เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Fictober2019 boxrainybusrin
DAY-3 : moonlight
  • Day-3 : moonlight 

    Seungyoun x dohyon 






    “พี่ว่างไหม”

     

     

              ประโยคทักทายสั้นๆจากปลายสายที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นในช่วงตีสองของคืนนี้ โชซึงยอนเหลือบมองนาฬิกาเล็กน้อยไม่บ่อยนักที่คนจากปลายสายจะติดต่อมาดึกดื่นขนาดนี้

              “ก็ไม่ได้ทำอะไร”

              “ผมรบกวนพี่หรือเปล่า”

              แม้รูปประโยคที่ถามจะมีใจความครบถ้วนดีแต่น้ำเสียงจากปลายสายค่อนข้างยานคางซึงยอนเดาว่าเจ้าของสายคงกำลังเมาได้ที่ถึงได้ใจกล้ากดโทรหาเขาในเวลานี้

              “เมาหรือไงโดฮยอน

              อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆ

              “ถามสมกับเป็นพี่เลย”

              ปลายสายเงียบไปสักพัก

              “มาหาผมได้ไหม”

              ซึงยอนลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วควานหาเสื้อผ้ามาสวมพลางๆ อากาศคืนนี้ค่อนข้างหนาวและเขาไม่อาจเดาได้เลยว่าตอนนี้เจ้าของสายกำลังคุยโทรศัพท์กับเขาในส่วนในของประเทศนี้

              “ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

              “ไม่รู้สิ..ผมเดินมาที่ไหนกันนะ”

              “นายกำลังปั่นหัวพี่ตอนตีสองนะ” เขาว่าพลางเดินออกจากห้องพักอย่างรีบร้อนแต่เจ้าเด็กในสายกลับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเสียอย่างนั้น สาบานได้ว่าถ้าเจอกันเขาจะไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กขี้เมาลอยชายไปแน่ๆ ที่บังอาจมาพรากเวลานอนที่แสนน้อยนิดของเขา

              “เป็นที่ที่เห็นพระจันทร์ชัดมากเลย”

              เพียงข้อมูลที่น้อยนิดเขาก็รู้ในทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงที่ไหน

              “พี่จะไปรับ รออยู่ที่นั่น”

              อีกฝ่ายหัวเราะออกมาเบาๆราวว่าชอบใจผิดกันกับเขาที่แทบจะเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อที่จะไปหาอีกฝ่ายถึงที่หมายโดยไว ซึงยอนคิดว่าพรุ่งนี้คงมีจดหมายจากหน่วยจราจรเรียกเขาไปจ่ายค่าปรับในฐานที่ขับรถเร็วเกินเกณฑ์ที่กำหนดแต่ช่างเรื่องนั้นไปก่อน

              ปล่อยให้โดฮยอนอยู่คนเดียวที่นั่นในเวลานี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรชะล่าใจ

              ร่างสูงได้แต่พึมพำคาดโทษเจ้าเด็กแก้มกลมเอาไว้พลางๆ

     

     

              เพียงไม่นานรถก็เคลื่อนมาจอดอยู่เบื้องหน้าตึกสูง ซึงยอนขยับแว่นตาเล็กน้อยพลางมองหาร่างสูงโปร่งของอีกฝ่าย ท่ามกลางความดึกสงัดที่มีเพียงแสงจันทร์นวลตาสาดส่อง การตามหาตัวใครสักคนไม่เรื่องง่ายนัก ซึงยอนกดโทรหาอีกฝ่ายอีกครั้ง

              โดฮยอนกดรับสาย

              “มาถึงแล้วหรอครับ”

              “เราอยู่ไหน”

              ซึงยอนขับรถวนหาอีกฝ่ายไปทั่ว

              “ผมก็อยู่ในที่ที่เห็นพระจันทร์ชัดมากๆ” อีกฝ่ายว่า

              “พี่หาเราไม่เจอ”

              ปลายสายเงียบไปพักใหญ่แม้เขาจะพยายามเรียกให้อีกฝ่ายตอบจนเสียงแทบหาย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาจนคนถือสายใจหวั่นพรึง ซึงยอนไม่อยากคิดอะไรที่ทำให้เขาต้องใจเสีย

              เขาหวังว่าโดฮยอนจะปลอดภัยและไม่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น

              “โดฮยอน”

              “อยู่ไหน”

              “พี่มารับแล้ว”

              ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย มีเพียงเขาที่ขับรถวนอยู่รอบๆ ตึกสูงที่สะท้อนแสงจันทร์ในค่ำคืนนี้

              “พี่ไม่ต้องมาหาผมแล้ว”

              ปลายสายตอบกลับมาเสียงแผ่ว น้ำเสียงนั้นเศร้าหมอง

              ซึงยอนใจกระตุก เขาหยุดรถแล้วมองหาเจ้าของสายด้วยใจสั่นไหว

              “อย่ามาอำเล่นเรียกหาพี่ตอนตีสองแล้วให้พี่กลับไปคนเดียวได้ยังไง”

              เขารัวออกไปทั้งใจสั่น

              ความกลัวในหัวใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน

              “อย่าฝืนมาเลย..พี่มาไม่ได้อยู่ดี”

              ปลายสายว่าเสียงเบา ซึงยอนขมวดคิ้ว เขาลงจากรถแล้วเดินหาอีกฝ่ายอย่างโกรธจัดที่มาเล่นอะไรแผลงๆ ในเวลานี้ แต่ไม่ว่าจะเดินหาเท่าไหร่..เขาก็ยังไม่พบคนที่ตัวเองต้องการพบเสียที

              ท่ามกลางแสงจันทร์ในเวลาตีสาม..โชซึงยอนยังคงเดินหาและเรียกอีกฝ่ายเป็นหนูติดจั่น

              “โดฮยอนพี่ไม่เล่น”

              “ซ่อนอยู่ที่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้!

              ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสาย

     

              .

     

              .

     

              .


              โทรศัพท์ที่อยู่ในมือเขาสั่นครืด

              ซึงยอนกดรับสายด้วยความหงุดหงิดปนหวาดหวั่น

              “โดฮยอนเลิกซ่อน มาหาพี่ แล้วกลับห้องได้แล้ว”

              ปลายสายยังคงเงียบเงียบจนเขาหวั่นใจ ไม่นานเขาได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากปลายสาย ก่อนอีกฝ่ายจะกล่าวขึ้นมาว่า

    “นี่กูอูซอกนะ”

    “มึงโทรมาทำไม” เขาถามเสียงห้วนสายตายังคงมองหาโดฮยอนที่น่าจะหลบซ่อนอยู่แถวๆ นี้

    “ตอนนี้มึงอยู่ไหน” อูซอกเอ่ยถามอย่างใจเย็น

    “กูมารับโดฮยอน น้องเล่นอะไรก็ไม่รู้มาซ่อนตัวตอนดึกๆ ดื่นๆ”

    ว่าแล้วบ่นออกไปเล็กน้อย

    อูซอกเงียบไป คล้ายว่ากำลังคิดหาคำพูด

    “น้องโทรหามึงหรอ”

    “ใช่ น้องโทรมา”

    ปลายสายเงียบไปซึงยอนถือสายรออย่างหงุดหงิดใจ ทำไมทุกสายที่โทรมาต้องเงียบไปแบบนี้

    “มึงได้กินยาก่อนนอนป่าววะ”

    อูซอกถามขึ้นอย่างชั่งใจ

    ซึงยอนหยุดฝีเท้าของตัวเองลง

    “มึงอยู่ที่ตึกนั้นอีกแล้วใช่ไหม” อีกฝ่ายเอ่ยถาม

    คล้ายว่าหัวใจของเขากำลังถูกบีบรัดจากความจริงบางอย่างที่จิตใต้สำนึกของเขาไม่ต้องการรับรู้และไม่ต้องการที่จะนึกถึง ดวงตาคมกริบช้อนมองขึ้นไปบนตึกสูงตระหง่าน เขาพบร่างสูงโปร่งของโดฮยอนอยู่ข้างบนนั้น.. โดฮยอนที่อยู่ใต้แสงจันทร์ช่างเลือนรางคล้ายว่าพร้อมจางหายไปเมื่อแสงจันทร์ดับลง

    “ซึงยอน.. กูไม่ได้อยากจะย้ำมึงนะ” อูซอกว่าเสียงจริงจัง

    ข้างบนตึกสูงนั้น..โดฮยอนกำลังส่งยิ้มให้เขา แม้ภาพที่เห็นจะไกลแต่เขากลับรู้สึกเหมือนได้เห็นอีกฝ่ายใกล้ๆ แม้จะเห็นรอยยิ้มจากอีกฝ่าย..แต่คล้ายว่าขอบตาของเขากำลังร้อนผ่าว

    “แต่น้องจากไปแล้ว..”

    ไม่จริง..

    เขาก้าวเท้าตัวเองเดินไปใกล้ตึกแห่งนั้นก่อนจะออกตัววิ่งไปเพื่อให้ถึงชั้นบนสุดที่อีกฝ่ายกำลังยืนรออยู่

    “น้องไปนานแล้ว”

    เขาวิ่ง

    วิ่งเหมือนคนบ้า..

    ทุกคนกำลังรวมหัวหลอกกันแน่ๆ

    ไม่จริง..

    เขาวิ่งไปและหัวเราะออกมา แม้น้ำตาจะไหลอาบแก้ม

    “น้องตายแล้ว มึงไปหาน้องไม่ได้แล้ว”

    เมื่อได้ยินคำนั้นคล้ายว่าความทรงจำที่แสนเศร้าและแสนเจ็บปวดของเขาถูกปลดล็อก ความเจ็บปวดจากการสูญเสียกำลังบีบรัดหัวใจเขาแน่นจนทำให้เขาทรมาณและแทบจะขาดใจไปช้าๆ ร่างสูงล้มลง เขาร้องไห้ออกมาในท่ามกลางความดึกสงัด

    เงียบ.. และเย็นเยียบมีเพียงเสียงร้องไห้ของเขาที่ดังระงม

    เขามองขึ้นไป

    โดฮยอนยังคงมองเขาอยู่จากบนยอดตึกด้วยแววตาโศกเศร้า แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านร่างของอีกฝ่ายทำให้เขาเห็นว่าร่างนั้นกำลังโปร่งแสงจนมองทะลุผ่านไปได้

    “อย่าไป.. โดฮยอน.. อย่าไป”

    เขาพึมพำอ้อนวอนอีกฝ่ายทั้งน้ำตาราวกับคนเสียสติ

    บางที.. เขาก็คงเสียสติจริงๆ

     

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

    เขารับสาย

    น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาว่า

    “ขอบคุณที่มาหากันนะพี่..ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”

     

             

    Can't reach out to touch you 

    or, to hold you in my arms.

    Even I close my eyes, 

    I can never dream of you.

    'Cause you're not here with me. 

    You're not my story

    It only hurts,  the more I try to get to you

     

              ร่างโปร่งแสงบนยอดตึกยังคงมองเขาด้วยรอยยิ้มเศร้า ซึงยอนมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แหลกสลายอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ได้รับยังคงรุนแรงราวกับแผลเป็นที่ไม่มีวันหายไป เขาได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาจากอูซอกและเพื่อนคนอื่นๆ แต่สายตาของเขากลับยังคงมองร่างโปร่งแสงราวกลับกลัวว่าร่างนั้นจะหายไปแม้เพียงพริบตา

              โดฮยอนยิ้ม

              ก่อนที่ร่างนั้นจะหายไปพร้อมกับแสงจันทร์

              ซึงยอนยังคงมองยอดตึกสูงดังเดิม แม้ใครต่อใครกำลังจะลากตัวเขาออกไปจากบริเวณนี้ หรือใครอาจจะพูดบางอย่างให้เขาอยู่กับความจริงที่ว่าโดฮยอนจากเขาไปนานมากแล้ว แต่ถึงกระนั้นสายตาของเขาก็ยังจับจ้องยอดตึกสูงตระหง่านที่เคยปรากฏร่างของอีกฝ่ายไม่ละสายตาจากไปไหน

              เขาร้องไห้

              ..กับคืนหนึ่งท่ามกลางแสงจันทร์

     

     

    I know this needs to stop, 

    I know I need to stop.

    I let you go without calling out to you

    ‘Cause I’m scared my tears, baby.

    Will only get your wings wet’

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in