การ ฟอกสีฟัน หรือ ฟอกฟันขาว เป็นการเปลี่ยนสีฟันที่ขุ่นหมอง ให้กลับมาขาวดูสวยดูดีดูสดใส โดยใช้ผลิตภัณฑ์หรือสารต่างๆสำหรับฟอกสีฟันดังเช่น Hydrogen peroxide ไปทำปฏิกิริยาทำให้สารที่ฉาบบนฟันหรือในเนื้อฟันกระจายตัวออก และทำให้ฟันมองขาวขึ้น โดยไม่ส่งผลต่อเคลือบฟันและก็องค์ประกอบของฟัน การ ฟอกสีฟัน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันเหลือง หรือฟันสีคล้ำ ขุ่น ที่ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุมาจากคราบฟัน หรือเป็นสีฟันธรรมชาติ แล้วก็ยังเป็นวิธีซึ่งสามารถทำเองได้ที่บ้าน หรือไปทำที่คลินิกทันตกรรมก็ได้
การฟอกสีฟันขาวมีกี่วิธี?
การฟอกฟันขาวแบ่งได้เป็น 5 วิธี ได้แก่
การฟอกฟันขาวแบบ In-office power bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกโดยหมอฟัน โดยใช้สาร Hydrogen peroxide เข้มข้นสูงโดยประมาณ 35% ซึ่งคลินิกทันตกรรมแต่ละแห่งอาจมีวัสดุรวมทั้งเทคโนโลยีไม่เหมือนกันไป อาทิเช่น การใช้เลเซอร์ฟอกสีฟัน การใช้แสงเย็น หรือการใช้รังสี UV ฯลฯ
การฟอกฟันขาวแบบ At-home bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันที่บ้านซึ่งทำได้ด้วยตัวเอง โดยธรรมดาจะใช้สารฟอกสีฟันเป็นHydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ ราว 10% ร่วมกับการใช้เครื่องใช้ไม้สอยอื่นๆซึ่งการฟอกสีฟันด้วยตัวเองอาจมีความเสี่ยง จำเป็นต้องหารือหมอฟันก่อนเสมอ
การฟอกฟันขาวแบบ In-office assisted bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกร่วมกับทำด้วยตนเอง ซึ่งใช้ในกรณีที่สีฟันเริ่มต้นเหลืองหรือเข้มมาก โดยหมอฟันจะเริ่มจากการใช้ Hydrogen peroxide เข้มข้นสูง เพื่อให้ฟันขาวขึ้นในระดับหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นจึงใช้วิธีฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยใช้ Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ สลับกันไปจนกระทั่งฟันขาวดูสวยสดใสตามต้องการ
การฟอกฟันขาวแบบ Over-the-counter bleaching
- เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป ซึ่งมีวางขายทั่วๆไปโดยผลิตภัณฑ์ดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะมี Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำเป็นส่วนประกอบ ตัวอย่างเช่น เจลฟอกสีฟัน ยาสีฟันและก็น้ำยาบ้วนปากสำหรับฟันขาว ซึ่งหาซื้อมาใช้เองได้โดยไม่ต้องขอคำแนะนำหมอฟันก่อน
การฟอกฟันขาวแบบ Walking bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันเฉพาะซี่ ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟันตาย โดยทันตแพทย์จะใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปในตัวฟันซี่นั้นๆแล้วก็ปิดโอกาสเข้า สารฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันซี่ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นค่อยๆขาวขึ้นเรื่อยแล้วก็ถ้าหากฟันยังมีสีคล้ำอยู่ก็สามารถเพิ่มสารฟอกสีฟันเข้าไปเพิ่มได้
ผลข้างเคียงจากการฟอกฟันขาว
ผลข้างเคียงที่พบมากที่สุด เป็นอาการเสียวฟันซึ่งจะเกิดขึ้นในตอนแรกและมีลักษณะอาการอยู่ประมาณ 1 – 3 วัน แล้วก็ค่อยๆหายไป อาการเสียวฟันเป็นผลมาจากการที่น้ำยาฟอกสีฟันไปทำให้เม็ดสีของฟันกระจายตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย รวมทั้งไปกระตุ้นปลายประสาทในเนื้อฟันที่ไวต่ออุณหภูมิ ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวฟัน ซึ่งเป็นอาการธรรมดาที่จะหายไปเอง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวล
การดูแลข้างหลังการฟอกสีฟัน
- ชำระล้างโพรงปากตามปกติ โดยการแปรงฟัน ไหมขัดฟัน รวมทั้งบ้วนปากเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง แล้วก็อาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อคุ้มครองอาการเสียวฟันด้วย
- หลีกเลี่ยงอาหารแล้วก็เครื่องดื่มที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดสีและก็รอยเปื้อนบนฟัน ดังเช่น ชา กาแฟ เหล้าองุ่น ซอส ลูกอม และถ้าจำเป็นที่จะต้องดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ควรใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้ว
- งดเว้นทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด อาทิเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว รวมทั้งของกินที่ร้อนหรือเย็นเหลือเกิน
- งดดูดบุหรี่ขั้นต่ำ 1 อาทิตย์ ข้างหลังการฟอกสีฟัน
- ถ้ามีลักษณะอาการเสียวฟันมากมาย สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
- การปกป้องรอยเปื้อนฟัน
- การฟอกสีฟันไม่ได้ทำให้ฟันขาวถาวร แต่ว่าฟันที่ผ่านการฟอกจะมีสีคล้ำขึ้นเรื่อยเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดคราบเปื้อนสะสมบนฟัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราสามารถป้องกันคราบเปื้อนฟัน เพื่อฟันขาวดูสวยสดใสอยู่กับเรานานได้ดังต่อไปนี้
- ชำระล้างฟันรวมทั้งช่องปากให้ดีอยู่เสมอโดยการแปรงฟันอย่างถูกแนวทางขั้นต่ำวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันและก็บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อลดการสั่งสมของคราบหินปูนและแบคทีเรียบนเนื้อฟัน
- ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่นำไปสู่ราบบนฟัน เป็นต้นว่า ชา กาแฟ ลูกกวาด
- หลีกเลี่ยงการสูบยาสูบ
- พบ|หมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง
Tags : ฟอกสีฟัน, ทันต, teethการฟอกฟันขาวแบบ At-home bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันที่บ้านซึ่งทำได้ด้วยตัวเอง โดยทั่วไปจะใช้สารฟอกสีฟันเป็นHydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ ราวๆ 10% ร่วมกับการใช้เครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆซึ่งการฟอกสีฟันด้วยตัวเองอาจมีการเสี่ยง จำเป็นจะต้องปรึกษาหมอฟันก่อนเสมอ
การฟอกฟันขาวแบบ In-office assisted bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันที่คลินิกร่วมกับทำด้วยตัวเอง ซึ่งใช้ในกรณีที่สีฟันเริ่มต้นเหลืองหรือเข้มมากมาย โดยหมอฟันจะเริ่มจากการใช้ Hydrogen peroxide เข้มข้นสูง เพื่อให้ฟันขาวขึ้นในระดับหนึ่ง แล้วจึงใช้วิธีฟอกสีฟันเองที่บ้านโดยใช้ Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำ สลับกันไปจนถึงฟันขาวดูสวยดูดีดูสดใสตามปรารถนา
การฟอกฟันขาวแบบ Over-the-counter bleaching
- คือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันสำเร็จรูป ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วๆไปโดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะมี Hydrogen peroxide ความเข้มข้นต่ำเป็นองค์ประกอบ ดังเช่น เจลฟอกสีฟัน ยาสีฟันแล้วก็น้ำยาบ้วนปากสำหรับฟันขาว ซึ่งหาซื้อมาใช้เองได้โดยไม่ต้องขอคำแนะนำหมอฟันก่อน
การฟอกฟันขาวแบบ Walking bleaching
- เป็นการฟอกสีฟันเฉพาะซี่ ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟันตาย โดยทันตแพทย์จะใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปในตัวฟันซี่นั้นๆและปิดโอกาสเข้า สารฟอกสีฟันจะช่วยให้ฟันซี่ดังที่กล่าวถึงมาแล้วค่อยๆขาวขึ้นเรื่อยแล้วก็ถ้าเกิดฟันยังมีสีคล้ำอยู่ก็สามารถเพิ่มสารฟอกสีฟันเข้าไปเพิ่มได้
ผลข้างเคียงจากการฟอกฟันขาว
ผลกระทบที่มักพบที่สุด คืออาการเสียวฟันซึ่งจะเกิดขึ้นในขั้นแรกแล้วก็มีอาการอยู่ราว 1 – 3 วัน จึงค่อยๆหายไป อาการเสียวฟันมีสาเหตุมาจากการที่น้ำยาฟอกสีฟันไปทำให้เม็ดสีของฟันแตกตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย รวมทั้งไปกระตุ้นปลายประสาทในเนื้อฟันที่ไวต่ออุณหภูมิ ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวฟัน ซึ่งเป็นอาการปกติที่จะหายไปเอง จึงไม่ต้องวิตกกังวล
การดูแลข้างหลังการฟอกสีฟัน
- ทำความสะอาดช่องปากตามเดิม โดยการขัดฟัน ไหมขัดฟัน รวมทั้งบ้วนปากบ่อยๆ อย่างต่ำวันละ 2 ครั้ง รวมทั้งบางทีอาจใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรต เพื่อปกป้องอาการเสียวฟันด้วย
- เลี่ยงอาหารแล้วก็เครื่องดื่มที่นำมาซึ่งสีและคราบเปื้อนบนฟัน ยกตัวอย่างเช่น ชา กาแฟ ไวน์ ซอส ลูกกวาด และก็ถ้าหากจำต้องดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว ควรจะใช้หลอดดูดแทนการดื่มจากแก้ว
- งดกินอาหารรวมทั้งเครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด ตัวอย่างเช่น ผลไม้รสเปรี้ยว แล้วก็อาหารที่ร้อนหรือเย็นเกินความจำเป็น
- งดสูบบุหรี่อย่างต่ำ 1 สัปดาห์ หลังการฟอกสีฟัน
- แม้มีอาการเสียวฟันมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
- การป้องกันรอยเปื้อนฟัน
- การฟอกสีฟันมิได้ทำให้ฟันขาวถาวร แต่ว่าฟันที่ผ่านการถูจะมีสีคล้ำขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำเนิดรอยเปื้อนสะสมบนฟัน ดังนั้นเราสามารถคุ้มครองป้องกันคราบฟัน เพื่อฟันขาวสดใสอยู่กับเรานานได้ดังนี้
- ทำความสะอาดฟันแล้วก็โพรงปากให้ดีอยู่เป็นประจำโดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีอย่างต่ำวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันแล้วก็บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อลดการสั่งสมของคราบหินปูนและก็แบคทีเรียบนเนื้อฟัน
- ลดการบริโภคอาหารรวมทั้งเครื่องดื่มที่นำไปสู่ราบบนฟัน ยกตัวอย่างเช่น ชา กาแฟ ลูกกวาด
- เลี่ยงการสูบบุหรี่
- พบ|หมอฟันเพื่อตรวจสุขภาพฟันอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง
Tags : ความสะอาด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in