[Verse 1]
That wasn't funny
But she laughed so hard, she almost criedThey're countin' months they've been together
Almost forty-nine
He's making fun of how she acted around the holidays
She wears a ring, but they tell people that they're not engaged
They met in class for metaphysical philosophyHe tells his friends “I like her
'Cause she's so much smarter than me”
They're having talks about their futures until 4 AM
And I'm happy for them
(And I'm happy for thеm, and I'm happy for them, and I'm happy for them)
มันไม่ตลกเลยสักนิด แต่เธอกลับหัวเราะ จนแทบจะร้องไห้
พวกเค้าคอยนับวันนับเดือน ที่อยู่ด้วยกันมา เกือบจะสี่สิบเก้าเดือนแล้ว
เขาล้อเลียนนิสัยตลกๆที่เธอชอบทำในช่วงวันหยุด
คุณผู้หญิงสวมแหวนแต่งงาน แต่กลับบอกว่า ยังไม่ได้หมั้นกันเลย
พวกเค้าเจอกันในคลาส metaphysical philosophy อภิปรัชญา วิชาที่ว่าด้วยการมีอยู่และการตั้งคำถามของการมีอยู่ของความจริง
พ่อหนุ่มพูดกับเพื่อนของเขาว่า 'ที่ชอบเธอก็เพราะว่า เธอฉลาดกว่าฉันตั้งเยอะ'
ไหนจะคู่นั้นอีกที่คุยเรื่องอนาคตของพวกเค้าจนเช้า
ผมรู้สึกมีความสุขกับพวกเขาจริงๆนะ
Verse แรก เราเข้าใจว่าพูดถึงบทสนทนาและ สถานการณ์ต่างๆของคู่รักที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของพวกเค้ามุมมองของบุคคลที่สาม
แต่ผมอยากรู้สึกถึงความรักและอารมณ์ห้วงแห่งรักบ้าง
รู้สึกผูกพันกับใครสักคน
สักวันนึงผมคงจะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนนี้น่ะ ผมเป็นได้แค่ผู้ชม
[Verse 2]
I'm only looking just to live through you vicariously
I've never really been in love, not seriously
I had a dream about a house behind a picket fenceNext one I choose to trust, I hope I use some common senseBut I cut people out like tags on my clothing
I end up all alone, but I still keep hoping
[Chorus]
I wanna feel all that love and emotion
Be that attached to the person I'm holdin'
Someday I'll be falling, without caution
But for now, I'm only people watchin'
ผมแค่กำลังจินตนาการอยู่ว่า ผมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ
ผมไม่เคยตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก จริงๆนะ ไม่ได้จริงจังอะไรเลย
ผมมีความฝันว่าจะมีบ้านล้อมรั้วที่สมบูรณ์แบบสักหลังนึง ตรงนี้ในบริบทของ pop culture a house behind a picket fence เป็นสัญญะทางอุดมคติสำหรับชีวิตชานเมืองในอเมริกา ในเพลงใช้เปรียบเทียบและอธิบายถึง ความฝันของการมีชีวิตและครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
คราวหน้าผมเลือกที่จะเชื่อใจ และหวังว่าจะมีสติบ้าง
แต่ผมก็ตัดพวกเค้าออกไปเช่นป้ายเสื้อผ้าที่น่ารำคาญนั้น
สุดท้ายผมก็ลงท้ายด้วยการอยู่คนเดียว แต่ผมก็ยังมีหวังอยู่นะ
[Bridge]Cut people out like tags on my clothingI end up all alone, but I still keep hopingI won't be scared to let someone know meLife feels so monotone, but I still keep hopingCut people out like tags on my clothing (I feel)I end up all alone, but I still keep hoping (Love emotions)I won't be scared to let someone know me (I feel)Life feels so monotone, but I still keep hoping (Love emotions)I feel love emotion
ผมตัดพวกเค้าออกไปเช่นแท็กป้ายเสื้อผ้าที่น่ารำคาญ โคนันเปรียบเทียบป้ายแท็กกับความสัมพันธ์ของคนสองคนที่ใหม่ๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่พอนานไปเริ่มรำคาญกันเหมือนป้ายแท็กบนเสื้อผ้า
สุดท้ายแล้วก็มีแค่ผม แต่ก็ยังคงมีความหวังต่อไปเรื่อยๆ
ผมไม่กลัวที่จะเปิดโอกาสให้ใครเข้ามานะ
ชีวิตที่น่าเบื่อของผมน่ะ ยังหวังว่าใครจะผ่านเข้ามา
[Chorus]
I wanna feel all that love and emotion
Be that attached to the person I'm holdin'
Someday I'll be falling, without caution
But for now, I'm only people watchin'
ผมอยากจะสัมผัสถึงอารมณ์และความรัก
รู้สึกผูกพันกับใครสักคนที่ผมเป็นเจ้าของ
สักวันนึงผมคงจะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนนี้น่ะ ผมเป็นได้แค่คนดูทั่วไป
Source:
ส่วนตัวแล้วเราชอบเพลงนี้มาก ตรงกับสถานการณ์และความรู้สึกเวลาทำงานมาก เพราะด้วยทำงานในครัวแบบเปิดด้วยเวลาเห็นคุณลูกค้ามาคุยกัน เราก็ได้แต่แอบมองและสำรวจความสัมพันธ์ของพวกเค้า มันมีหลายรูปแบบจนเราตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
แต่ก็นั้นแหละ แบบที่น้องโคนันบอกเลย Someday I'll be falling, without caution
But for now, I'm only people watching
ก็หวังว่าใครสักคนจะเดินเข้ามา ในช่วงเวลาที่ต้องและเป็นคนที่ถูกใจ
ว่างๆเหงาๆเข้ามาคุยเรื่องเพลงได้นะ playlist นี้มีใน spotify ด้วยนะ
twitter: @cosmicqivivii
IG: cosmicqiviiviii
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in