เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คิดเล่นเห็นต่างกูอันเฟรนด์Kyokung Worawut K
วัยทองรำลึก (Golden Triangle)
  • ภาพยนตร์ปี 2007 เรื่อง “อลิซาเบธ: ราชินีบัลลังก์ทอง” (Elizabeth: The Golden Age) เป็นภาคต่อของ “อลิซาเบธ: ราชินีบัลลังก์เลือด” (Elizabeth) โดยบอกเล่าเรื่องราวของอังกฤษสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 เกือบกึ่งศตวรรษ กล่าวคือ ตั้งแต่ ค.ศ. 1558 – 1603 ซึ่งเป็นยุคที่ถูกขนานนามว่า ยุคทองแห่งประวัติศาสตร์อังกฤษ เนื่องจากเป็นยุคที่อังกฤษแผ่อำนาจ ล่าอาณานิคมไปทั่วโลก ตรงกับยุค Renaissance ที่แปลว่า เกิดใหม่ หรือคืนชีพ อันเป็นช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูศิลปวิทยาและการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในทวีปยุโรป อาทิ งานศิลป์ของ Leonardo da Vinci และละครของ William Shakespeare เป็นต้น คำว่า Golden Age ในที่นี้จึงหมายถึง วัยแห่งความสำเร็จในชีวิตการงานของพระนาง



    แต่ในทางการแพทย์ คำนี้หมายถึง ช่วงชีวิตที่สุขภาพกายและจิตถูกบั่นทอนลงเรื่อยๆ สวนทางกับตัวเลขที่บ่งชี้ถึงการมีตัวตนบนโลกที่รังแต่จะเพิ่มขึ้นของเรา 


    สัญญาณการเข้าสู่วัยทองของผู้หญิงคือ การหมดประจำเดือน ส่วนผู้ชายก็คือวัยที่ใกล้ๆกันนี่แหละ ลองสังเกตผู้ใหญ่ในบ้านคุณดูสิ ว่ามีอาการเหงื่อออกง่าย ร้อนวูบวาบ ปวดเมื่อยตามตัว นอนไม่หลับ ผิวหนังหย่อนคล้อย หลงๆลืมๆ  ซึมเศร้า สมองฝ่อ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ขี้เบื่อ ขี้หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน หากมีแม้เพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณแล้วว่าวัยทอง แต่ถ้าจะให้ชัวร์ หาหมอคือทางออกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะตอกย้ำว่าท่านเป็นวัยทองแล้ว ยังตรวจพบโรคภัยสามัญประจำเฒ่าอีกด้วย ถ้าพบไวก็หายไว อย่างเช่นในการกำจัดมะเร็งเต้านมได้ของสาวใหญ่เสียงโซปราโน Kylie Minogue เป็นต้น (ขวาล่างคือภาพตอนทำคีโม)



    ไม่ได้มีแค่ผู้ใหญ่ในบ้านคุณ ยังมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราอีกหลายคนที่ควรไปพัก พักยาวๆได้ยิ่งดี เพราะไม้แก่นั้นดัดยากเหลือเกิน เริ่มกันที่ ไชยันต์ ไชยพร ผู้ทำลายบารมีที่สั่งสมมาตั้งแต่ยังละอ่อนด้วยน้ำมือตัวเองจนหน้าแหกกลางโซเชี่ยลใน www.facebook.com/sameskybook/posts/3442829579099410


    ต่อกันด้วยแวดวงการเมือง บิ๊กป้อม (นาฬิกาหรูยืมเพื่อนมา) จู่ๆก็พักสายตาระหว่างประชุมสภาเสียเฉยๆ ส่วนบิ๊กตู่นั้น ก็ไม่แพ้ใคร ดูจากโครงการต่างๆของรัฐบาลที่ทำให้คนไทยไม่ต่างอะไรจากเปรตขอส่วนบุญ อาทิ เราชนะ, หมอชนะ, ไทยชนะ แล้วรู้ไหมว่าใครที่แพ้? คนไทยไง ก็เล่นเอาคำสั่งมาตรการป้องกันโควิดมาใช้เป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของตัวเอง เป็นข้ออ้างไม่ให้เกิดการชุมนุม ไม่แม้แต่จะรับฟังขอเรียกร้องของพลม็อบขับไล่ i here too เท่านั้นยังไม่พอ ยังหน้าด้านออกมาประกาศปาวๆว่ายังไงก็จะไม่ออกจากตำแหน่ง แถมสั่งตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนที่ไม่มีอาวุธเลยด้วยซ้ำ จนตำรวจถูกด่าเหมารวมไปทั้งประเทศ ทั้งที่ตำรวจภาคสนามเหล่านั้นแค่ต้องทำตามคำสั่งประสาข้าราชการเบี้ยน้อยหอยน้อยยศต้อยต่ำ คนร้ายตัวจริงคือพวกบิ๊กชั้นสัญญาบัตรที่ออกคำสั่งอยู่ในห้องแอร์สบายใจเฉิบนู่น (สำหรับการเรียกทหารว่า "บิ๊ก" จงกดเพลย์)





    นอกจากนี้ นายกคนที่ 29 ของไทยผู้มาจากการลากตั้งคนนี้ ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของคนวัยทองที่อะไรจี้ใจนิดหน่อยก็ขึ้นมึงกู จะทุ่มด้วยโพเดี้ยมบ้างล่ะ ใล่คนอื่นไปขายยางพาราบนดาวอังคารบ้างล่ะ ทั้งๆที่นักข่าวก็แค่ทำตามหน้าที่ แต่นี่ถามอย่างตอบอีกอย่าง เช่น นุ่งสั้นเล่นสงกรานต์ได้ไหม แต่คำตอบกลับเป็นเอาที่เหมาะกับเทศกาล สดใส เบาสบาย แต่รัดกุม คืออะไร? ถามว่านุ่งสั้นได้ไหมก็ตอบสิว่าได้ไม่ได้ แค่นั้นจบ ไม่ใช่อารัมภบทอ้อมโลก แต่พูดก็พูดเถอะสื่อบางรายก็ถามอะไรโง่ๆ เช่น จะเล่นน้ำสงกรานต์ยังไงให้ปลอดภัย คือโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว ทำไมต้องรอให้เผด็จการมาสั่ง กะอีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองแค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอ สมแล้วที่ถูกฉีดแอลกอฮอล์ใส่หน้า (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2616020)



    วันดีคืนดีนึกจะงอนขึ้นมาก็ตัดพ้อว่าต้องให้เล่นละครไหมถึงจะดูจะฟังกัน โอโห พูดออกมาได้ เฮงซวย! แค่เห็นหน้าทุกครั้งในรายการเดินหน้าประเทศไทย (กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจที่ไม่ตั้งชื่อรายการว่า หดหัวเข้ากะลา หรือปุ๊บปั๊บรับ 112) คนก็เอียนจะแย่อยู่แล้ว ยุบรายการคือการคืนความสุขอย่างเดียวที่รัฐบาลนี้ทำสำเร็จ


    ไม่นานมานี้มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง (ไม่ได้จะเซ็นเซอร์ แต่จำชื่อไม่ได้จริงๆ ใครจำได้ช่วยบอกที) บ่นว่าทำไมเปิดเน็ตมีแต่โฆษณาขายหนังโป๊บ่อยๆ ชาวเน็ตเลยรุมด่าว่าก็เพราะมึงคลิกเข้าไปบ่อยๆมันถึงคิดว่ามึงสนใจไง


    วัยทองสุดท้ายที่จะหวนรำลึกคืออดีตนายก อานันท์ ปันยารชุน ที่กล่าวไว้เมื่อปี 2014 ว่า “ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเมืองไทยไปหลงรักฝรั่งเหลือเกิน นึกว่าฝรั่งเป็นพ่อเป็นแม่เราหรืออย่างไร” แต่พูดไม่ทันขาดคำก็หยิบยกข้อเขียนฝรั่งชื่อ “The Democratic Coup D’etat” ของ Ozan O. Varol ในวารสาร Harvard International Law Journal เมื่อปี 2012 ซะงั้น คงเพราะเนื้อหาบทความนั้นบอกว่าหากรัฐประหารแล้วประชาธิปไตยงอกงามก็ถือว่าดี ซึ่งต่อมาก็เป็นอย่างที่เห็น เราได้เลือกตั้ง แม้จะเต็มไปด้วยบัตรเขย่ง บัตรเกิน และบัตรเสียก็ตาม



    หมายเหตุ ตั้งชื่อภาษาอังกฤษว่า Golden Triangle เพราะพม่าก็เพิ่งรัฐประหารไปเหมือนกัน (กุมภา 2021) เหลือแต่ลาวแล้วแหละว่าจะตามเทรนด์ถอยหลังลงคลองสามเหลี่ยมทองคำรึเปล่า?


    ที่มาภาพ dailymail, facebook, youtube, matichon

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in