‘เราลอง...คบกันดูมั้ย’
‘พูดเล่นใช่มั้ย’
‘ไม่ๆ อันนี้จริงจังนะ’
‘อือ ตกลง’
เบจูฮยอนยอมเป็นแฟนผมแล้ว! ผมนี่อยากจะกลิ้งสามตลบตบท้ายด้วยเต้นสายย่อเลยครัช ผมคุยๆกับเธอมาเกือบจะห้าเดือนแล้วล่ะ สุดท้ายผมก็ขอเธอเป็นแฟนได้ในวันนี้ ผมยังคงนั่งยิ้มแย้มระหว่างนั่งทำการบ้านจนผ่านไปสิบกว่านาที งานของผมเลยไม่กระเตื้อง
ข่าวการคบกันของผมกับไอรีนกระจายไปยังทุกคนทั่วห้อง เป็นครั้งที่สองที่ผมมีแฟน(อีกแล้ว) เพื่อนบางกลุ่มก็ออกความคิดเห็นและบางคนก็แค่เปิดเข้ามารับรู้แบบเงียบๆอย่างเช่นลู่หาน
พอพูดถึงยัยแว่นตัวเล็กก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้คุยกันมาเกือบเดือนแล้ว น้อยครั้งมากที่จะได้พูดกันและบทสนทนาระหว่างผมกับเธอก็ดูจะสั้นลงไปเรื่อยๆจนตอนนี้แค่มองหน้า เธอยังไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ ก็สมควรอยู่
ผู้คัดค้านการคบกันของผมและไอรีนจะเป็นใครไม่ได้นอกจากไอ่จงอินกับเวนดี้ ผมโดนด่าไปหลายยกจากคนทั้งคู่แถมยังได้รับคำสาปแช่งจากเวนดี้อีกด้วยว่า ‘ขอให้ลู่หานเมินมึงไปตลอดชีวิต!’ ส่วนไอ่ดำกัมจงก็บอกด้วยว่า ‘มึงนี่โง่บรมโง่เลยสัส!’ ขอถามหน่อยกูผิดอัลรัย!!!
“ยกป้ายไปทางนั้น พวกผู้ชายไปไหนหมดว่ะ” จุนมยองผู้เป็นแกนนำในการทำกิจกรรมซุ้มเริ่มอารมณ์บูด ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยผันตัวไปช่วยงานอีกแรง เนื่องจากตอนนี้เวลาก็เย็นมากแล้วแต่นักเรียนทั้งหลายยังคงขะมักเขม้นกับงานชิ้นโต
“ไอ่ฮุนถือถังสีไปให้ลู่หานด้วย ไอ่พวกนั้นน่ะ! อย่าอู้ดิวะ” หัวหน้าห้องผู้แสนดี(?)ยื่นถังสีขนาดไม่ใหญ่มากส่งให้ผมถือนับสิบ ผมเอาถังสีทั้งหมดมาห้อยแขนข้างหนึ่งไว้ อีกข้างแบกป้าย
“ลู่! รับที” ผมตะโกนบอกลู่หานที่กำลังก้มๆเงยๆกับงานตรงหน้า คนใส่แว่นเห็นเขาก็รีบวิ่งมาช่วยถือถังสีวางไว้ ขืนช้าก็นี่เงินในกระเป๋านับร้อยคงจะหายวับไปตรงหน้าทันที
ลู่หานเดินมาช่วยเสร็จก็กลับไปนั่งปั่นงานต่อ ระหว่างเดินผ่านผมก็แอบชำเลืองมอง มันเป็นรูปที่ไม่ได้มีแบบแผน ด้นสดด้วยสมองล้วนๆ คนตัวเล็กดันแว่นขึ้นให้กระชับก่อนลงร่างมันด้วยดินสอต่อ
ผมอยู่ช่วยงานประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับ ไอรีนเองกลับไปนานแล้ว ประชากรทั้งห้องจึงเหลืออยู่แค่ยี่สิบกว่าคน เสียงเพลงจากลำโพงเล่นเพลงไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับผมที่เดินห่างออกจากมันมาเรื่อยๆ
ปรี้นๆ
“สัสฮุน! กูไปส่งมั้ย?” มอเตอร์ไซค์ของไอ่จงอินเคลื่อนมาขนาบข้างผม ด้านหลังมีลู่หานและเวนดี้ซ้อนอยู่ ไอ่นี่ก็ถามไม่ดูเลย ก็เห็นๆอยู่ว่ามันเต็มแล้ว ความจริงสามคนก็อัดจนจะไม่มีที่ให้นั่งแล้ว
“จะไปไงสัส ผู้โดยสารแน่นซะขนาดนี้”
“ก็กูไปส่งสาวๆก่อน มึงก็รอกูมารับดิ อย่าโง่ดิ”
“กูขึ้นรถเมล์กลับบ้านไม่เร็วกว่ารึไง”
“แล้วแต่มึง ลู่หานกับเวนดี้จับดีนะ” มันพูดกับผมเสร็จกับหันไปบอกสาวๆ ลู่หานที่นั่งตรงกลางรีบเอามือเกาะบ่าไอ่จงอินไว้แน่นและไม่ลืมดึงมือเพื่อนรักมาจับเอวตัวเอง
“กูไปและ”
“ขับรถดีๆนะมึง” ผมมองตามมอเตอร์ไซต์อัดสามผ่านไป ถ้าไม่ได้สังเกตก็คงคิดว่าไม่มีอะไร แต่กับผมมันไม่ใช่ ลู่หานหลบหน้าผม ไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ
วันถัดมาผมเลือกที่จะขออนุญาตจากแม่ว่าจะเอามอเตอร์ไซต์มาโรงเรียน ผมยังขับมันได้ไม่ดีนักแต่ก็ไม่เอาไปล้มให้ตัวเองเสียโฉมอย่างแน่นอน ตอนนี้ผมอยู่มอห้าเทอมสองแล้วนะเผื่อคุณจะไม่รู้ วันนี้เป็นกิจกรรมแสดงความยินดีแก่รุ่นพี่ในพิธีจบหลักสูตร เงินติดตัวผมตอนนี้ก็พอที่จะซื้อดอกไม้สักช่อให้พี่สายรหัสได้ ท้องฟ้าวันนี้เป็นใจมากสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ซุ้มต่างๆที่ทำมาเป็นอาทิตย์จบลงด้วยดี เงินห้องที่เก็บไถ่จากประชากรในห้องทั้งหมดเอาไปลงกับกิจกรรมนี้อย่างเดียว(จุดประสงค์หลัก)
ผมเดินดูรอบๆสถานที่ ไอรีนเองก็เดินอยู่ข้างผม เราไม่ได้คุยอะไรกันมากนอกจากถามสารทุกข์สุขดิบและการบ้านที่คั่งค้าง ผมชอบอ้อนเธอบ่อยๆ เอาหัวซบบ้าง เอามือไปเขี่ยๆบ้างตามใจผม เธอเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมก็เลยเหลิงจนมันดูไม่ค่อยดี ข้อนี้ผมยอมรับและเริ่มรักษาระยะห่างที่เหมาะสม
“นี่ เราไปกับเพื่อนก่อนนะ เดี๋ยวตอนรวมสายเจอกัน”
“อื้ม เจอกัน” เธอส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปสมทบกับหมู่เพื่อน ผมเองก็เลยต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียว
“ป้าคะ ช่อนี้กี่บาท?” เสียงแจ้วๆของคนใส่แว่นดังเข้าหูผมพอดี ผมเห็นเธอกำลังเลือกซื้อช่อดอกคัตเตอร์ช่อโต ลู่หานซื้อมาสามช่อเห็นจะได้ ก่อนที่เธอจะเดินจากไปผมรีบสาวเท้าไปยืนข้างๆและทำทีเลือกดูช่อดอกไม้
“อ้าวลุง! มาซื้อช่อให้พี่หรอ?”
“อือ ช่วยเลือกหน่อยดิ”
“แล้วทำไมไม่ให้ไอรีนช่วยเล่า แฟนกันประสาอะไร”
“จะใครเลือกก็เหมือนกันนั้นแหละ ยังไงก็เอาให้พี่ยุนอาอยู่ดี”
“ให้ป้าช่วยสิ ฉันไปละ” คนใส่แว่นเดินหายไปปล่อยให้ผมยืนโง่อยู่หน้าร้าน ผมเลือกส่งๆไปเพราะไม่รู้จะเลือกอันไหนดี รู้งี้น่าจะบอกให้แม่ทำให้ ทำไมโง่แบบนี้นะโอเซฮุน
ผมเดินถือช่อดอกไม้มาที่ลานโล่งใต้ถุนอาคาร เพื่อนและน้องเกือบร้อยชีวิตรวมตัวกันที่นี่ ต่างคนต่างตั้งใจทำของสำหรับแสดงความยินดีให้แก่พี่ๆ เล่นใหญ่กันทุกคนไม่เว้นไอ่จงอิน มันและจงแดนั่งรวมกลุ่มอยู่กับแก๊งของลู่หาน ผมเดินเข้าไปร่วมวงด้วย เห็นมันเขียนการ์ดอะไรก็ไม่รู้แล้วให้ลู่หานวาดรูปให้ ส่วนไอ่จงแดก็ไม่น้อยหน้า พี่มันชอบชาร์ลี พุทก็ลงทุนไปซื้อโปสเตอร์ที่ราคาไม่กี่ร้อยไปใส่กรอบที่ราคาเกือบพันให้อย่างไม่เสียดาย เรื่องแค่นี้คงไม่สะเทือนเงินในกระเป๋ามันมากนัก
“เวนดี้ ช่วยทับกระดาษมุมนั้นให้หน่อย” เสียงของลู่หานดังขึ้น
“ฉันเขียนการ์ดอยู่อ่ะแก”
“แบคจ๋า~”
“ไม่ว่าง”
“จงอิน~”
“หา? ฉันยังทำไม่เสร็จเลยอ่ะ ขอโทษนะลู่”
“จง-“
“เราช่วยเอง ให้ทำอะไรนะ” ผมอาสา เห็นแล้วอารมณ์ไม่ดี ทำไมไม่ช่วยลู่หานกันสักคนนะ ไอ่ดำนี่อีก ขอให้เค้าวาดรูปให้หยกๆ ผมย้ายร่างไปนั่งใกล้ๆอีกฝ่ายและเอาฝ่ามือกดมุมกระดาษให้ ลู่หานไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากลงมือวัดขนาดและตัด
“ถือไว้นะ ถ้าปล่อยเจอตบจริงด้วย” ลู่หานส่งช่อดอกไม้เล็กๆที่มีกระดาษสีน้ำตาลห่อไว้ ผมรับมาถือไว้ก่อนที่เชือกป่านจะมัดมันให้ไม่หลุด
“ทำกี่อันเนี่ย”
“สิบอัน”
“ให้?”
“พี่เจสสิก้า พี่ยุนอา พี่ชานยอล พี่...” ลู่หานร่ายมาให้ผมฟังทั้งหมด แล้วดูผม ให้แค่พี่รหัสคนเดียว ก็ผมไม่ค่อยรู้จักพวกรุ่นพี่นี่หว่า
สุ่มหัวกันได้สักพัก พวกแกนนำในการบูมก็เรียกให้ไปรวมเพื่อซ้อมบูมอีกครั้งให้ออกมาดีและน่าประทับใจ พวกเราซ้อมไปได้สองรอบก็หยุดเพราะพี่ๆออกมาจากห้องประชุมแล้ว พวกเราเลยต้องเตรียมรอเวลาให้พี่เดินเข้ามาเท่านั้น
พวกพี่ๆในชุดนักเรียนเรียบร้อยทยอยเดินเข้ามาในวงล้อมของพวกรุ่นน้อง เมื่อมากันครบองค์ประชุม การบูมอำลาก็เริ่มขึ้น เสียงที่ดังในระดับหนึ่งทำให้สายการเรียนของเราเป็นจุดสนใจ เสียงปรบมือกราวจากรุ่นพี่ที่แสดงความพอใจออกมาทำให้จุนมยอนโล่งใจในงานครั้งนี้ ผมเองก็รู้สึกดีใจนะที่ได้มีโอกาสมาเรียนในสายการเรียนนี่
“พี่ยุนอาคร้าบบ” ผมหอบช่อดอกไม้ไปมอบให้พี่รหัส พี่แกยิ้มและพูดขอบคุณแบบไม่จริงจังนัก มีน้องรหัสมอสี่อีกคนที่เอาตุ๊กตาหมีตัวใหญ่มาให้ พี่ยุนอาจึงขอให้คนถ่ายรูปสายของพวกเราไว้
“ว่าไงเด็กๆ” เสียงๆหนึ่งแทรกขึ้นระหว่างบทสนาของพวกผม
“พี่อี้ชิง เฮีย~” ผมและพี่ยุนอาแทบอยากจะวิ่งเข้ากอด พี่รหัสของผมทั้งสองยิ้มให้และมอบดอกไม้ให้แก่พี่ยุนอาเป็นการแสดงความยินดี พี่คริสซุบซิบบางอย่างกับพี่อี้ชิงก่อนจะเดินหายไป
“เป็นไงกันบ้าง พี่คิดถึงเด็กๆมากเลย ยุนอาได้ทำตามประเพณีของสายเรารึเปล่า?”
“ต้องทำสิคะ นี่ไง แทยงใส่ไว้อยู่เลย”
“ดีมาก เซฮุนเองก็ห้ามลืมทำนะรู้มั้ย”
“ค้าบบบ”
“พี่ว่าจะพาเด็กๆไปเลี้ยงตอนวันอาทิตย์ที่ร้านหมูกระทะ ว่างกันมั้ยพวกเรา”
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ/เย้!!/จะกินให้พุงแตกเลย”
“ไปรวมกับสายพี่คริสนะ โอเค๊!”
“ดีค่ะ ไปเยอะๆจะได้สนุก” พี่ยุนอาเสริม ส่วนไอ่น้องแทยงยิ้มกริ่มเพราะมันจะได้แกล้งน้องเตนล์สายเฮีย อย่าถามว่ารู้ได้ไง พี่ฮุนคนนี้ไปเผือกมาเรียบร้อยแล้ว
“เฮียทางนี้” พี่อี้โบกมือเรียกแฟนตัวสูงที่เดินมากับเหล่าน้องๆ สายนี้แม่งหน้าตาหวานทุกคน(ยกเว้นเฮีย) ผมรับประกันด้วยหัวเลย คิดดูนะ มีทั้งพี่เจสสิก้า ลู่หาน แล้วก็น้องเตนล์ที่เป็นผู้ชายหน้ามิ้ง ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ไอ่แสบแทยงจะชอบแกล้ง แต่ผมขอบอกไว้นะที่นี้เลยนะว่ามันต้องมีซัมติงกันแน่ๆ
หมอฮุนฟันธง!
ซ่า~ ซ่า~ ซ่า~
เสียงหมูสัมผัสกับกระทะที่กำลังร้อนได้ที่เป็นอะไรที่ฟินมากสำหรับคนกินหมูกระทะ ผมลุกไปเอาหมูสามชั้นสไลด์มาเพิ่มให้ทุกคนบนโต๊ะ แต่ละคนนั่งโม้เรื่องจิตปะถะของตัวเอง ส่วนผมกับลู่หานได้แต่นั่งฟังสิ่งที่พี่ๆพูดสลับกับพลิกหมูไปมาก่อนจะคีบใส่ชามตัวเอง เพลงเพราะๆจากทางร้านค่อยขับกล่อมลูกค้าในเพลิดเพลินกับการกิน
“นี่ลุง กินไอ้นี่มั้ย?” ลู่หานสะกิดผมและชี้ไปยังเส้นอูดงที่นอนเล่นอยู่ในชามของเธอ
“อร่อยจะตาย ทำไมลู่ไม่กินอ่ะ”
“ไม่ชอบ ลุงเอามั้ย? ช่วยกินหน่อยดิ” มือเล็กเลื่อนถ้วยให้ ผมใช้ตะเกียบคีบมันมาจากถ้วยของเธอมาใส่ของผม สงสัยจะไม่ชอบกินแป้งแบบนี้มั้ง แต่ก็ดีหน่อยที่ลู่หานยังคุยกับผมอยู่
ตลอดเวลาสามชั่วโมงที่นั่งแช่กันที่ร้าน เสียงเฮฮายังคงดังอย่างต่อเนื่องแปรผกผันกับกำลังในการกินของสมาชิก ผมเองก็ไม่มีอะไรทำได้แต่นั่งเอาตะเกียบขูดกับถ้วยไปมา ตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ผมชักง่วงแล้วซิ
“โห้ย! สวยอ่ะน้องลู่ พี่อยากให้วาดรูปพี่ได้มั้ยอ่ะ” พี่ยุนอาพูดขึ้นก่อนจะเงยหน้าออกจากสมุดสีน้ำตาล สร้างความน่าสนใจให้อีกหกคนที่เหลือไม่ยาก ผมกับพี่ๆน้องๆสุมหัวดูสิ่งที่ปรากฏในสมุด รูปวาดสีน้ำเกือบยี่สิบใบที่แปะในสมุดเป็นฝีมือของคนใส่แว่นทั้งสิ้น ขนาดเฮียคริสที่เป็นพี่รหัสยังไม่รู้มาก่อนว่าน้องตัวเองฝีมือดีขนาดนี้
“พี่ลู่ไปเรียนที่ร้านคาเฟ่ตรงหัวมุมถนนรึเปล่าครับ ผมเห็นเค้าเปิดสอน” แทยงถาม มันรู้ได้ไง?
“อือ พี่ไปเรียนเพิ่มน่ะ จะเอาไว้ไปสอบ”
“ดีอ่ะ ผมก็อยากไปแนวนี้อ่ะพี่ลู่ ถ้าสอบติดแล้วมาติวผมด้วยน้าาา” น้องเตนล์อ้อนไปกอดแขนของลู่หาน
“ได้สิ สายเดียวกันนี่นา”
#คนอะไรใจดี
ตอบ.....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in