่องทางการติดต่อ 

    “เราจะถ่ายรูปลุงแล้วนะ ยิ้มด้วย” เธอสั่ง

    ผมฉีกยิ้มให้กล้อง สิ้นเสียงชัตเตอร์ ฟิล์มรูปถ่ายค่อยๆออกมา มือเล็กจับมันสะบัดสองสามครั้งและเอาเทปกาวลายกราฟิกแปลกๆมาติดรูปลงบนหน้ากระดาษที่ผมเพิ่งเขียนไปเมื่อครู่

    “ลุงไม่มีสมุดเฟรนด์ชิพหรอ อีกสามวันก็ไม่ได้เจอกันแล้วนะ”

    “เราไม่ได้ซื้อ เอางี้.. เขียนเสื้อเราแทนแล้วกัน” ผมส่งปากกาเมจิกให้ลู่หานและหันหลังให้คนตัวเล็กเขียน
      
    “ครูไม่ว่าหรอ แถมเสื้อตัวนี้ยังใหม่อยู่เลยนะลุง”

    “ช่างมันเถอะ เรามีเสื้ออีกหลายตัว ลู่ไม่ต้องเสียดายหรอก เขียนมาเถอะ”

    “ก็ได้ๆ” เราทั้งคู่เงียบไปสักพัก ปากกาถูกใช้เขียนลงบนเสื้อของผม ผมไม่รู้ว่าคนใส่แว่นจะเขียนอะไรลงไปแต่คิดว่าต้องยาวมากๆแน่ หลังจากที่ลู่หานเขียนเสร็จ เพื่อนคนอื่นก็มาขอให้เขียนเฟรนด์ชิพให้และเขียนเสื้อให้ผม

    ตกเย็นผมรีบกลับมาที่บ้าน แม่เอาแต่หมุนตัวผมไปมาเพื่ออ่านข้อความต่างๆบนเสื้อของผม ตอนแรกแม่จะอ่านออกเสียงให้ผมฟังแต่ผมบอกท่านว่าผมอยากอ่านคนเดียวมากกว่า อาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้ว ผมหยิบเสื้อนักเรียนที่กลายเป็นสมุดเฟรนด์ชิพขึ้นมานั่งอ่านของแต่ละคนที่เขียนให้ ส่วนใหญ่เป็นการอวยพรและการเขียนอำลาเพราะเพื่อนบางคนไม่ได้สอบติดที่เดียวกับผม การที่จะมาเจอกันแต่ละครั้งมันลำบาก ผมอ่านข้อความมาเรื่อยๆจนถึงข้อความที่ดูเป็นระเบียบที่สุด ลายมือที่ไม่เหมือนใครของลู่หานทำให้ผมอยากอ่าน

    ฉันกับลุงรู้จักกันมาเกือบสิบปีแล้วนะถ้าจำไม่ผิด เวลาผ่านไปเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ สามปีที่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันมีความทรงจำดีๆมากมายให้คิดถึงและจดจำ สุดท้ายเราก็เรียนจบไปได้อีกขั้น ยินดีด้วยที่ลุงสอบได้คณะวิศวะตามเป้าที่ตั้ง ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี งั้นอวยพรให้แล้วกันเนอะ!

    ขอให้ลุงมีความสุขกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มีแต่คนรักคนชอบ เรียนจบก็ขอให้มีงานดีๆทำ ขออะไรก็ให้ได้อย่างที่หวัง สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกเซฮุนว่า อย่าลืมกันนะ
    ลู่หาน




    “กราบเรียน ท่านผู้อำนวยการโรงเรียน คุณครู คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาและแขกผู้มีเกียรติ ที่เคารพรักทุกท่าน และสวัสดีเพื่อนๆทุกคน

    ดิฉันซนซึงฮวาน รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนนักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประจำปีการศึกษา 255X ให้เป็นตัวแทนกล่าวแสดงความรู้สึกข้อคิดเห็นและขอบคุณการจัดงานพิธีจบหลักสูตรให้แก่พวกเราก่อนแยกย้ายกันไปตามเส้นทางชีวิต ตามความฝันของตนเองในวันนี้

    สิบสองปีที่พวกเราได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ เป็นสิบสองปีแห่งการเรียนรู้ที่พวกเราภูมิใจและประทับใจมากที่สุด เพราะการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ทำให้พวกเราได้เป็นเพื่อนกัน ได้เป็นลูกศิษย์ของคุณครูที่ดีที่สุด เก่งที่สุด รักและหวังดีต่อพวกเรามากที่สุด ทำให้พวกเราได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ที่จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไปประกอบอาชีพ และไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น เป็นสิบสองปีแห่งความทรงจำทีดีที่สุดของพวกเราที่จะไม่มีวันลบเลือนไปจากใจ วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติ ภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกใจหายเพราะต้องพลัดพรากจากกันไป คงมีโอกาสได้พบกันอีกเพียงในความฝันเท่านั้น ออกจากโรงเรียนไปวันนี้ พวกเราไม่มีอะไรจะมอบให้เป็นการตอบแทน เพราะชีวิตของพวกเรายังต้องพึ่งพาอาศัยพ่อแม่และผู้ปกครองต่อไปอีกหลายปี พวกเรามีหนี้บุญคุณที่ยังไม่ได้ทดแทนอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนความแค้น ความผิดหวัง ความเสียใจ ความทุกข์ ความโศกเศร้า และความไม่ดีทั้งหลาย พวกเราได้จับพวกมันใส่กระทงลอยคงคาในวันเพ็ญเดือนสิบสองหมดแล้วค่ะ พวกเรามีคำมั่นสัญญาจากใจที่จะมอบให้ว่า วันหนึ่งเมื่อพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีงานทำ มีรายได้ และพึ่งตัวเองได้แล้ว พวกเราจะกลับมาตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ และทุกครั้งที่มีงานบุญผ้าป่าการศึกษาของโรงเรียน พวกเราจะกลับมาช่วยงาน สำหรับเพื่อน ๆ ทุกคน ขออย่าได้ลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อกันว่า ‘เราจะไม่ทิ้งกัน’ นะคะ ส่งข่าว ส่งยิ้ม ส่งรัก ส่งไลน์และฝันถึงกันบ้างนะคะ

    กราบขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการโรงเรียนและคุณครูทุกท่าน ที่ตั้งใจอบรมสั่งสอนพวกเราด้วยความรักและเอื้ออาทรเสมือนหนึ่งพวกเราเป็นลูกหลาน ตั้งใจถ่ายทอดวิชาความรู้ให้โดยไม่ปิดบังอำพราง กราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่และผู้ปกครองที่กรุณาทุมเทเสียสละเพื่อพวกเรามาโดยตลอด และกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมจัดงานวันอำลาสถาบันให้แก่พวกเราในวันนี้

    หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พวกเราได้ล่วงเกินผู้มีพระคุณทั้งหลาย ด้วยกาย วาจาและใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทั้งโดยเจตนาและไม่ได้เจตนา ต้องกราบขออภัยทุกท่านเป็นอย่างมากไว้ ณ โอกาสนี้

    ขอให้พระเจ้าได้โปรดอวยพรให้แก่ท่าน ผอ. คุณครู คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง ท่านผู้มีเกียรติและเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ทุกคน จงประสบแต่ความสุขความเจริญยิ่งขึ้น และขอให้วันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความรักความผูกพันมั่นคงยืนยาวระหว่างกันตลอดไป และขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนจงโชคดี ประสบความสำเร็จดั่งตั้งใจ ได้ มี เป็น เช่นที่ฝันไว้ทุกประการ ได้กลับมาตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ และกลับมาพัฒนาโรงเรียนร่วมกัน กราบลาทุกท่านค่ะ สวัสดีค่ะ”

    เสียงปรบมือดังขึ้นหลังจากที่เวนดี้กล่าวสุนทรพจน์จบ ผมแอบเห็นครูบางคนนั่งซับน้ำตากันบ้าง ยิ้มบ้าง ตามประสาที่เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ พิธีการในห้องประชุมจบลง เหล่าคณะครูเดินแถวออกไปก่อนเพื่อยืนรอลูกศิษย์ด้านนอก ห้องของผมได้เดินออกมาเป็นห้องแรก ผู้ปกครองและเหล่าน้องๆยืนกันละลานตาไปหมด พวกเรายังไม่ได้แยกจากแถว พวกเรายืนเรียงกันให้เป็นวงกลมที่สนามหญ้า เมื่อคนสุดท้ายของห้องเจ็ดมาถึง พวกเราไขว้มือกันและร้องเพลงร่วมกัน

    ความตื้นตันในใจลึกๆเอ่อล้นออกมาเป็นน้ำตา ผมรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาตลอดทั้งสามปีในการใช้ชีวิตช่วงมัธยมปลาย แต่มันกลับน่าจดจำมากกว่า ชีวิตในช่วงมอปลายของผมกำลังจะจบลงในวันนี้ พรุ่งนี้พวกเราก็จะกลายเป็นคนอีกช่วงวัยอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in