เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cinematic Nillionaireview0326
19.01.05 Mary Poppins Returns (2018)
  • **Spoiler Alert**



    โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าดิสนี่ย์ทำรีเมคเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่าผิดหวังถึงขนาดที่ใคร ๆ บอกกันนะ มันเป็นหนังเด็กที่ก็มีประเด็นสำหรับผู้ใหญ่ด้วยซึ่งเป็นธีมที่สมกับเป็นดิสนี่ย์

    หลังจากดูจบไปแล้วหลายวันก็กลับมาคิดถึงเรื่องนี้จากมุมมองของผู้ใหญ่ดูบ้างว่า สำหรับคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วมันจะไม่เป็นอะไรเหรอถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาที่ก่อขึ้นมาด้วยตัวเองได้ จากที่ Michael Banks ไม่สามารถหาเงินมาไถ่บ้านจากธนาคาร จนต้องใช้มรดกจากพ่อมากอบกู้วิกฤตนี้ หากใครได้ดูเรื่องนี้แล้วอาจจะคิดเหมือนกันว่า การใช้ชีวิตของไมเคิลนี่มันมีปัญหาชัด ๆ ทั้งการทำงาน จะเห็นว่าเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ธนาคารที่พ่อมีหุ้นอยู่ และมีงานหลักเป็นจิตกรซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน แถมยังเอาบ้านไปจำนองในช่วงที่ภรรยาเสียชีวิตเพราะหมุนเงินไม่ทันโดยไม่ได้บอกพี่สาว ให้ภรรยาจัดการทุกอย่างในบ้านแต่เมื่อเธอเสียไปก็ไม่สามารถจัดการให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางได้ แถมยังเอาเอกสารสำคัญอย่างใบแสดงการถือหุ้นไปวาดรูปซะอย่างนั้น ถือเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ใช่ไหมแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ได้รับความช่วยเหลือจากหลาย ๆ คน รวมทั้งจาก Mary Poppins ที่ก็มีเวทมนตร์ไปอีก ขืนใครทำตัวแบบนี้ในชีวิตจริงมีหวังล่มจมแน่ ๆ เพราะคงไม่มีเวทมนตร์จากที่ไหนมาช่วยไว้

    แต่หากสังเกตรายละเอียดดี ๆ แล้วเราจะเห็นถึงปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่ไมเคิลควบคุมไม่ได้อีกมากมาย เช่น เรื่องนี้ใช้ setting ช่วง The Great Slump หรือหลายคนอาจจะรู้จักในชื่อ The Great Depression เป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่บันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นช่วงปี 1930s ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบการวิกฤตทางการเงินครั้งนี้ สถานประกอบการแทบทุกแห่งเลิกจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อพยุงให้กิจการยังสามารถดำเนินต่อไปได้ มีคนตกงานเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ วันในทุก ๆ ที่ ที่กรุงลอนดอนในประเทศอังกฤษซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัว Banks เองก็หนีไม่พ้นวิกฤตนี้ ประกอบกับภรรยาของไมเคิลซึ่งเป็นคนจัดการเรื่องการเงินและเรื่องอื่น ๆ ในบ้านได้เสียชีวิตลง ทำให้ครอบครัวของเขาประสบปัญหาใหญ่หลวงจนต้องเอาบ้านไปจำนองที่ธนาคาร มิหนำซ้ำยังไปเจอเจ้าของธนาคารหน้าเลือดที่ชอบขูดเลือดขูดเนื้อในภาวะข้าวยากหมากแพง ยึดทรัพย์ลูกหนี้ราวกับว่าน้ำขึ้นให้รีบตักเสียอย่างนั้น ผู้เขียนไม่ได้กำลังจะชี้ว่าไมเคิลไม่ได้ทำอะไรผิดเลยในเรื่องนี้ แต่อยากจะให้มองว่าชีวิตของเขายังมีองค์ประกอบอีกมากมายที่ไม่สามารถควบคุมได้

    หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอทางออกให้แก่ผู้ชมเอาไว้แล้วในองก์สุดท้ายของเรื่อง ในเพลง "Nowhere to Go But Up" ที่กล่าวว่า ชีวิตของเราก็เหมือนกับลูกโป่ง มีขึ้นมีลง มีสะดุดกันบ้างตามแรงลม ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใส่อะไรลงไปในลูกโป่งนั้น ถ้าในลูกโป่งมีก๊าซที่เบากว่าอากาศ ลูกโป่งลูกนั้นก็จะไปในทิศทางไหนไม่ได้เลย นอกเสียจากจะลอยสูงขึ้นไป เช่นเดียวกันกับชีวิตเราที่อาจจะโดนกระทบจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ เหมือนลูกโป่งโดนลม ทำให้ชีวิตเราเขวไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยในฐานะมนุษย์ แต่เราจะทำให้ชีวิตดำเนินไปในทางไหนได้บ้างขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราป้อนใส่หัวตัวเอง หากเรารู้จักเติมความหวังให้กับชีวิตและเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองแล้ว เราก็อาจจะมีโอกาสพาชีวิตให้ไปในทางที่ดีได้

    ใคร ๆ ที่เคยเป็นแบบไมเคิล ก็ไม่มีคำว่าสายที่จะปรับความคิดเปลี่ยนมุมมอง ท่อนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดในเพลงก็คือ

    The past is the past
    It lives on as history
    And that's an important thing
    The future comes fast
    Each second a mystery
    For nobody knows what
    Tomorrow may bring

    แปลได้ความว่า "อดีตก็คืออดีต สื่งที่สำคัญก็คือมันผ่านไปแล้ว อนาคตกำลังมาในไม่ช้า ทุก ๆ วินาทีต่อจากนี้เป็นเรื่องไม่อาจคาดเดา ไม่มีใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่จะมากับวันพรุ่งนี้" ข้อความนี้หากเรานำมาใช้กับตัวเองก็เปรียบเสมือนต่อเติมความหวังในชีวิต รู้สึกว่าอนาคตที่รออยู่มีสิ่งให้คาดหวัง แม้ว่าตัวเราในอดีตจะเคยเป็นอย่างไร แต่ในอนาคตเราสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้

    ในหนังเรื่องนี้ชีวิตของไมเคิลหากลองคิดดี ๆ แล้วถึงแม้เขาอาจจะเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดี แถมยังมีอิทธิพลจากภายนอกมากระทบ เป๋ไปเป๋มาเหมือนลูกโป่งที่โดนลม แต่ชีวิตของเราทุกคนเองก็ไม่ได้ต่างกัน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เกิด ทุกคนเคยมีเรื่องผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น ถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะไม่ทำผิดอีก ชีวิตนั้นมีขึ้นมีลง มีตกหลุมหรืออาจจะตกบ่อ หรือโดนเรื่องที่ควบคุมไม่ได้มามีผลต่อชีวิต เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับ เรื่องพวกนี้มันเป็นไปตามครรลองของชีวิต อยู่ที่เราจะเลือกใส่อะไรเข้าไปในความคิดเราบ้าง เราจะเลือกสิ่งไหนให้กับตัวเรา เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าผลของการเลือกนั้น หรือในวินาทีต่อจากนั้นจะเปลี่ยนชีวิตเราไปอย่างไร
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in