"แม่ครับ เห็นรูปผู้หญิงใส่จี้รูปหัวใจที่ชงค์เคยวาดไหมครับ"
"ทุกรูปที่ลูกวาดก็อยู่ในห้องเก็บภาพนี่จ๊ะ หาไม่เจอเหรอ"
"หาดูทุกห้องแล้วฮะ แต่ไม่เจอเลย"
คำตอบของลูกชายทำให้คนเป็นแม่วางจานที่กำลังล้างก่อนจะหันมาหาคนถาม เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
"หรือจะเป็นตอนนั้น...ก่อนที่จะเสียความทรงจำมีวันที่แม่เห็นชงค์เอารูปออกไปรูปนึง แม่ถามลูกก็บอกว่าจะเอาไปเป็นของขวัญ แถมห่อซะอย่างดีแม่เลยไม่เห็นว่าเป็นรูปอะไร"
ชายหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินสิ่งที่คนเป็นแม่พูด
ถ้าหากเขาเอารูปนั้นไปให้ใครสักคนจริงอย่างที่แม่บอก คนๆ นั้นก็ควรจะเป็นผู้หญิงในรูปหรือเปล่านะ
จะเป็นไปได้ไหมที่ตอนนั้นเขารู้แล้วว่าเธอคือใคร
แต่พอมานึกดูอีกที ตั้งแต่ที่เขาฟื้นขึ้นมาวันนั้นก็ยังไม่เคยฝันถึงเธออีกเลย แต่ดันมาฝันถึงอาอรแทนก็ยิ่งทำให้สงสัย
อาอรกับผู้หญิงในรูปจะเกี่ยวข้องอะไรกันหรือเปล่า
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าช่วงเวลา 6 เดือนที่เขาจำอะไรไม่ได้มันต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่หล่นหายไปจากความทรงจำ
แถมเวลาเขาถามอะไรกับคนรอบข้างอย่างภามหรืออัยร์ ทั้งคู่ก็ดูไม่ค่อยอยากเล่ารายละเอียดมากนัก เหมือนจงใจข้ามบางสิ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าตรงนั้นแหละที่เป็นคำตอบของคำถามทั้งหมด
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร
หลังจากแพลนตารางทัวร์ของเดือนหน้าจนดึกดื่นและยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ ทิชงค์จึงตัดสินใจว่าจะนอนค้างที่ออฟฟิศ พอคิดได้ดังนั้นจึงหยิบมือถือมาโทรบอกกล่าวผู้เป็นแม่ ร่างสูงเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดูว่าคืนนี้พอจะเหลือเสบียงสำหรับมื้อเย็นของเขาหรือไม่ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะในนั้นมีเพียงน้ำผลไม้และนมกล่อง
งั้นคงต้องออกไปกินข้างนอก
ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มก็เดินกลับไปที่โต๊ะก่อนที่จะคว้าเอากุญแจรถ ขายาวก้าวไปยังหน้าบ้านเพื่อจะเปิดประตูรั้วแต่ทว่าสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่รถสีดำที่กำลังจะจอด และเมื่อเจ้าของรถลดกระจกลง ทิชงค์ก็เผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ก็อีกคนที่กำลังทำหน้าเหรอหราอยู่บนรถนั่นน่ะ เป็นคนเดียวกับที่มาวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของเขาบ่อยๆ ทั้งยามหลับยามตื่น
"คือ...อามาเอาของน่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่"
"เอ่อ...ครับ"
ชายหนุ่มผายมือเป็นเชิงว่าให้อีกฝ่ายเอารถเข้าจอดก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินกลับมาในบ้านเช่นกัน
"วันนี้ทิชงค์นอนนี่เหรอ"
อรรพีพยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความเงียบขณะที่กำลังเดินเข้าบ้าน ร่างบางยกขาข้างหนึ่งขึ้นเพื่อที่จะปลดตะขอรองเท้ารัดส้นสีครีม แต่กลับเสียการทรงตัวจนล้มพับลงไปกับพื้นอย่างแรง
"โอ๊ย!"
"อาอร!?"
ชายหนุ่มรีบก้าวเข้ามาประชิดตัวอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ สีหน้าเจ็บปวดของอาอรยิ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
"เจ็บมากไหมครับ ลุกได้ไหม"
"เหมือนข้อเท้าจะพลิกเลย"
"งั้นเดี๋ยวผมพาไปนั่งพักก่อน"
เมื่อพูดจบทิชงค์ก็สอดแขนเข้าจากด้านหลังเพื่อช่วยพยุงคนเจ็บให้ลุกขึ้นก่อนที่จะพาเดินไปที่โซฟากลางบ้าน
"ช้าๆ นะครับ ทิ้งน้ำหนักตัวมาได้เลยเดี๋ยวผมช่วย"
"ขอบใจนะ"
"ไม่เป็นไรเลยครับ ไหน ขอผมดูหน่อย"
ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับข้อเท้าของอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนโซฟา อรรพีตกใจจึงชักเท้ากลับแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับไวยิ่งกว่า มือใหญ่ยึดข้อเท้าเล็กไว้พลางเงยหน้าขึ้นมามอง สีหน้ากังวลของทิชงค์ทำให้หญิงสาวนิ่งไป
"อยู่นิ่งๆ ก่อนสิครับ เดี๋ยวจะยิ่งเจ็บนะ"
แรงนวดเบาๆ ที่ข้อเท้าสลับกับการเงยหน้าขึ้นมาถามเป็นครั้งคราวของชายหนุ่มทำให้คนด้านบนใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ เต้นแรงจนกลัวว่าคนที่เป็นต้นเหตุจะได้ยิน
ตากลมสวยแอบลอบมองคนตรงหน้าที่กำลังทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ตัวเองอยู่เป็นระยะก่อนจะเผลอยิ้มออกมา
ความรู้สึกบางอย่างที่คุ้นเคยทำให้อรรพีอยากหยุดเวลาไว้
เพียงแค่สักนาทีก็ยังดี
เธอยังอยากซึมซับความอบอุ่นจากทิชงค์อีกสักหน่อยก็เท่านั้น
............................................TBC.....................................
มาช้าแต่มานะคะ >_< งานเรายุ่งจนหัวฟูมากเลย แต่ก็คิดถึงอาอรกับทิชงค์และคนอ่านเลยรีบเคลียร์งานมาลงให้ก่อน ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับคอมเมนต์กำลังใจจากตอนที่แล้ว จะขอบคุณซ้ำๆ ให้เบื่อกันไปข้างเพราะมันมีความหมายกับเรามากจริงๆ ค่ะ รักนะคะ ??
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in