บ้านเดี่ยวบางใหญ่ ทำเลดีสุดยอดที่ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมและโดนจับจองเป็นเจ้าของ สำหรับผู้ที่จะต้องทำงานหรือดำรงชีวิตอยู่ใจกลางจังหวัดกรุงเทพ แต่ว่าต้องการที่พักที่อาศัยที่ห่างไกลจากความอึดอัดน่ารำคาญของเมืองหลวง ที่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างจะต้องแย่งกันใช้ทรัพยากรอยู่ในทุกวัน ทั้งการเดินทางที่สุดแสนจะแออัดคับแคบหนทางที่เต็มไปด้วยรถยนต์ ซึ่งนั่นบางครั้งก็อาจจะไม่ทำให้คุณอึดอัดใจเท่ากับมลพิษที่เกิดจากฝุ่นละอองควันที่เต็มไปหมด บ้านเดี่ยวบางใหญ่ก็เลยเป็นโซนที่ที่ตอบปัญหาเป็นอย่างมากสำหรับผู้คนที่ต้องการมีชีวิตแบบไม่ต้องเผชิญสิ่งน่าเบื่อต่างๆแบบพื้นที่กลางกรุง

บ้านเดี่ยวบางใหญ่เป็นทำเลที่ตั้งอยู่ในอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ทำเลที่ตั้งที่จะกลายเป็นบ้านในฝันย่านชานเมือง ที่จำเป็นต้องบอกหลายท่านบางทีก็อาจจะคาดไม่ถึงว่าทำเลนี้เต็มไปด้วยความสะดวกสบายแบบครบทุกด้าน จะดีมากมากแค่ไหนแม้พวกเราแยกตัวมาหาบ้านสักข้างหลังที่มีทำเลที่ตั้งที่ดียิ่งขึ้น ไกลกรุงเยอะขึ้น เพื่อจะไม่ต้องพบเจอความเร่งรีบในแต่ละวัน แม้ทำเลที่ตั้งของบ้านเดี่ยวบางใหญ่ไกลห่างจากเมืองหลวง แต่ก็จะต้องบอกว่าไม่ไกลจนเกินไป สามารถเดินทางไปทำงานหรือไปเรียนหนังสือแบบไปกลับ โดยถิ่นที่อยู่อาศัยนี้นอกจากจะห่างไกลจากความวุ่นวาย การเดินทางเข้าไปในเมืองยังมีจุดเชื่อมต่อที่รวดเร็วอย่าง "รถไฟฟ้าสายสีม่วง” ตั้งอยู่ใกล้เคียง โดยรถไฟสายนี้จะทำให้คุณสามารถเดินทางไปสู่จุดศูนย์กลางเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถเลือกการเดินทางต่อได้หลายแบบไม่ว่าจะเป็นการต่อรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงินจากสถานีบางซื่อหรือจะนั่งรถไฟฟ้าสายสีม่วงยาวไปจนกระทั่งวงเวียนใหญ่ฝั่งธนบุรี แล้วต่อด้วยรถไฟฟ้า BTS ก็เป็นอีกทางเลือกที่สบายรวมทั้งรวดเร็วด้วยเหมือนกัน หรือถ้าเกิดคุณต้องใช้ยานพาหนะส่วนตัวก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ง่าย เพราะมีการปรับปรุงพัฒนาทางสายต่างๆให้สามารถเดินทางออกจากจังหวัดนนทบุรีไปสู่เมืองกรุงได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังทางหลวงปกติที่มีหลากหลายสาย รวมทั้งยังมีทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกให้เลือกเดินทางได้ด้วย

ด้วยเหตุว่าชีวิตที่ดี เป็นสิ่งที่คุณสามารถไขว่คว้าไว้เองได้ คงจะดีไม่น้อยถ้าหากวันที่เมื่อยล้าจากการทำงานได้กลับมาพักในที่ที่เปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างบ้านเดี่ยวบางใหญ่ บ้านที่คุณรวมทั้งครอบครัวจะได้เหลือเวลาดำรงชีวิตด้วยกันได้อย่างมากในวันแล้ววันเล่า บ้านที่จะสร้างความอบอุ่นให้ครอบครัว แล้วก็ตอบปัญหาทุกความสบายสบายที่คุณกำลังตามหา 

ทำเลที่ตั้งของบ้านเดี่ยวบางใหญ่นอกจากจะมีความสบายสบายสำหรับเพื่อการเดินทางไปสู่เมืองกรุงได้แล้ว รอบๆรอบๆยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบถ้วน อีกทั้งห้าง ร้านอาหาร ยังเป็นจุดที่คุณสามารถเดินทางออกต่างจังหวัดได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางล่องเหนือลงใต้ก็สบายที่สุด ยืนยันได้ว่าทำเลนี้จะกลายเป็นความสุขในทุกเมื่อเชื่อวันให้แก่คุณได้อย่างแน่แท้

คนที่อยู่ในช่วงตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมรวมทั้งป้องกันโรค โดยยิ่งไปกว่านั้นฝูงคนตั้งแต่นี้ต่อไป สมควรเป็นอย่างมากที่จะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเนื่องมาจากมีการเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะเข้าแทรกจากไข้หวัดใหญ่รวมถึงผู้ที่ทำงานกับ ผู้ที่มีการเสี่ยงสูงกลุ่มนี้ด้วย อาทิเช่น 

• ครอบครัวที่มีเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน (เพราะเหตุว่าเด็กไม่อาจจะฉีดวัคซีนได้ จึงเสี่ยงติดเชื้อ)
• คนที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด หรือมีภูมิต้านทานต่ำ
• หญิงตั้งครรภ์
• ผู้ที่อาศัยในบ้านพักคนเจ็บหรือสถานพักฟื้นผู้สูงอายุ
• บุคคลากรด้านการแพทย์
• ผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มักพบที่สุดคือ ลักษณะของการปวดรอบๆที่ฉีดวัคซีน บางบุคคลอาจมีไข้ต่ำๆและก็เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตัว แต่ว่ามีบางครั้งซึ่งเกิดได้น้อยมากคือ ผู้ได้รับวัคซีนจะมีอาการแพ้วัคซีนอย่างหนัก ซึ่งจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก เสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดเซียวเหน็ดเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนหัว ถ้าหากมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งควรจะรีบพบแพทย์โดยเร็ว

ส่วนวัคซีนที่ให้ทางจมูกนั้นจะมีเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์อยู่ ซึ่งผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่พ่นจมูกที่เจอในผู้ใหญ่ เป็น

• ไอ
• ปวดศีรษะ
• น้ำมูกไหล
• เจ็บคอ

ผลข้างเคียงที่เจอในเด็ก คือ

• ไข้
• ปวดศีรษะ
• เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกล้ามเนื้อ
• น้ำมูกไหล
• อาเจียน
• หายใจแรงมีเสียงวี๊ดๆ

ผู้ใดที่ไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?

ฝูงชนตั้งแต่นี้ต่อไปได้รับคำแนะนำว่าไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• ผู้ที่เคยมีอาการแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่รุนแรงมาก่อน
• คนที่เคยเป็นกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร
• คนที่ยังมีภาวการณ์ที่ทำให้มีไข้อยู่ (นอกจากหวัดทั่วๆไป)

ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ควรจะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ปีละครั้ง ตามคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค โดยเฉพาะกลุ่มคนตั้งแต่นี้ต่อไป ควรอย่างมากที่จะฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเนื่องมาจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะสอดแทรกจากไข้หวัดใหญ่รวมถึงผู้ที่ดำเนินงานกับ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงกลุ่มนี้ด้วย อย่างเช่น 

• ครอบครัวที่มีเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน (เนื่องจากเด็กไม่อาจจะฉีดวัคซีนได้ ก็เลยเสี่ยงติดโรค)
• คนที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
• หญิงมีครรภ์
• คนที่อาศัยในบ้านพักคนเจ็บหรือบ้านพักฟื้นคนชรา
• บุคคลากรด้านการแพทย์
• คนที่แก่กว่า 50 ปีขึ้นไป

ผลกระทบของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• ผลกระทบของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่มักพบที่สุดคือ ลักษณะของการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน บางคนอาจมีไข้ต่ำๆแล้วก็เมื่อยเนื้อตัว แต่ว่ามีบางครั้งซึ่งกำเนิดได้น้อยมากเป็น ผู้ได้รับวัคซีนจะมีลักษณะแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ซึ่งจะปรากฏข้างใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงข้างหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจติดขัด เสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ผื่นคัน ซีดขาวอ่อนล้า หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนหัว แม้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งควรจะรีบเจอหมอโดยเร่งด่วน

ส่วนวัคซีนที่ให้ทางจมูกนั้นจะมีเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์อยู่ ซึ่งผลกระทบของวัคซีนไข้หวัดใหญ่พ่นจมูกที่พบในผู้ใหญ่ เป็น

• ไอ
• ปวดศีรษะ
• น้ำมูกไหล
• เจ็บคอ

ผลกระทบที่เจอในเด็ก เป็น

• ไข้
• ปวดหัว
• เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวกล้าม
• น้ำมูกไหล
• อาเจียน
• หายใจแรงมีเสียงวี๊ดๆ

ใครที่ไม่สมควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?

กลุ่มคนตั้งแต่นี้ต่อไปได้รับข้อแนะนำว่าไม่สมควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• ผู้ที่เคยมีอาการแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่รุนแรงมาก่อน
• คนที่เคยเป็นกรุ๊ปอาการกิลแลง-บาร์เร
• คนที่ยังมีภาวการณ์ที่ทำให้จับไข้อยู่ (เว้นแต่หวัดทั่วๆไป)

• ครอบครัวที่มีเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือน (เนื่องจากเด็กไม่อาจจะฉีดวัคซีนได้ จึงเสี่ยงติดเชื้อโรค)
• คนที่มีโรคหัวใจหรือโรคปอดเรื้อรัง โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ
• หญิงตั้งท้อง
• คนที่อาศัยในบ้านพักผู้เจ็บป่วยหรือบ้านพักคนชรา
• บุคคลามือทางด้านการแพทย์
• ผู้ที่แก่กว่า 50 ปีขึ้นไป

ผลกระทบของวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• ผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ ลักษณะของการปวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน บางคนอาจมีไข้ต่ำๆและปวดเมื่อยร่างกาย แต่ว่ามีบางกรณีซึ่งกำเนิดได้น้อยมากเป็น ผู้ได้รับวัคซีนจะมีลักษณะแพ้วัคซีนอย่างรุนแรง ซึ่งจะปรากฏภายใน 2-3 นาที ถึง 2-3 ชั่วโมงหลังฉีด โดยอาจมีอาการหายใจไม่สะดวก เสียงแหบหรือหายใจมีเสียงดัง ลมพิษ ซีดเผือดอ่อนเพลีย หัวใจเต้นเร็ว หรือเวียนหัว แม้มีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งควรจะรีบพบหมอโดยเร็ว

ส่วนวัคซีนที่ให้ทางจมูกนั้นจะมีเชื้อไวรัสที่ถูกทำให้อ่อนฤทธิ์อยู่ ซึ่งผลข้างเคียงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่พ่นจมูกที่เจอในผู้ใหญ่ คือ

• ไอ
• ปวดหัว
• น้ำมูกไหล
• เจ็บคอ

ผลข้างเคียงที่พบในเด็ก คือ

• ไข้
• ปวดศีรษะ
• เมื่อยกล้ามเนื้อ
• น้ำมูกไหล
• อ้วก
• หายใจหอบมีเสียงวี๊ดๆ

ใครที่ไม่สมควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่?

ฝูงคนต่อไปนี้ได้รับข้อเสนอว่าไม่ควรฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

• คนที่เคยมีลักษณะแพ้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ร้ายแรงมาก่อน
• ผู้ที่เคยเป็นกรุ๊ปอาการกิลแลง-บาร์เร
• ผู้ที่ยังมีภาวการณ์ที่ทำให้จับไข้อยู่ (นอกจากไข้หวัดทั่วๆไป)

การฟอกฟันขาวแบบ At-home bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันที่บ้านซึ่งทำได้ด้วยตัวเอง โดยธรรมดาจะใช้สารฟอกสีฟันเป็นHydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ ราว 10% ร่วมกับการใช้เครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆซึ่งการฟอกสีฟันด้วยตัวเองอาจมีความเสี่ยง จำเป็นต้องหารือหมอฟันก่อนเสมอ

การฟอกฟันขาวแบบ In-office assisted bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกร่วมกับทำด้วยตนเอง ซึ่งใช้ในกรณีที่สีฟันเริ่มต้นเหลืองหรือเข้มมาก โดยหมอฟันจะเริ่มจากการใช้ Hydrogen peroxide เข้มข้นสูง เพื่อให้ฟันขาวขึ้นในระดับหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นจึงใช้วิธีฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยใช้ Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ สลับกันไปจนกระทั่งฟันขาวดูสวยสดใสตามต้องการ

การฟอกฟันขาวแบบ Over-the-counter bleaching

• เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป ซึ่งมีวางขายทั่วๆไปโดยผลิตภัณฑ์ดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะมี Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำเป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น เจลฟอกสีฟัน ยาสีฟันและก็น้ำยาบ้วนปากสำหรับฟันขาว ซึ่งหาซื้อมาใช้เองได้โดยไม่ต้องขอคำแนะนำหมอฟันก่อน

การฟอกฟันขาวแบบ Walking bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันเฉพาะซี่ ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟันตาย โดยทันตแพทย์จะใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปในตัวฟันซี่นั้นๆแล้วก็ปิดโอกาสเข้า สารฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันซี่ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นค่อยๆขาวขึ้นเรื่อยแล้วก็ถ้าหากฟันยังมีสีคล้ำอยู่ก็สามารถเพิ่มสารฟอกสีฟันเข้าไปเพิ่มได้

ผลข้างเคียงจากการฟอกฟันขาว

ผลข้างเคียงที่พบมากที่สุด เป็นอาการเสียวฟันซึ่งจะเกิดขึ้นในตอนแรกและมีลักษณะอาการอยู่ประมาณ 1 – 3 วัน แล้วก็ค่อยๆหายไป อาการเสียวฟันเป็นผลมาจากการที่น้ำยาฟอกสีฟันไปทำให้เม็ดสีของฟันกระจายตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย รวมทั้งไปกระตุ้นปลายประสาทในเนื้อฟันที่ไวต่ออุณหภูมิ ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวฟัน ซึ่งเป็นอาการธรรมดาที่จะหายไปเอง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวล

การดูแลข้างหลังการฟอกสีฟัน

• ชำระล้างโพรงปากตามปกติ โดยการแปรงฟัน ไหมขัดฟัน รวมทั้งบ้วนปากเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แล้วก็อาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อคุ้มครองอาการเสียวฟันด้วย
• หลีกเลี่ยงอาหารแล้วก็เครื่องดื่มที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดสีและก็รอยเปื้อนบนฟัน ดังเช่น ชา กาแฟ เหล้าองุ่น ซอส ลูกอม และถ้าจำเป็นที่จะต้องดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ควรใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้ว
• งดเว้นทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาทิเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว รวมทั้งของกินที่ร้อนหรือเย็นเหลือเกิน
• งดดูดบุหรี่ขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ ข้างหลังการฟอกสีฟัน
• ถ้ามีลักษณะอาการเสียวฟันมากมาย สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
• การปกป้องรอยเปื้อนฟัน
• การฟอกสีฟันไม่ได้ทำให้ฟันขาวถาวร แต่ว่าฟันที่ผ่านการฟอกจะมีสีคล้ำขึ้นเรื่อยเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดคราบเปื้อนสะสมบนฟัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราสามารถป้องกันคราบเปื้อนฟัน เพื่อฟันขาวดูสวยสดใสอยู่กับเรานานได้ดังต่อไปนี้
• ชำระล้างฟันรวมทั้งช่องปากให้ดีอยู่เสมอโดยการแปรงฟันอย่างถูกแนวทางขั้นต่ำวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและก็บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อลดการสั่งสมของคราบหินปูนและแบคทีเรียบนเนื้อฟัน
• ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่นำไปสู่ราบบนฟัน เป็นต้นว่า ชา กาแฟ ลูกกวาด
• หลีกเลี่ยงการสูบยาสูบ
• พบ|หมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง

การฟอกฟันขาวแบบ At-home bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันที่บ้านซึ่งทำได้ด้วยตัวเอง โดยทั่วไปจะใช้สารฟอกสีฟันเป็นHydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ ราวๆ 10% ร่วมกับการใช้เครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆซึ่งการฟอกสีฟันด้วยตัวเองอาจมีการเสี่ยง จำเป็นจะต้องปรึกษาหมอฟันก่อนเสมอ

การฟอกฟันขาวแบบ In-office assisted bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกร่วมกับทำด้วยตัวเอง ซึ่งใช้ในกรณีที่สีฟันเริ่มต้นเหลืองหรือเข้มมากมาย โดยหมอฟันจะเริ่มจากการใช้ Hydrogen peroxide เข้มข้นสูง เพื่อให้ฟันขาวขึ้นในระดับหนึ่ง แล้วจึงใช้วิธีฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยใช้ Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ สลับกันไปจนถึงฟันขาวดูสวยดูดีดูสดใสตามปรารถนา

การฟอกฟันขาวแบบ Over-the-counter bleaching

• คือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วๆไปโดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะมี Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำเป็นองค์ประกอบ ดังเช่น เจลฟอกสีฟัน ยาสีฟันแล้วก็น้ำยาบ้วนปากสำหรับฟันขาว ซึ่งหาซื้อมาใช้เองได้โดยไม่ต้องขอคำแนะนำหมอฟันก่อน

การฟอกฟันขาวแบบ Walking bleaching

• เป็นการฟอกสีฟันเฉพาะซี่ ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟันตาย โดยทันตแพทย์จะใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปในตัวฟันซี่นั้นๆและปิดโอกาสเข้า สารฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันซี่ดังที่กล่าวถึงมาแล้วค่อยๆขาวขึ้นเรื่อยแล้วก็ถ้าเกิดฟันยังมีสีคล้ำอยู่ก็สามารถเพิ่มสารฟอกสีฟันเข้าไปเพิ่มได้

ผลข้างเคียงจากการฟอกฟันขาว

ผลกระทบที่มักพบที่สุด คืออาการเสียวฟันซึ่งจะเกิดขึ้นในขั้นแรกแล้วก็มีอาการอยู่ราว 1 – 3 วัน จึงค่อยๆหายไป อาการเสียวฟันมีสาเหตุมาจากการที่น้ำยาฟอกสีฟันไปทำให้เม็ดสีของฟันแตกตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย รวมทั้งไปกระตุ้นปลายประสาทในเนื้อฟันที่ไวต่ออุณหภูมิ ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่จะหายไปเอง จึงไม่ต้องวิตกกังวล

การดูแลข้างหลังการฟอกสีฟัน

• ทำความสะอาดช่องปากตามเดิม โดยการขัดฟัน ไหมขัดฟัน รวมทั้งบ้วนปากบ่อยๆ อย่างต่ำวันละ 2 ครั้ง รวมทั้งบางทีอาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อปกป้องอาการเสียวฟันด้วย
• เลี่ยงอาหารแล้วก็เครื่องดื่มที่นำมาซึ่งสีและคราบเปื้อนบนฟัน ยกตัวอย่างเช่น ชา กาแฟ ไวน์ ซอส ลูกกวาด และก็ถ้าหากจำต้องดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว ควรจะใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้ว
• งดกินอาหารรวมทั้งเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ตัวอย่างเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว แล้วก็อาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินความจำเป็น
• งดสูบบุหรี่อย่างต่ำ 1 สัปดาห์ หลังการฟอกสีฟัน
• แม้มีอาการเสียวฟันมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
• การป้องกันรอยเปื้อนฟัน
• การฟอกสีฟันมิได้ทำให้ฟันขาวถาวร แต่ว่าฟันที่ผ่านการถูจะมีสีคล้ำขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำเนิดรอยเปื้อนสะสมบนฟัน ดังนั้นเราสามารถคุ้มครองป้องกันคราบฟัน เพื่อฟันขาวสดใสอยู่กับเรานานได้ดังนี้
• ทำความสะอาดฟันแล้วก็โพรงปากให้ดีอยู่เป็นประจำโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างต่ำวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันแล้วก็บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อลดการสั่งสมของคราบหินปูนและก็แบคทีเรียบนเนื้อฟัน
• ลดการบริโภคอาหารรวมทั้งเครื่องดื่มที่นำไปสู่ราบบนฟัน ยกตัวอย่างเช่น ชา กาแฟ ลูกกวาด
• เลี่ยงการสูบบุหรี่
• พบ|หมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง