Day-9 : bookstore
seungyounx dohyon
“โด่งเดี๋ยวแวะร้านหนังสือก่อน นิยายน่าจะออกแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินชื่อที่คุ้นหู ชนม์, (28ปี)อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษจึงละความสนใจจาก text ในมือสายตาคมที่ถูกบังด้วยแว่นกรอบหนาสอดสายตามองหาเจ้าของชื่อ “โด่ง” โดยอัตโนมัติ
“ทำไมไม่สั่งออนไลน์เอาว้านายน่ะ”เสียงแก่นเซี้ยวติดกวนดังขึ้นไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นักอีกฝ่ายยังเดินอยู่กับเพื่อนในกลุ่มเดียวกันโดยไม่ได้สังเกตรอบข้างอย่างเคย
เพราะอย่างนี้ก็เลยไม่ค่อยจะรู้ตัวว่าบางครั้ง..ชนม์ก็อยู่ใกล้ตัวอีกฝ่ายมากกว่าที่คิด
ต่างจากเพื่อนในกลุ่มที่ช่างสังเกตเห็นเขาก่อนโด่งดังในทุกครั้ง
และครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ชนม์จำหน้าเพื่อนที่เดินมาพร้อมกับโด่งดังได้เด็กคนนั้นเองก็เป็นนักศึกษาในรายวิชาที่เขาสอนด้วยเช่นกันอีกฝ่ายยกยิ้มทักทายก่อนจะเหลือบสายตามองเพื่อตัวเองที่ยังจดจ่อกับหนังสือออกใหม่ในร้านด้วยใบหน้าที่นึกสนุก
ชอบอยู่ให้เพื่อนแกล้งจริงๆ.. โด่ง
“อิโด่ง มึงช่วยลองเดินๆ หามุมนู้นได้ป่ะกูไม่แน่ใจว่านิยายมันวางขายยัง”
“เอ้า ไปเช็คกับพี่พนักงานดีไหมอ่ะ” โด่งดังว่าทำท่าจะไปคุยกับพนักงานในร้านแล้วถ้าหากเพื่อนตัวเล็กคนนั้นไม่รั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
“มึงลองไปหาดูก่อน เดี๋ยวกูหาทางนี้”
โด่งดังบ่นอุบดูท่าจะงงๆ แต่ก็ยอมเดินมาหาหนังสือให้เพื่อนในที่สุด
ก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง
ชอบปฏิเสธไว้ก่อน.. สุดท้ายก็ทำอยู่ดี
ชนม์มองเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสูงพอดีกับเขาแล้วก็อดไม่ได้ที่นึกไปถึงครั้งแรกที่เจอกันโด่งดังในวัย 12 ยังเป็นเด็กตัวเล็กที่สูงเลยเอวเขาขึ้นมาหน่อยนึงหน้าตาน่ารักและเอาแต่ตามติดเขาแจจนเจนจัดพี่ชายของอีกฝ่ายที่เป็นน้องรหัสของเขาถึงกับต้องลากตัวออกมาให้นั่งดูการ์ตูนแทน
“นายเพียวมันจะอ่านเรื่องอะไรวะ ให้กูหาแต่ไม่บอกชื่อเรื่องเฉย”อีกฝ่ายพึมพัมพลางหยุดหาหนังสือในชั้นตรงกันข้ามกับเขาชนม์มองใบหน้าที่โผล่พ้นชั้นหนังสือก่อนไล่สังเกตองค์ประกอบบนใบหน้าของอีกฝ่ายเงียบๆ
ไม่เจอกันสามปี.. โตขึ้นมาก
เขาเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าหลังจากที่ได้สมบุกสมบั่นร่ำเรียนจนจบปริญญาเอกแล้วได้มาสอนที่นี่เป็นที่แรกจะทำให้เขาได้กลับมาพบกับโด่งดังในชั้นเรียนเสียอย่างนั้นชนม์รู้ตัวว่าเขาเป็นคนที่แสดงออกไม่เก่งทั้งเวลาเอ่ยปากพูดแต่ละครั้งก็ทิ่มแทงใจคนฟังพอสมควรการกลับมาเจอกันครั้งแรกในรอบสามปีจึงไม่ค่อยน่าประทับใจนัก
ทั้งสถานภาพที่ต่างกันระหว่างเขากับโด่งดังไม่ว่าจะเป็นสามปีก่อนหรือตอนนี้..อย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถคบหากันได้เลยจริงๆ
สี่ปีที่แล้ว
“พี่ชนม์ทำไมหน้าเครียด” โด่งดังในวัย 16 ปีเอ่ยถามขึ้นพลางทิ้งตัวนอนบนเตียงหลังกว้างหลังจากที่เจ้าตัวจัดการทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยแม้ว่าชนม์จะเคยแจงไปให้คนรักฟังว่าเขาได้จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกสามวันแล้วก็ตามโด่งดังก็ยังไม่พอใจเสียเท่าไหร่
นอกจากทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหลังกว้างแล้ว เด็กตัวขาวก็เคลื่อนมากอดเอวเขาไว้อย่างทุกทีก่อนจะลุกขึ้นมาซุกหน้าลงหว่างคอ แก้มแนบแก้ม
“พี่ชนม์ไม่โกนหนวดอีกแล้ว ตอทิ่มแก้มเลยเนี่ย”
ชนม์เบี่ยงหน้าออกมาเล็กน้อย
“โด่งอย่าซน” เขาพูดออกมาเพียงเท่านั้น โด่งดังยู่ปากเล็กน้อยก่อนขโมยหอมแก้มเขาสองฟอดแล้วทิ้งตัวนอนอ่านหนังสือที่วางระเกะระกะบนเตียงเขาอย่างไม่มีอะไรทำ
“หนังสือภาษาอังกฤษอีกแล้ว หนาก็หนา” เจ้าตัวบ่นอุบเบาๆราวกับกลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า
ชนม์ส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างอ่อนใจก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับวิทยานิพนธ์ตรงหน้าอีกครั้งจนตัดสิ่งรบกวนภายนอกสิ่งที่เขาโฟกัสออกไปจนหมดสิ้นกว่าเขาจะรู้สึกพอใจกับผลงานของตัวเอง ท้องฟ้าข้างนอกก็เปลี่ยนสีเสียแล้วชนม์หันมามองร่างขาวนุ่มนิ่มที่หลับอยู่ข้างๆเขาด้วยแววตาอ่อนลง
วันหยุดของโด่งดังทั้งที.. ให้น้องมานอนเฝ้าเขาทำงานอีกแล้ว
ชนม์ลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นจากนิทราที่แสนหวานก่อนจะจัดการเก็บหนังสืออ้างอิงที่วางอยู่บนเตียงไปตั้งบนโต๊ะทำงานแทนเพื่อที่โด่งดังจะได้มีที่นอนเพิ่มขึ้น ชนม์มองใบหน้ากลมที่แสนจะจิ้มลิ้มอยู่สักพักและสะกดจิตให้ตัวเองรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำเสียการทำอนาจารผู้เยาว์มีผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน
แต่ถึงกระนั้น.. เขาก็สะกดจิตตัวเองไม่เคยสำเร็จสักที
ชนม์ถือโอกาสสัมผัสเรียวปากเล็กเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทันทีก่อนที่ตัวเขาเองจะอนุญาตให้ตัวเองได้กระทำการใดที่เป็นการล่วงเกินเด็กอายุต่ำกว่า18 ปีไปมากกว่านี้
ชนม์คิดว่าถ้าเขาสะกดจิตตัวเองสำเร็จแต่แรก..เขาคงไม่เผลอใจชอบเด็กอายุห่างกันถึง 8ปีแน่นอน
น่าจะรอให้ถึง 18 ก่อนจริงๆ
.
.
.
“พี่ชนม์ ทำไมวันนี้ออกมาข้างนอกได้อ่ะ” โด่งดังเอ่ยถามขึ้นในวันถัดมาชนม์ยกมุมปากเล็กน้อย และตอบน้องไปว่า “ออกมาซื้อหนังสือเพิ่มครับ”
โด่งดังหน้าหงิก
“ทำงานนอกสถานที่นี่เอง”
ชนม์ยิ้มออกมาเล็กน้อย ที่คนตัวเล็กกว่าเอาแต่ส่งสายตาขู่ฟ่อๆใส่คนที่คิดจะเดินเข้ามาใกล้เขาเกินจำเป็น ดูแล้วก็เหมือนลูกแมวเพิ่งเกิดไม่มีผิด
“ทำไมคนชอบมองพี่ชนม์จัง โด่งไม่อยากให้มองเลย”เจ้าตัวว่าพลางบ่นอุบ แขนนุ่มนิ่มปราดเขากอดแขนเขาราวกับเด็กขี้หวงชนม์ลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ พลางสอดสายตามองหาหนังสือที่ต้องการ โด่งดังบ่นพึมพัมไปเรื่อยแต่ก็ยังตามกอดแขนเขามาติดๆจนกระทั่งเสียงบ่นเริ่มบางลงชนม์จึงหันมามองแฟนเด็กที่มีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่อย่างนึกห่วง
“พี่ชนม์ มึนหัว” โด่งดังว่าพลางหลับตาลง ชนม์ประคองให้น้องนั่งลงในร้านที่เรียงรายไปด้วยหนังสือรอบตัว ทั้งยังมีชั้นหนังสือที่สูงท่วมหัวคงทำให้โด่งดังลายตาจนมึน
“เดี๋ยวพี่พาไปนั่งรอข้างนอกก่อน เสร็จแล้วไปหาอะไรทานกันนะครับ”
“ไม่เอา ไปก็ไปด้วยกัน” เจ้าเด็กขี้หวงส่ายหน้าพรืดทั้งยังหลับตา
ชนม์ถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วลูบกลุ่มผมนิ่มของอีกฝ่ายพลางคิดว่าควรจะพาน้องออกไปก่อนที่อาการจะแย่ลงจากนั้นก็ค่อยเดินมาหาเท็กซ์ที่ต้องการในภายหลัง แต่ก่อนจะทำเช่นนั้นนัยน์ตาเรียวรีก็บังเอิญเห็นเท็กซ์ที่คล้ายกับเท็กซ์ที่เขาต้องการอยู่ข้างหลังน้องพอดิบพอดีชนม์เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ชั้นหนังสือเพื่อเช็คอีกทีว่าเป็นเล่มที่เขาต้องการหรือเปล่าเมื่อตรวจสอบจนแน่ใจ นิ้วเรียวจึงหยิบมันออกจากชั้นหนังสือ
ในเวลาที่ชนม์กำลังสนใจอะไรบางอย่าง เคยมีคนบอกเขาว่าเขาจะตัดโลกภายนอกออกไปและสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพียงเท่านั้นจนดูเหมือนว่าเขาไม่สนใจอะไรเลย
และครั้งนี้ก็เช่นกัน.. หลังจากที่เลิกโฟกัสเท็กซ์ที่ต้องการเขาจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าโด่งดังกำลังเคลื่อนหน้าเข้าใกล้เขามากห่างกันเพียงให้อากาศลอดผ่านไปได้เล็กน้อยเท่านั้น ชนม์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพียงเท่านั้นเจ้าเด็กอายุ 16จึงยอมถอยห่างออกมาอย่างคอตก
“ในร้านหนังสือทำแบบนี้ไม่ดีนะโด่ง” ชนม์ว่าแต่เจ้าเด็กตัวขาวก็ยังคงหงอยเหมือนเดิม
ชนม์มองท่าทีต่อต้านเงียบๆจากอีกฝ่ายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ค่อยกลับไปทำที่ห้องหรือในรถดีไหมครับ”
คล้ายว่าข้อเสนอนี้จะทำให้โด่งดังสนใจอยู่ไม่น้อย เจ้าตัวถึงเงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบนึงก่อนจะก้มหน้าลงตามเดิม บางครั้งการมีแฟนที่เด็กกว่าก็อาจทำให้มีปัญหากันในหลายๆเรื่อง แม้แต่เรื่องการคึกคะนองที่จะแสดงความรักออกมาในที่สาธารณชนอย่างนี้
ชนม์กางเท็กซ์ออกมา เจ้าเด็กเหลือบตาขึ้นมองท่าทีของเขาเล็กน้อยแต่เมื่อเห็นว่าเขายอมโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าขาวกลมก็พลันฉีกยิ้มแป้นแล้นในทันที ชนม์หลุดขำออกมาเล็กน้อยโด่งดังจึงตวัดสายตามองเขาอย่างสงสัยว่าเขาหัวเราะอะไร
“โตไปโด่งจะอายแน่ถ้าจำได้ว่ามาทำอะไรในร้านหนังสือ” เขาว่า
โด่งดังยักคิ้ว ท่าทางไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดอยู่มากโขเลยเทียว
ชนม์เลื่อนหน้าลงแตะริมฝีปากเล็กของเด็กวัย 16 ปีเบาๆมือเรียวขยับเท็กซ์ในมือให้บังใบหน้าทั้งสองที่แนบชิดเสียจนต้องใช้ลมหายใจร่วมกันการแสดงความรักในที่สาธารณะสำหรับชนม์นั้นเขาคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมนักไหล่แกร่งกว้างของเขาจึงช่วยทำหน้าที่บังโด่งดังที่อยู่เบื้องล่างเอาไว้ในขณะที่ริมฝีปากของเรายังเชื่อมกัน
.
.
.
“แล้วจะเดินหาทำไมตั้งนานโดยไม่ถามชื่อหนังสือกบเพียววะกู งง”โด่งดังที่อยู่ล็อกตรงข้ามกับเขาบ่นอุบชนม์ยังคงมองใบหน้าขาวกลมที่อยู่ตรงข้ามกันด้วยสายตาที่ดูเหมือนไม่ได้แสดงความรู้สึกใด
ทันใดที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นแล้วสบตาเขาพอดี ก็ราวกับเวลาถูกหยุดไว้ที่สามปีก่อน
“ดูเหมือนจะชอบส่งเสียงดังไม่เว้นร้านหนังสือเลยนะครับ”
แต่ชนม์ก็ยังเป็นชนม์.. ที่แสดงออกได้แย่เช่นเคย
โด่งดังที่เหมือนเพิ่งดึงสติกลับมาได้ก็ก้มหน้าก้มตาลงเล็กน้อยและนั่นทำให้ชนม์เผลอขมวดคิ้วอีกครั้ง
เขาไม่ชอบให้โด่งดังก้มหน้าเวลาคุยกับเขา
“อ่า ขอโทษทีครับ” เจ้าตัวว่าพลางยกมือไหว้ปลกๆก่อนวิ่งแจ้นไปอีกทาง
.
.
.
ชนม์อาจไม่ทันสังเกตใบหน้าขาวกลมที่รีบก้มลงอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อนริ้วแดงบนสองแก้มไว้เนื่องจากโด่งดังเองก็จำประโยคที่ชนม์เคยกล่าวไว้ในร้านหนังสือเมื่อสี่ปีก่อนได้เช่นกันว่า
“โตไปโด่งจะอายแน่ถ้าจำได้ว่ามาทำอะไรในร้านหนังสือ”
และเมื่อมองย้อนกลับไป.. จนถึงปัจจุบันนี้โด่งดังก็อายจริงๆที่เคยมาทำอะไรไว้ในร้านหนังสือ
ทำไมกูเบียวได้ขนาดนี้!!!!!!! (ಥ﹏ಥ)
เป็นเสียงกรีดร้องในใจเจ้าเด็กตัวขาวที่นายพี่ชนม์คงไม่มีวันได้ยิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in