บทความนี้ได้รวบรวมสิ่งควรรู้เกี่ยวกับเสริมจมูก ไม่ว่าจะเป็นเสริมจมูกคืออะไร เสริมจมูกมีกี่แบบ เหมาะกับใครบ้าง ใช้อะไรเสริมจมูกได้บ้าง รวมไปถึงวิธีดูแลตัวเองก่อนหลังเสริมจมูก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเสริมจมูก สวยมั่นใจ ไร้กังวล
เสริมจมูก หรือทางการแพทย์เรียกว่าสร้างจมูกใหม่ (Rhinoplasty) คือการผ่าตัดศัลยกรรม เพื่อตกแต่งรูปทรงจมูกให้โด่ง เรียว สวยงามขึ้น ด้วยการเสริมวัสดุ เช่น ซิลิโคน, กอร์เท็กซ์, เม็ดพอร์ หรือกระดูกอ่อน ช่วยให้ใบหน้าดูสมดุล สวยงามยิ่งขึ้น หรือเป็นวิธีรักษาด้านระบบการหายใจ ช่วยลดการหายใจติดขัดจากความผิดปกติของจมูก ให้กลับมาหายใจได้ปกติ
เทคนิคเสริมจมูก มีด้วยกันหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบใช้วิธีรักษาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการและโครงสร้างจมูกของแต่ละคน เทคนิคที่เป็นนิยม ได้แก่
1. เสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty): เป็นเทคนิคนิยมใช้มากที่สุด แพทย์จะทำการผ่าตัดผ่านรูจมูก เหมาะสำหรับผู้มีโครงสร้างจมูกค่อนข้างดี ต้องการเสริมดั้งให้โด่งขึ้น หรือปรับปลายจมูกเล็กน้อย
2. เสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty): แพทย์จะเปิดแผลบริเวณฐานจมูก เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาโครงสร้างจมูกซับซ้อน ต้องการแก้ไขปลายจมูก หรือเสริมจมูกแก้ไขในครั้งก่อน
3. เสริมจมูกด้วยซิลิโคน: ซิลิโคนเป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับเสริมจมูก มีให้เลือกหลายแบบ หลายขนาด ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
4.เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อน: แพทย์จะใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนหลังใบหู มาช่วยเสริมปลายจมูก เหมาะสำหรับผู้มีเนื้อปลายจมูกบาง หรือต้องการปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติ
5. เสริมจมูกแบบผสมผสาน: แพทย์จะใช้ทั้งซิลิโคนและกระดูกอ่อนร่วมกัน เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาโครงสร้างจมูกซับซ้อน ต้องการแก้ไขทั้งดั้งกับปลายจมูก
การเสริมจมูกเป็นการศัลยกรรม เพื่อปรับรูปทรงของจมูกให้สวยงามและเหมาะกับใบหน้า เสริมจมูกเหมาะกับบุคคลมีความต้องการ ดังต่อไป
1. ต้องการแก้ไขรูปทรงจมูกให้โด่งขึ้น: เหมาะสำหรับผู้มีจมูกแบน สันจมูกไม่โด่ง หรือจะเป็นการเสริมดั้งให้โด่งขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูมีมิติขึ้นมา
2. แก้ไขรูปทรงปลายจมูก: เหมาะสำหรับผู้มีปลายจมูกใหญ่ ปลายจมูกยาว ไปจนถึงปลายจมูกเชิด ซึ่งต้องการปรับให้ปลายจมูกเล็กลง สั้นลง หรือห้อยลง
3. แก้ไขจมูกเบี้ยว: เหมาะสำหรับผู้มีจมูกเบี้ยว เอียง หรือผิดรูป เพื่อแก้ไขให้จมูกตรง
4. ปรับขนาดจมูกให้เล็กลง: เหมาะสำหรับผู้มีจมูกใหญ่ ต้องการปรับขนาดจมูกให้เล็กลง ให้ได้สัดส่วนรับกับใบหน้า
5. เสริมความมั่นใจ: การเสริมจมูกช่วยปรับรูปทรงจมูกให้สวยงาม ช่วยให้บุคคลรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
วัสดุที่ใช้เสริมจมูกมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับบุคคลแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
1. ซิลิโคน เป็นวัสดุนิยมใช้มากที่สุดในการเสริมจมูก มีให้เลือกหลายแบบ หลายขนาด หลายเนื้อสัมผัส ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ราคาไม่แพง อยู่ได้นาน ไม่เกิดอาการแพ้ แต่จะให้ความรู้สึกแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
2. กระดูกอ่อน แพทย์จะใช้กระดูกอ่อนจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น กระดูกอ่อนหลังใบหู มาเสริมปลายจมูก ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสได้เหมือนเนื้อแท้ แต่มีปริมาณจำกัด ไม่เหมาะกับเสริมดั้ง มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง
3. เม็ดพอร์ (Medpor) เป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดพิเศษ มีลักษณะเป็นรูพรุน ช่วยให้เนื้อเยื่อแทรกซึมเข้าไปได้ อยู่ได้นาน ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติ แต่ค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง ใช้การผ่าตัดที่ซับซ้อน
4. อี-พีทีเอฟอี (e-PTFE): เป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดพิเศษ คล้ายกับกอร์เท็กซ์ แต่มีความยืดหยุ่นมากกว่า อยู่ได้นาน ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติ แต่ค่ารักษาสูง การผ่าตัดมีโอกาสติดเชื้อได้
การเลือกวัสดุใช้เสริมจมูกจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น โครงสร้างจมูก ความต้องการ งบประมาณ รวมถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปพร้อมกัน
เสริมจมูกถือเป็นศัลยกรรมช่วยปรับรูปทรงจมูกให้โด่ง เรียว และสวยขึ้นได้ โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนเสริมจมูกมีดังนี้
1. ปรึกษาแพทย์: แพทย์จะพิจารณาโครงสร้างจมูก ความต้องการ รวมถึงประวัติสุขภาพของคนไข้ ก่อนจะเริ่มอธิบายเทคนิคเสริมจมูกที่เหมาะสม เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผลข้างเคียง ความเสี่ยง รวมถึงค่าใช้จ่าย ก่อนจะให้คนไข้ซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ
2. เตรียมตัวก่อนผ่าตัด: ก่อนจะเข้ารับผ่าตัดเสริมจมูก จำเป็นจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ รวมถึงยาบางชนิด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่รับประทานเป็นประจำ เพื่อลดอาการเสี่ยงต่าง ๆ
3. ผ่าตัด: แพทย์จะฉีดยาชาหรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับเทคนิคเสริมจมูกที่ใช้ จากนั้นจึงเริ่มทำการผ่าตัดโดยเปิดแผลบริเวณฐานจมูก (เสริมจมูกแบบเปิด) หรือผ่านรูจมูก (เสริมจมูกแบบปิด) ก่อนจะตะไบกระดูกสันจมูก ปรับแต่งโครงสร้างจมูก แล้วใส่ซิลิโคนหรือกระดูกอ่อนเพื่อเสริมดั้งและปลายจมูก ปิดท้ายด้วยการเย็บแผล
4. พักฟื้น: หลังผ่าตัด คนไข้จะต้องประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนจมูก งดสูบบุหรี่ งดแอลกอฮอล์ พร้อมกับรับประทานยาตามแพทย์สั่ง ไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการ
การดูแลก่อนและหลังการเสริมจมูกเป็นสิ่งสำคัญจะช่วยให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดออกมาดี ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ดังนี้
การดูแลก่อนเสริมจมูก
1. ปรึกษาแพทย์: เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ แจ้งประวัติสุขภาพ ยาที่ทาน อาหารเสริม และโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ ปรึกษาเรื่องรูปทรงจมูกที่ต้องการ และความคาดหวัง
2. งดยาบางชนิด: หลีกเลี่ยงใช้ยาที่ทำให้เลือดหยุดยาก เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี, และสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
3. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
4. เตรียมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย: หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ต้องสวมผ่านศีรษะ
5. ล้างหน้าให้สะอาด
การดูแลหลังเสริมจมูก
1. พักผ่อนให้เพียงพอ: พักผ่อนให้เพียงพอในช่วงแรก ๆ หลังผ่าตัด
2. หลีกเลี่ยงทำกิจกรรมหนัก: งดออกกำลังกายหรือกิจกรรมใช้แรงมาก อย่างน้อย 2 สัปดาห์
3. ประคบเย็น: ประคบเย็นบริเวณจมูกและรอบ ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดบวมและอักเสบ
4. นอนศีรษะสูง: นอนยกศีรษะสูงขึ้น ประมาณ 30-45 องศา เพื่อช่วยลดบวม
5. ดูแลแผล: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับวิธีดูแลแผลและการทำความสะอาด
6. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับจมูก: หลีกเลี่ยงการจับหรือกดจมูกอย่างน้อย 1 เดือน
7. งดใส่แว่น: หลีกเลี่ยงการใส่แว่นตาที่มีน้ำหนักลงบนจมูกอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
8. ทานยาและตามนัดแพทย์: ทานยาตามแพทย์สั่งและมาตรวจตามนัดหมายทุกครั้ง
การดูแลก่อนและหลังเสริมจมูกอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผลลัพธ์ของการผ่าตัดออกมาดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น
เสริมจมูกเป็นการผ่าตัดเพื่อปรับรูปร่างหรือขนาดของจมูก มีทั้งแบบเปิดและแบบปิด ควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและตรวจสอบผลงานก่อนตัดสินใจ การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ควรงดบุหรี่และแอลกอฮอล์ หยุดใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in