Day-12 : contrast
dohyon x dohyon
“พวกเราเป็นฝาแฝด.. ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“โทนี่.. ทำไมถึงผลักน้องคะ?” ชาร์ลอตนัม ผู้เป็นแม่กอดอกถามผมด้วยน้ำเสียงเข้ม
ผมเบือนหน้าหนีไม่ตอบและนั่นคงทำให้เธอโมโหมากเลยทีเดียว ผมคิดว่าตัวเองคงไม่พ้นจากการทำโทษแน่แหงล่ะทำให้โดฮยอนลูกรักของแม่ล้มไปต่อหน้าต่อตาแล้วออกอาการแข็งข้อใส่แบบนี้อย่างไรก็คงไม่พ้นการโดนกักบริเวณ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เธอคิดว่ามันจะเป็นการลงโทษ
หลายๆ ครั้งผมก็โมโห และคิดว่าทำไมโดฮยอนต้องกลับมาด้วย..อยู่กับพ่อไปก็ดีอยู่แล้ว หรือไม่ก็ให้ผมไปอยู่กับพ่อแทนเสียก็หมดเรื่อง
“โทนี่ แม่ถามพี่อยู่นะคะ”
“แล้วไม่ถามลูกรักแม่ล่ะว่าทำไมถึงโดนผลัก”
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ต่างกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟแต่ผมก็ไม่สนหรอกว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร หากจะพูดว่าโทนี่เป็นคนผิดเขาก็ยอมรับแต่เขาจะไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดคนเดียว
นัมโดฮยอนก็ต้องรับผิดไปด้วยกัน
อาจจะเพราะเห็นสายตาของผมโดฮยอนที่ก้มหน้าเงียบอยู่นานเหมือนเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองถึงได้แง้มหัวออกมาเปิดปากพูดเสียงเบาแผ่ว
“ผม.. ผิดเองครับแม่ผมพูดจาไม่ดีก่อนเอง”
แม้โดฮยอนจะพูดอย่างนั้นแต่แม่ก็ดูจะไม่เชื่อนัก เธอมองผมอย่างคาดโทษ
“แต่พี่ก็ไม่ควรผลักน้องอยู่ดีค่ะ”
สุดท้ายเขาก็ต้องรับผิดชอบเพียงลำพังอยู่ดี
“โทนี่..”
ประตูห้องนอนถูกแง้มออกพร้อมด้วยเสียงเรียกเบาหวิวจากผู้ที่มีใบหน้าถอดแบบเดียวกันผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายกำลังเดินเข้ามาในห้อง ประตูถูกปิดและลงกลอนไว้ไม่นานอีกฝั่งของเตียงก็ยุบลง
“...”
“โทนี่.. โกรธหรอ” เจ้าของเสียงนุ่มกล่าวขึ้นโดฮยอนสอดตัวเข้ามาในผ้าห่มก่อนเจ้าของมือเรียวสวยจะสวมกอดผมไว้ผมยังคงนอนหันหลังให้อีกฝ่าย ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรออกมาทั้งนั้น
“...”
“ขอโทษนะโทนี่..” อีกฝ่ายว่าเบาๆ
ผมพลิกตัวเล็กน้อยและนอนมองเพดานในห้องนอนมืดที่มีเพียงแสงจากภายนอกสาดเข้ามาเล็กน้อยโดฮยอนขยับตัวเปลี่ยนท่าทางตามแต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของมือขาวผ่องก็ยังไม่ปล่อยให้ผมนอนมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยแขนนุ่มนิ่มยังคงกอดพาดเอวผมไว้
แม้จะไม่ได้หันไป..แต่ผมก็รู้ว่าเขากำลังมองหน้าผมอยู่
“มึงอยู่กับแม่ไปดีไหม..กูไปอยู่กับพ่อเอง” ผมว่า
โดฮยอนส่ายหน้า
“เอาอีกแล้ว.. อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอโทนี่”
ผมเงียบ
แม้จะคิดจนหัวแทบแตกแต่ก็คิดไม่ตกว่าผมจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไร
นอกเสียจากว่าเราทั้งคู่ต้องแยกกันอยู่
“แยกกันอยู่น่าจะดีกว่า..มึงจะได้ไม่เป็นบ้าแบบวันนี้อีก”
โดฮยอนเงียบไป
ไม่นาน สัมผัสเปียกอุ่นตรงต้นแขนของผมก็ไหลซึมเป็นวงกว้าง
โดฮยอนกำลังร้องไห้
แม้จะรู้อย่างนั้น..แต่ผมก็ไม่ได้กอดปลอบเขา.. อย่างที่เขาทำให้ผมในตอนนี้
“มันผิดมากหรอโทนี่”
อีกฝ่ายตั้งคำถามขึ้น..ผมฟังแล้วได้แต่เงียบ แม้จะรู้คำตอบดีว่าสิ่งที่โดฮยอนถามนั้นมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่ามันผิดแต่ใจผมกลับร่ำร้องตะโกนตอบในสิ่งที่ตรงข้ามกัน
นั่นสิ..
มันผิดมากเลยหรอ.. เรื่องของเราทั้งคู่
“อย่าถามอะไรที่มึงก็รู้ดีว่ามันผิด”
พูดออกไปแล้ว..
คำตอบที่ควรตอบออกไป
โดฮยอนเงียบไปสักพัก มีเพียงเสียงลมหายใจจากเราสองคนที่นั้นที่ดังก้องในห้องนี้
“ถ้ามันผิด..แล้วทำไมถึงไม่หยุดเราไว้ตั้งแต่ตอนนั้น” โดฮยอนถามขึ้น
ผมเงียบ.. ไม่ยอมตอบคำถามเขา แต่โดฮยอนจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแฝดน้องตัวขาวคลายอ้อมกอดแล้วพลิกตัวขึ้นมาคร่อมทับผมไว้มือเรียวสวยของเขาจับใบหน้าผมไว้ไม่ให้หันหนีไปไหน
“ตอบมาสิโทนี่”
ผมมองใบหน้าที่ไม่แตกต่างจากตัวเองสายตาของโดฮยอนที่มองผมในตอนนี้ค่อนข้างร้อนรน สับสน หวาดหวั่น อาวรณ์ และเจ็บปวด ผมเบี่ยงสายตา..ไม่อยากมองเห็นความเจ็บปวดจากสายตาคู่นั้น
สายตาที่เหมือนกันกับสายตาของผมมากเกินไปจนเหมือนเห็นภาพสะท้อนในใจของตัวเอง..
อาจฟังดูใจร้ายที่พูดออกมาอย่างนี้
“ที่เราเป็นตอนนี้..มันไม่มีใครเขาเป็นกันหรอกนะ”
ผมกล้ำกลืนความเจ็บปวดของตัวเองและพูดประโยคนี้ให้เขาฟังโดฮยอนได้แต่เงียบ.. แต่หยดน้ำตาอุ่นที่ตกกระทบแก้ม ผมมองเขาด้วยสีหน้าที่แสร้งเป็นเฉยชาราวกับคนที่ไร้ความรู้สึก
นอกจากจะใจร้ายกับเขา..ผมก็ยังใจร้ายกับตัวเอง
บาปอะไรของเรากัน.. ที่ทำให้ผมกับเขาต้องเกิดเป็นพี่น้องกัน
ซ้ำร้ายยังเป็นฝาแฝดกันด้วย
“ให้รู้กันเพียงแค่เราสองคนก็ได้โทนี่..เราจะไม่งี่เง่าจนแม่มาเห็นแล้ว”
“...”
“พออายุ 18เราก็ออกไปอยู่ด้วยกัน.. จะไม่มีใครว่าเราได้นะโทนี่”
ผมดันเขาออกจากตัว
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยโดฮยอน..”
ไม่มีใครยอมรับความสัมพันธ์ผิดๆ แบบนี้ได้ทั้งนั้น
โดฮยอนเงียบไป เขาทิ้งตัวนอนลงข้างๆแล้วนอนกอดผมดังเดิม
แม้ว่าตอนนี้เขาจะร้องไห้..
แต่ผมก็เลือกที่จะไม่แสดงท่าทางอะไรออกไปทั้งนั้นนอกจากนอนนิ่งราวกับท่อนไม้ท่อนหนึ่ง
ทั้งที่หัวใจของผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
โดฮยอนไม่ชอบอีแวน
นี่เป็นสิ่งที่ผมเห็นได้ชัดจากสายตาคู่นั้นทุกครั้งที่อีแวนมาหาผม โดฮยอนก็จะเอาแต่คอยเดินป้วนเปี้ยนอยู่บ่อยครั้งจนน่ารำคาญเขาบอกว่าอีแวนไม่น่าไว้ใจ สายตาของอีแวนราวกับจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์
ผมบอกปัดไปว่ามันไร้สาระสิ้นดี
มีอะไรน่ากังวลกัน
เราต่างทะเลาะกันเพราะเรื่องของอีแวนอยู่บ่อยครั้ง..ล่าสุดก็คือเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่แม่มาเห็นเข้า
ทั้งเมื่อคืนเขายังมาตั้งคำถามที่รังแต่จะทำให้ความสัมพันธ์สั่นคลอน
เช้าวันนี้โดฮยอนจึงตาบวมเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนเขาเอาแต่ร้องไห้ออกมาเหมือนคนโง่
ไม่สิ.. เขามันก็โง่.. โง่จริงๆ
ทั้งที่ควรหยุดความสัมพันธ์มากกว่าพี่น้องห่าเหวอะไรนี่ไปเสีย..แต่โดฮยอนก็เลือกที่จะรั้งมันไว้
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่โง่มาก..แต่ผมกลับรู้สึกขอบคุณที่เขายังรั้งมันไว้
ผมมองโดฮยอนที่พยายามใช้ผ้าชุบน้ำคอยประคบตาที่บวมเป่งแล้วกวาดสายตามองหาแม่เพราะปกติแล้วแม่จะเป็นฝ่ายคอยประคบประหงมเขา แต่วันนี้ทำไมถึงต้องมาทำเองได้ล่ะและเมื่อสังเกตเห็นโพสอิทบนตู้เย็นแล้ว ผมจึงกระจ่างแก่ใจ
‘แม่มีงานเช้า กับข้าวในตู้เย็นอุ่นก่อนทานล่ะ – แม่’
แม่ไม่อยู่นี่เอง
กับข้าวในตู้เย็นก็ยังไม่อุ่นสุดยอดไปเลย –โทนี่นัมคือพี่เลี้ยงเด็กสินะ
สุดท้ายผมก็ต้องทำหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กให้เต็มประสิทธิภาพทั้งอุ่นอาหารให้ ทั้งต้มน้ำร้อนให้ขนาดนี้ควรจะได้รางวัลพี่เลี้ยงดีเด่นในสักสาขานะว่าไหม?
แม้ว่าเด็กบ้านี่กำลังต่อต้านผมเพราะเรื่องเมื่อคืนก็เถอะ
“กินข้าว”
ผมพูดสั้นๆให้อีกคนที่นอนเอาผ้าเปียกน้ำปิดตาตัวเองบนโซฟาลุกขึ้น แต่โดฮยอนยังนอนนิ่งไม่ยอมขยับตัว เห็นดังนั้นผมจึงยกหัวอีกฝ่ายขึนแล้วขยับตัวนั่งลงเป็นหมอนให้เขาหนุนหัวแทน
“โง่หรือไงเอาผ้าเปียกน้ำมาแปะตาแบบนี้”
เขายังเงียบ ไม่ยอมพูดอะไร
ผมหยิบผ้าเปียกของเขาออกค่อนข้างยั๊วะกับอาการต่อต้านที่เขากำลังเป็นไม่น้อยเลย โดฮยอนที่ตาบวมเป่งหันหน้าหนีไปอีกทางดูเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีกรอบด้วยซ้ำ ผมเกลี่ยแก้มเขาอย่างเบามือเพียงเท่านั้นคนที่เบือนหน้าหนีก็หันกลับมามองกันด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง
“ความสัมพันธ์ของเราคืออะไรกันนะโทนี่..”
โดฮยอนเอ่ยปากถาม
เป็นอีกครั้งที่เขาเอาแต่ถามเรื่องความสัมพันธ์ที่ผิดบาปของเรา
ผมเงียบไป.. และคิดว่าบางทีผ้าเปียกโง่ๆนี่ควรจะทำให้มันมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นมาสักหน่อยจะได้ทำให้โดฮยอนสบายตามากขึ้นถ้าเขาคิดจะแปะมันบนตาของเขาอีก
แต่โดฮยอนไม่ยอมให้ผมลุกหนีไปไหน
“แค่ตอบเรามาก็พอโทนี่ เราจะยอมรับและทำตามคำตอบของโทนี่”
จู่ๆ.. ผมก็รู้สึกว่าการตอบเขาเป็นเรื่องที่ทำได้ยากปากของผมหนักอึ้ง
“โทนี่รักเราไหม..รักที่ไม่ใช่ความรักแบบพี่น้อง รักแบบที่เราสามารถรักกันได้อย่างที่คนทั่วไปทำกัน”
โดฮยอนพูดช้ากว่าปกติ..และค่อนข้างชัดถ้อยชัดคำราวกับกลัวว่าจะมีคำใดตกไปจากที่เขาคิด ผมเงียบไปมันค่อนข้างพูดออกมาได้ยาก เพราะคำตอบที่ออกมาจากปากของผม.. จะต้องส่งผลต่อทุกอย่างหลังจากนี้เป็นอย่างมากสิ่งที่เรากำลังเป็นมันคือความเสี่ยงเสี่ยงยิ่งกว่าการแอบรักเพื่อนสนิทเสียด้วยซ้ำ
มันจึงยาก.. ที่ผมจะตอบเขาออกไปได้เต็มปากว่าผมรักหรือไม่รักเขา
ถ้าผมพูดออกไปว่ารักเขา..เรื่องยุ่งเหยิงเหล่านี้ก็จะยังคงอยู่
แต่ถ้าพูดออกไปว่าไม่รัก..ผมเองก็หวาดกลัวชีวิตที่ไม่มีเขา
ผมก็แค่.. ต้องการมีเขาอยู่ข้างๆในทุกวันก็เท่านั้น.. แต่เพราะเราเป็นพี่น้อง เป็นฝาแฝดกัน เรามีครอบครัวและมีวงจรใกล้ชิดกันมันยากที่จะต้องเลือกอะไรออกมาเพียงเพราะเราต่างก็รู้สึกพิเศษกันทั้งคู่
“โทนี่..”
เขาเอื้อมมือมาแตะแก้มผมเบาๆ
“อย่าร้องไห้”
ในตอนนั้นเอง ผมถึงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีน้ำตาโดฮยอนยังคงเช็ดน้ำตาให้ผมเงียบๆแม้ตัวเขาเองก็มีทีท่าวาจะร้องไห้ออกมาอีกครั้งก็ตาม
“ถ้าเราไม่ได้เป็นพี่น้องกัน..มันคงง่ายกว่านี้.. เนอะ” เขาว่า
ผมลูบแก้มเขาเบาๆไล้ปลายนิ้วสัมผัสตำหนิใต้ตาเขาที่มีคนละข้างกันกันผมอย่างเบามือ
เราสบตากันเงียบๆ
และจูบกัน
ในบ้านที่มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
แม้ผมจะตอบเขาไม่ได้..
แต่ตอนที่เราจูบกัน
นั่นคือความรู้สึกและตัวตนทั้งหมดของผมที่มีให้เขา
ผมหวังว่าเขาจะรับรู้..แม้ว่าผมจะไม่ได้พูดอะไรออกมา
เห็นแก่ตัว.. ผมรู้
“อย่าไปไหน”
ผมรู้ว่าตัวเองโคตรเห็นแก่ตัวทั้งยังทำให้เรื่องมันยุ่งยากเข้าไปอีก
“ถึงเจ็บ.. ก็อย่าไป”
เขายิ้มทั้งน้ำตา
“ไม่ไปอยู่แล้ว”
ผมกับเขา.. ก็เหมือนกันนั่นล่ะ เรามีความแตกต่างกันบ้างในหลายเรื่องแต่ถ้าพูดถึงความรู้สึกแล้ว.. สิ่งที่ผมรู้สึกก็ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่โดฮยอนรู้สึกเลยสักนิด
“ไปกินข้าวได้แล้วมั้ง จูบจนปากเปื่อยหมดแล้ว”
แม้ว่าสิ่งที่ผมทำ และสิ่งที่ผมคิดมันโคตรจะย้อนแย้งจนผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“จูบอีกรอบก่อนกินข้าวได้ไหมโทนี่”
แต่ผมรักโดฮยอนมากจริงๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in