จุดหมายปลายทางที่เพื่อนอยากพามาจริงๆคือ Night Market ชื่อว่า Keelung Miao Kou Night Market 基隆廟口夜市 อ่านว่า เมี่ยว-โข่ว-เย่-ซื่อ อ่านออกเสียงตามนี้เลยเนอะ (เย่ซื่อ แปลว่า night market) เดินจาก Port of Keelung ไปไม่ถึง 10 นาทีค่ะ
จุดเด่นของตลาดนี้คือโคมสีเหลืองไฟสามแถวเรียงรายตามสองข้างทางค่ะ ที่เค้าตั้งชื่อว่า เมี่ยวโข่วเย่ซื่อ ก็เพราะว่า ตลาดอยู่ติดกับทางเข้าวัดเมี่ยวโข่วเลยค่ะ ถ้าเป็นตอนกลางคืนโคมเปิดต้องสวยกว่านี้แน่ๆ
ถึงเค้าจะเรียกตลาดนี้ว่าไนท์มาร์เก็ต แต่ตลาดนี้ก็เปิดทั้งวันจนถึงดึกค่ะ ตามกูเกิ้ลนี่บอกเปิด 24 ชม. ซึ่งแน็ตว่าเป็นไปได้ ช่วงที่แน็ตไปเป็นช่วงใกล้ๆเที่ยงของวันอาทิตย์ค่ะ ก็มีตั้งแต่รุ่นเด็กยันรุ่นอากงอาม่ามานั่งทานอาหารเที่ยงกัน
ตลาดนี้จะมีความ authentic มากกว่า ซื่อหลิน (Shilin Night Market) หรือ กงก่วน (Gongguan Night Market) ในไทเปเยอะมากค่ะ อาหารส่วนใหญ่ของสองตลาดดังในไทเปจะเป็น local finger food ของไต้หวันไม่ก็ของต่างชาติไปเลย นอกจากนั้นร้านค้าส่วนใหญ่ในสองตลาดข้างบนที่จะเป็นร้านรองเท้า ABC , Nike, Adidas, etc. แบรนด์ดังๆ ซึ่งต่างจากที่เมี่ยวโข่วเย่ซื่อที่จะออกแนวเป็นร้านขายของบ้านๆมากกว่า
อาหารที่ เมี่ยวโข่วเย่ซื่อ จะเป็นอาหารบ้านๆของไต้หวันค่ะ ที่เห็นมีหลายร้านมากๆคือ Glutinous Oil Rice นี่แหละค่ะ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเคยลองนานมากแล้วตอนมากับที่บ้านตอนเด็กๆ มันคล้ายๆกับบ๊ะจ่างหรือข้าวห่อใบบัวแต่เค้าเสิร์ฟมาในถ้วยข้าวสวยปกติค่ะ นอกจากนั้นก็มี เต้าฮวย เต้าหู้ ปาท่องโก๋ ไข่นกกระทา(ที่ทำเหมืิอนทาโกยากิ) ซูชิ ข้าวหน้าปลาดิบ ปูนึ่ง หอยย่าง ปลาหมึกย่างตัวใหญ่มากๆ หนวดปลาหมึกย่าง ไอติมกาแฟ (คนทานเยอะมากกกก) ไส้กรอกไต้หวัน ซุปข้นปู ซุปข้นหมู ผลไม้สดชุบน้ำเชื่อมเสียบไม้ ETC. เยอะแบบตื่นตาตื่นใจมากจริงๆ
ไปทำรีเสิชมาเพิ่มเค้าบอกว่าซุปข้นปูต้องร้านนี้ Wu Ji Crab Thick Soup (吳記螃蟹羹)
เพื่อนไม่รอช้าค่ะ พาเดินเข้าไปที่วัด เราก็นึกว่าจุดประสงค์หลักจะพาไปไหว้พระ ป่าวววววว ของกินอยู่หน้าวัดเลย แต่ก่อนทานเพื่อนเราก็พาเข้าไปไหว้พระ ส่วนอีกคนก็เข้าไปสั่งอาหารให้พวกเราค่ะ บริการดีมีระดับประทับใจมากกกกก
จากในรูปร้านที่เราจะเข้าทานอยู่ด้านซ้ายมือติดกับหน้าวัดเลยค่ะ ต้องบอกไว้ก่อนเพราะตรงนั้นมีอยู่ 5 - 6 ร้านที่ขายอาหารชนิดเดียวกัน
และนี่ก็คือสิ่งที่เพื่อน proudly present มากๆ มันเรียกว่า ติ่งเปียนชั่ว เหมือนก๋วยจั๊บบ้านเราแต่เส้นเค้าหนากว่าเยอะเลยค่ะ
ซึ่งอร่อยมากกกกกก เสียดายแน็ตทานไม่หมด ยังอืดของเก่าอยู่ ชามนี้ 60 NTD ค่ะ ตกเป็นเงินไทยก็ไม่เยอะไปกว่านี้เท่าไหร่
รสชาดเหมือนทานก๋วยเตี๋ยวเด็กค่ะ แต่เค้ามีพริกป่นให้เติมน้า ในรูปคือลูกชิ้นกุ้ง แล้วก็ปลาทอด ไม่อมน้ำมันอร่อยดีค่ะ น้ำซุปต้มกะหล่ำปลี คิดถึงหม่าม๊าเลย เพราะม๊าชอบต้มแกงจืดใส่กะหล่ำปลี แน็ตก็ถูกสอนมาแบบนั้น น้ำซุปจะหวานมากค่ะ นี่ซดซุปหมด เหลือเส้นไว้
ป้ายภายในร้านค่ะ เหมือนจะได้รับรางวัลระดับชาติปี 2003 ใครอ่านออกแปลกด่วน !!
พอเราทาน ติ่งเปียนชั่ว กันเสร็จแล้ว เพื่อนก็พาเดินออกไปตรงเส้นหลักอีกครั้งค่ะ แล้วยังหันมาถามว่า แน็ต ยูยังกินไหวมั้ย นี่ถามกลับว่า ยังต้องกินอะไรอีกหรอ !? ไม่มีทางเลือก แบ่งกับน้องคนไทยคนละครึ่งละกัน มันคือแซนด์วิชทอดกรอบค่ะ อันนี้เค้าก็บอกว่าดังเหมือนกัน มันก็คือแป้งชนิดเดียวกะที่ร้านขนมปังญุี่ปุ่นชอบเอาไปทำขนมปังไส้แกงกระหรี่อ่ะค่ะ แถวยาวมากกกกกกกกกกก จนบอกเพื่อนว่าไม่ลองก็ได้ เพราะเห็นเค้าทอดแล้วก็แอบกลัว แต่เพื่อนก็อยากให้ลอง ก็เลยได้มา 1 ชิ้นถ้วนแบ่งกับน้องอีกคน
ตัวเนื้อแป้งหวานกว่าของบ้านเรา และอีกอย่างคือกรอบกว่าด้วยยย ไส้ข้างในมีไส้กรอกหมู แตงกว่า มะเขือเทศ ไข่ตุ๋นยาจีน (กลิ่นไม่แรง เหมือนพะโล้แบบไม่เค็มมากกว่า) แล้วก็ทามายองเนสค่ะ ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาจริงๆ มันอร่อยดีค่ะ แต่ไม่กล้าทานของทอดเยอะ เด๋วที่ออกกำลังมาจะหายไปหมด ><" มันเหมือน subway ในเวอร์ชั่น unhealthy อ่ะค่ะ :D
ถือเป็นอันเสร็จภารกิจที่จีร่งค่ะ ต่อไปเพื่อนก็จะพาไปทานชานมไข่มุกร้านโปรดของนาง ซึ่งน้องคนไทยก็กำลังอยากพอดีเลยค่ะ
ปกติแน็ตจะทานเฉพาะที่กงก่วน เพราะมันไม่หวานมากค่ะ ไข่มุกเหนียวกำลังดีด้วย ซึ่งหลังๆนี่ก็งดไปนานแล้วเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เพราะเพื่อนอยากให้ลอง ก็เลยจัดค่ะ แต่ไม่ได้จัดไข่มุกนะ เพื่อนไต้หวันสั่งชานมไข่มุกน้ำตาลทรายแดง น้องคนไทยสั่งชานมพุดดิ้งน้ำตาลทรายแดง แน็ตสั่งชานมเฉาก๊วยน้ำตาลทรายแดง ร้านนี้จะใช้น้ำตาลทรายแดง เพราะฉะนั้นมันลดความหวานไม่ได้ค่ะ
และเราก็เอาของเพื่อนมาชิมค่ะ ความพิเศษของไข่มุกที่นี่คือ เค้าเอาไข่มุกไปต้มน้ำตาลทรายแดงเลยค่ะ ทำให้มีความหอมซึมลึกเข้าไปในตัวไข่มุกเลย แต่หวานมากกก แน็ตกินไม่ได้ ยอมแพ้ ถ้าใครชอบหวาน แนะนำค่ะ ส่วนน้องคนไทยบอกว่าพุดดิ้งอร่อย จริงๆนางมีซื้อชานมไข่มุกอยู่แล้วแก้วนึงแล้วจากเมี่ยวโข่วเย่ซื่อ พอเจออันนี้นางโยนของเก่าทิ้งเลยค่ะ ส่วนเฉาก๊วยของแน็ตแอบหวานไปนิดแต่ก็ยังพอได้อยู่ค่ะ เฉาก๊วยนิ่มมากกกกกกกก ละลายในปาก ส่วนชาก็เหมือนกันหมดค่ะ มันออกนมๆเข้มข้นๆซะมากกว่า ซึ่งแน็ตชอบรสชาดแบบนี้อยู่แล้ว แล้วทริปนี้ก็โดนไปแค่แก้วเดียว
ร้านชื่อ 珍煮丹 มีหลายสาขาอยู่นะ ลองหาในกูเกิ้ลได้เลยค่ะ
หมดแล้วค่ะ สำหรับไทเปรอบนี้ เที่ยวจุใจมาก เจอกันใหม่ทริปหน้านะค่ะ
ใครยังไม่ได้อ่านโพสจิ่วเฟิ่นกับ Commune A7 กด previous ได้เลยนะค้าาา
ปล. ตารางเดือนหน้ามี Athens-Newark-Athens สองรอบแหนะ ภัคค์ทิจะได้ไป Acropolis of Athens แล้วค่าาาาาาาา ตื่นเต้นล่วงหน้ากันยาวๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in