Rating: Explicit
Archive Warning (s) : None
Fandom (s) : TOMORROW X TOGETHER
Categories: M/M
Relationship: YEONJUN/SOOBIN
Characters: YEONJUN, SOOBIN
Work Title: Remember Me
Notes: PWP อีกแล้วแม่ 555555555555555555
Warning: PWP, Explicit Content, ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนอายุต่ำว่า 18 ปี
Disclaimer: บทความนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด และไม่มีเจตนาสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงที่ถูกกล่าวถึงใด ๆ ทั้งสิ้น
Remember Me
YEONJUN/SOOBIN
หากใครถามซูบินว่า บรั่นดียี่ห้อไหนดีที่สุด เขาย่อมตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า บรั่นดีจากปากของยอนจุนนั่นแหละ คือที่สุดของสุราทั้งปวงแล้ว
แก้วใสบรรจุของเหลวสีอำพันวางลงตรงหน้าชายหนุ่มที่เพิ่งนั่งลงได้ไม่ถึงห้านาที ชเวยอนจุนไม่ได้สั่งอะไรเป็นพิเศษเพียงแต่บอกบาร์เทนเดอร์ว่าขอค็อกเทลดี ๆ สักแก้วที่คิดว่าเหมาะกับลูกค้าอย่างเขาในคืนนี้ คังแทฮยอนเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายจึงไม่ได้ถามเพิ่มเติมอีก แต่เมื่อสิ่งที่วางลงตรงหน้าดูไม่มีอะไรมากกว่าแค่บรั่นดีเพียว ๆ ในแก้วทรงเตี้ยที่น้ำแข็งก้อนกลมใหญ่เกือบเท่าแก้วกำลังกลิ้งกระทบขอบแก้วเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊งเหมือนกระดิ่งลมเคล้าเสียงดนตรีแจ๊ซจากนักดนตรีบนยกพื้นข้างบาร์ ยอนจุนก็อดมองหน้าคนชงไม่ได้
“ไม่ชงอะไรให้หน่อยหรือไง”
คังแทฮยอนใช้ผ้าเช็ดปากแก้วเปล่าใบหนึ่งขณะเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “พี่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากกินอะไร ผมจะไปรู้ได้ยัง”
“ก็บอกว่าอะไรที่น่าจะเหมาะกับฉันวันนี้”
แทฮยอนหรี่ตามองเขา “วันนี้พี่ดูไม่มีชีวิตชีวาเกินไป กินเพียวไปเถอะครับ ไม่แย่นักหรอก นาน ๆ คืนสู่สามัญบ้างก็ดี”
ยอนจุนเบะปากเพราะเถียงบาร์เทนเดอร์ตรงหน้าไม่ได้ คังแทฮยอนก็เป็นแบบนี้ เถียงเก่งเสียเหลือเกิน
สุดท้ายเพราะบทสนทนาอันยืดยาวแต่หาสาระไม่ได้นั้น ยอนจุนจึงคอแห้งจนต้องยกเครื่องดื่มเดียวที่มีตรงหน้าขึ้นมาดื่ม
สัมผัสของบรั่นดีอย่างเดียวนั้นแสนจะบาดคอแต่ก็ทำให้ตาสว่างขึ้นมาโดยพลัน ยอนจุนถอนหายใจยาวตอนวางแก้วกลับลงบนโต๊ะอีกครั้ง แล้วแทฮยอนที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปแล้ว
เขาหันซ้ายหันขวามองหาคู่สนทนาเพียงคนเดียว จึงพบว่าบาร์เทนเดอร์หนุ่มเดินห่างออกไปรับลูกค้าที่ทางซ้ายของบาร์ ยอนจุนได้ยินบทสนทนาไม่ชัดนักเพราะเสียงเชลโล่กับเปียโนดังกลบไปพอสมควร แต่เสี้ยวหน้าด้านข้างของลูกค้าคนนั้นก็ทำให้เขาเผลอหลุดเรียกอีกฝ่ายไป
อาจเพราะความขมบาดคอของบรั่นดีแก้วนั้นก็ได้ ทำให้ยอนจุนเกิดลูกบ้าขึ้นมา
“ซูบิน?”
เสียงที่ผ่านคอออกไปดังกว่าที่คาด แทฮยอนหันมามองเขา รวมถึงเจ้าของชื่อด้วย
แววตาประหลาดใจฉายชัดบนแก้วตาสีดำใส คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนซูบินจะแย้มยิ้มน้อย ๆ จนเกิดรอยบุ๋มข้างแก้ม แล้วลุกจากเก้าอี้สตูลตรงที่ตัวเองนั่งเปลี่ยนมาเป็นที่ข้างเขา
แทฮยอนตามมาชงค็อกเทลตรงหน้าพวกเขา แต่ยอนจุนไม่ได้สนใจนัก เพราะมันไม่ใช่เครื่องดื่มของเขา และคนข้าง ๆ น่าสนใจกว่ามากเลย
“กลับมาจากอเมริกาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่ยอนจุน”
คำถามแรกพาให้ความทรงจำและความรู้สึกหลากหลายท่วมท้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ก็เดือนนึงได้แล้ว เปื่อย ๆ น่ะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ”
“อืม”
“พี่ดูดีขึ้นนะ”
ยอนจุนเลิกคิ้ว “พี่ในความทรงจำของเธอเป็นยังไงถึงพูดแบบนั้นกัน”
ซูบินหัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะใสพอ ๆ กับน้ำแข็งกระทบแก้วที่ยอนจุนเคยได้ยินก่อนหน้านี้
“เนิร์ดคนหนึ่งที่ดูไม่สนใจอะไรมากไปกว่าบทเรียนน่ะครับ”
“แล้วมันแย่หรือไง”
“เปล่าหรอก” ซูบินส่ายศีรษะช้า ๆ “เพราะตอนนั้นผมก็ชอบพี่อยู่”
ตอนนั้น
ยอนจุนได้ยินคำสำคัญนั้นชัดเจนเต็มสองหู เขาเสยกแก้วเหล้าตัวเองขึ้นจิบอีกรอบก่อนเอ่ยต่อ
“แล้วเป็นไงเรา บอกแต่ว่าพี่ดูดีขึ้น ตัวเองก็เอาเรื่องอยู่นะ” ยอนจุนว่าพลางกวาดสายตามองคนข้าง ๆ ชเวซูบินผู้ไม่ค่อยแต่งตัวในอดีตหายไปแล้ว กลายเป็นชายหนุ่มผู้รู้จุดเด่นของตัวเอง สวมกางเกงอวดช่วงขาเรียวยาว เอาเสื้อทับในอวดเอวเพรียว
พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น ซูบินก็ยิ้มตอบ
“ก็พี่แต่งตัวเก่งนี่นา ผมก็อยากลองทำตามบ้าง”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะตอนที่แทฮยอนเสิร์ฟค็อกเทลของซูบินลงตรงหน้า ยอนจุนฟังคำอธิบายค็อกเทลผ่าน ๆ ยกเว้นชื่อที่ทำให้เขาต้องหันไปมองหน้าคนสั่งอีกรอบ
Remember Me
จนเมื่อแทฮยอนเดินห่างออกไป เขาจึงเอ่ยถามออกมา
“ช่วงนี้ไม่มีแฟนเหรอ ถึงออกมาคนเดียว”
ซูบินจิบค็อกเทลเล็กน้อย ยอนจุนเห็นริมฝีปากอิ่มสวยคู่นั้นเลอะเกลือที่โรยอยู่ตรงปากแก้ว “เลิกกันได้หลายอาทิตย์แล้วครับ พี่ล่ะ”
ยอนจุนยักไหล่ “โสดมาเป็นเดือน ๆ แล้วเหมือนกัน”
คำพูดต่อมาทำให้ยอนจุนที่ทำท่าไม่ยี่หระอะไรถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ
“…งั้นคืนนี้ อยู่ด้วยกันไหมครับ”
ซูบินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ประกายนัยน์ตาคาดหวังเต็มเปี่ยม
แล้วยัง... ยอนจุนเหลือบมองมือขาวที่วางลงตรงหน้าขาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ซูบินขยับเข้ามาใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน ยอนจุนไม่รู้ตัวเลย
“เมาแล้วหรือไง”
ซูบินส่ายหน้า “กินไปยังไม่ถึงครึ่งแก้ว เอาอะไรมาเมาล่ะครับ”
“เป็นคนตรงไปตรงมาไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ชีวิตไม่ได้มีเวลาให้อ้อมค้อมมากหรอกครับ” ซูบินว่า “ผมเปิดห้องอยู่ข้างบนนะ ขอผมหมดแก้วนี้แล้วไปกันเถอะ อยากอยู่กับพี่จะแย่แล้ว”
คำพูดเหล่านั้นพาให้ผิวแก้มของคนฟังร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ขณะที่คนพูดพูดจบก็ผละมือออกจากขาเขากลับไปสนใจค็อกเทลตรงหน้าต่อ ยอนจุนมองตามเสี้ยวหน้าด้านข้างที่กำลังจดจ่อกับเครื่องดื่มอย่างพิศวง
ชเวซูบินเป็นคนตรงไปตรงมาที่อ่านยากที่สุดในโลกจริง ๆ
ยอนจุนกับซูบินเคยคบกัน เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย จะเรียกว่าเป็นช่วงค้นหาตัวเองก็คงไม่ผิด พวกเขาลองจูบกับผู้ชายเป็นครั้งแรก และมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ชายด้วยกัน -- ก็คือกันและกัน -- ในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่ก็ห่างหายกันไปเพราะยอนจุนไปเรียนต่อที่อเมริกา ส่วนซูบินก็ใช้ชีวิตอย่างผู้ชายเกาหลีที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ รสนิยมทางเพศของตัวเองต่อไป
เพราะไม่ได้เลิกกันแบบตัดขาดความสัมพันธ์ และต่างก็เติบโตขึ้นกันมากแล้ว พอกลับมาเจอกัน ยอนจุนจึงพบว่า ตัวเองไม่ได้เลิกรักซูบินไปเสียทีเดียว ซูบินในตอนนี้ยังคงมีเสน่ห์แบบที่ตัวเขาสมัยมัธยมละสายตาไม่ได้ และทวีคูณอะไรบางอย่างที่ทำให้ยอนจุนรู้สึกเหมือนซูบินคนนี้อันตรายกว่าคนที่เขาเคยรู้จัก
ห้องพักของซูบินเป็นห้องเตียงเดี่ยวห้องหนึ่งของโรงแรม ทันทีที่ประตูห้องปิดลงก็ราวกับเป็นสัญญาณเริ่มต้น ซูบินพุ่งตรงเข้ามาหาเขา กดจูบและไล้เลียริมฝีปากราวกับหิวกระหาย น่าสงสัยว่าเครื่องดื่มที่ดื่มไปก่อนหน้านี้ผ่านไปเข้าในร่างกายเจ้าตัวจริง ๆ หรือไม่ ถึงได้พยายามตักตวงจากภายในปากของยอนจุนไม่หยุดจนคนอายุมากกว่าต้องเป็นฝ่ายรุกไล่กลับบ้างเพื่อปรับจังหวะหายใจ ชเวซูบินคล้องแขนอยู่หลังคอของเขา ร่างกายแนบชิดกันแม้จะมีเสื้อผ้ากั้น แต่ปลายนิ้วของยอนจุนบีบเคล้นเอวบางของคนตรงหน้าไปมาผ่านเสื้อเชิ้ตแล้วค่อย ๆ ดึงชายเสื้อออกอย่างระมัดระวัง ตราบเมื่อสัมผัสได้ถึงผิวเนียนนุ่มใต้เสื้อตัวนั้น เขาจึงได้ยินเสียงลมหายใจของซูบินชะงัก
แต่เพียงครู่เดียว ซูบินก็รุกจูบเขาอีกครั้ง ยอนจุนจึงหันกลับไปสนใจสัมผัสที่ริมฝีปากตัวเอง ปล่อยให้ฝ่ามือทำตามสัญชาตญาณ ไล่สัมผัสผิวใต้ร่มผ้านั้นอย่างระมัดระวัง บรรจงเคล้นคลึงผิวกายเย็น ๆ ตัดกับลมหายใจอุ่นร้อนของเจ้าของห้องที่กระทบผิวหน้าเขาอยู่ ซูบินรุกจูบจนดันให้ยอนจุนนั่งลงบนเตียง ขณะที่ตัวเองนั่งลงบนตักเขาแล้วไล่จูบซับสันกรามของยอนจุนไปมาเหมือนกำลังคลอเคลีย
“…ตกใจอยู่นะ”
ซูบินหัวเราะเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“ผมเหมือนจะกินพี่เข้าไปเลยใช่ไหม”
เขาพยักหน้า ซูบินยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม
“พี่รู้ไหม” ซูบินพึมพำ กดริมฝีปากบนกลีบปากเขาซ้ำอีกครั้ง “ผมเพิ่งรู้ว่าเหล้าเพียว ๆ ก็รสชาติดีทีเดียว พอมันอยู่บนปากพี่”
“…ใครสอนให้พูดแบบนี้กันเนี่ย”
ยอนจุนพึมพำก่อนจะช้อนร่างคนที่นั่งตักให้ลงนอนบนเตียงแล้วขึ้นไปคร่อมไว้ ซูบินดูสนุกเมื่อเขาทำแบบนั้น ยอนจุนจึงกดจูบลงที่ปลายจมูกนั่นแรง ๆ อย่างมันเขี้ยว
“วันนี้จะอยู่ด้วยกันทั้งคืนเลย พี่สัญญา”
ซูบินยิ้มมุมปาก “ผมจะรอดูว่าพี่จะอยู่ได้ทั้งคืนอย่างปากว่าจริงไหม”
ราวกับคำท้าทายไปกระตุกต่อมอะไรสักอย่างของยอนจุนเข้า คนเป็นพี่จึงตะโบมกดจูบลงบนริมฝีปากอิ่มคู่นั้นอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงหอบหายใจของคนใต้ร่างเป็นช่วง ๆ เมื่อผละริมฝีปากออก ร่างกายท่อนบนของเจ้าของห้องเปลือยเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ยอนจุนเองก็ไม่รู้ว่าเสื้อตัวเองหายไปตอนไหนเช่นกัน แต่รู้สึกตัวอีกทีตัวเขาก็กำลังกดจูบซับผิวเหนือแอ่งสะดือของชายหนุ่มผิวขาวจัดตรงหน้าอยู่
เสียงลมหายใจของซูบินดังก้องห้องพัก ยอนจุนผละสายตาจากหน้าท้องขาวบางขึ้นไปมองใบหน้าของคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ ผิวแก้มขาวของซูบินเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ หากสัมผัสชีพจรตอนนี้คงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหัวใจอีกฝ่ายเต้นเร็วและแรงแค่ไหน
แต่ยอนจุนก็ไม่ต่างกัน
เขาแกล้งเป่าลมหายใจใส่หน้าท้องขาวนั่นอีกรอบให้อีกฝ่ายเกร็งจนเผลอแขม่วมันเล่น หลุดหัวเราะคิกคักเมื่อรู้สึกได้ว่าคนที่นอนอยู่เริ่มใจร้อน ขายาวใต้กางเกงสแล็กเลื่อนมาใกล้ ยกเท้าสะกิดแถวเป้ากางเกงเขาเบา ๆ ยอนจุนยกมือปิดปาก ทั้งขำทั้งเขิน
“มันต้องขนาดนี้เลยหรือไง ซูบินอา”
“พี่ก็อย่าลีลาได้ไหมล่ะครับ” เจ้าของชื่อมุ่ยหน้า “ลีลาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก”
จริงอย่างที่ซูบินว่า แต่ยอนจุนก็แค่อยากแกล้งอีกฝ่ายเท่านั้น และซูบินคงจับทางทันเลยรีบเร่งให้เขาเลิกลีลาเสียที
ยอนจุนตอบรับคำเร่งเร้านั้นด้วยปลายนิ้วที่เลื่อนเกลี่ยวนรอบแอ่งสะดือขาวไล้ต่ำลงมาจนถึงตะขอกางเกง เขาปลดมันออกอย่างบรรจง ก้มลงใช้ฟันกัดปลายซิปกางเกงรูดลงมาอย่างใจเย็น ได้ยินเสียงขบกรามจากคนด้านบนดังขึ้นมา ก่อนที่สองมือจะรูดรั้งกางเกงให้มากองตรงหน้าขา
“...แล้วทำไมพี่ไม่ถอดไปเลย”
“ก็มันเซ็กซี่กว่า”
“…”
สองมือดันต้นขาคนที่นอนอยู่ให้แยกออกจากกัน ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะก้มลงสัมผัสส่วนที่ตื่นตัวขึ้นมาผ่านกางเกงชั้นใน ซูบินเชิดหน้าขึ้นด้วยความเสียดเสียว เขารู้สึกได้ถึงปลายชิ้นชื้นแฉะและริมฝีปากนุ่มหยุ่นของอีกคนที่สัมผัสร่างของเขาผ่านผ้าผืนบาง ชเวยอนจุนเล้าโลมเขาแต่ไม่สัมผัสตรง ๆ สักที ซูบินใกล้แตะฝั่งหลายครั้งแต่ยอนจุนก็กระชากเขากลับมาทุกครั้ง
เขายื่นมือไปกระชากผมอีกฝ่ายขึ้นมาเบา ๆ ชเวยอนจุนที่กำลังเพลิดเพลินกับหว่างขาเขาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
ซูบินรู้ตัวทันทีว่าหลงกลเข้าให้แล้ว
ถ้ารีบร้อนนักก็ทำเองเลยสิ แววตาของชเวยอนจุนบอกแบบนั้น
ซูบินยิ้มมุมปาก “พี่ขึ้นมา”
ยอนจุนรีบคลานขึ้นมานอนข้างเขาทันทีเหมือนรอคำนี้อยู่แล้ว ซูบินพรูลมหายใจ ความรู้สึกวาบหวามยังหลงเหลืออยู่บ้างแต่ความมึนเมาจากแอลกอฮอลล์หายไปนานแล้ว
ซูบินยกขาถอดกางเกงทั้งหมดทิ้งอย่างไม่ไยดี ก่อนจะวาดขาคร่อมคนที่เปลี่ยนท่ามาเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง
ยอนจุนเอื้อมมือมาจับต้นขาเขา สายตาบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังชื่นชม
ซูบินคุกเข่าคร่อมอยู่เหนือกลางลำตัวอีกฝ่าย แต่ไม่ยอมทิ้งตัวลงนั่ง เขาขยับขึ้นไป ก้มศีรษะลงราวกับจะจูบอีกคน แต่ทำเพียงวางหน้าผากให้สัมผัสกันเท่านั้น
“ถ้าพี่จะเล่นแบบนี้” ซูบินพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “ผมก็ไม่ได้ติดอะไรหรอกนะครับ” ก่อนที่มือข้างหนึ่งของเขาจะคว้าไหล่ของยอนจุนต่างหลักยึด มืออีกข้างที่ว่างเลื่อนมาจับกรอบหน้าอีกคน ปลายนิ้วโป้งไล้ริมฝีปากล่างของยอนจุนก่อนจะสอดแทรกเข้าไปเป็นเชิงขออนุญาต ซูบินสอดนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าไปในโพรงปากของยอนจุน สัมผัสความอุ่นชื้นและปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อกับปลายนิ้วเขาทั้งที่สายตายังประสานกันอยู่ เขาค่อย ๆ ถอนนิ้วออกจากปากอีกฝ่าย แล้วเปลี่ยนมาสอดมันเข้าไปช่องทางด้านล่างของตัวเองแทน
ยอนจุนตาโต
ซูบินไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายพูดอะไร เขาก้มลงกดจูบลงกลีบปากชื้นแฉะนั้น ขณะที่มืออีกข้างไล้ตามแนวไหปลาร้าคนที่นอนอยู่อยากหยอกเย้า นิ้วทั้งสองก็ปรนเปรอช่องทางของตัวเองไปด้วย เสียงหอบหายใจของเขาดังผะแผ่วอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงหายใจติดขัดของยอนจุนดังมาเป็นระลอก
ก็อยากลีลานัก ซูบินก็จะเล่นให้เต็มที่ไปเลย
ชเวยอนจุนตอนนี้เหมือนคนโง่ ไม่รู้แล้วว่าควรวางมือไว้ตรงไหน ซูบินหยอกล้อกับริมฝีปากเขาราวกับมันเป็นตาน้ำผุดกลางทะเลทรายแห้งแล้งที่ตักตวงได้ไม่สิ้นสุด หรือไม่ลิ้นของอีกฝ่ายก็คงเปลี่ยนให้ต่อมน้ำลายของเขากลายเป็นไวน์ได้ ไม่อย่างนั้นซูบินคงไม่ทำท่าราวกับมัวเมาในรสชาติของมันขนาดนี้
มือข้างหนึ่งของยอนจุนบีบนวดหน้าขาคนที่ยังคุกเข่าคร่อมเขาแต่ไม่ยอมทิ้งตัวลงมา เลื่อนขึ้นไปบีบสะโพกนิ่ม ทุกครั้งที่ปลายนิ้วเฉียดสัมผัสกับนิ้วของอีกคนก็รู้สึกอยากเป็นฝ่ายเข้าไปสำรวจปากทางนั้นบ้าง แต่เพราะซูบินยังไม่อนุญาตจึงทำได้เพียงแสดงความรู้สึกนั้นผ่านการสอดแทรกปลายลิ้นสำรวจโพรงปากอุ่นของอีกฝ่ายแทน มืออีกข้างค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอีกฝ่ายทีละเม็ด ผิวขาวผุดผาดกระจ่างแก่สายตา เขาเลื่อนมือไปสะกิดปลายยอดนุ่มนิ่มของอีกคนเพื่อเร้าความรู้สึก สัมผัสได้ว่าซูบินสะท้านขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง จนต้องผละริมฝีปากออกมามองหน้าเขา
“ทำไมชอบแกล้ง”
“...เธอก็แกล้งพี่อยู่เหมือนกันนะ”
"ก็พี่ลีลา"
“ก็อยากใช้เวลาอยู่กับเธอนาน ๆ” เขาว่าอย่างออดอ้อน ยื่นจมูกไปถูไถปลายจมูกอีกคน “ไม่ชอบเหรอครับ”
ซูบินหัวเราะในคอ “พี่ก็แบบนี้ทุกที”
"ทำไม"
“ปากหวาน"
“จริงเหรอ”
"ก็ชิมแล้ว หวานจริง”
ไม่พูดเปล่า ยังยื่นหน้ามากดจูบเขาอีกรอบเพื่อย้ำคำพูดตัวเองด้วย
ยอนจุนปล่อยให้ซูบินทำตามใจตัวเอง เพราะเขาก็จะทำแบบนั้นเช่นกัน
มือข้างที่ลูบไล้ผิวกายขาวใต้เสื้อเชิ้ตเลื่อนไปบีบเคล้นเอวบางไปมา ก่อนจะเลื่อนไปสัมผัสแก่นกายของคนที่เอาแต่ปรนเปรอช่องทางด้านหลังตัวเอง ชักรูดจนซูบินส่งเสียงครางแผ่วออกมา ยอนจุนมองหางตาที่มีน้ำตาคลอหน่วงนั้นอย่างเอ็นดู แต่มือข้างนั้นก็ไม่หยุดสัมผัสศูนย์กลางอารมณ์ของเจ้าตัว ส่วนอีกข้างก็เค้นเนื้อสะโพกนุ่มนั้นไม่หยุด
มือซูบินที่เคยหยอกล้อกับไหปลาร้าของเขาเปลี่ยนมาเกาะไหล่แน่น อีกฝ่ายหอบหายใจแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ยอนจุนขยับ ซูบินก้มหน้าราวกับกำลังรวบรวมสติ ยอนจุนจึงก้มไปมองหน้าอีกฝ่ายบ้าง เขาเห็นซูบินขมวดคิ้ว หลับตาแน่น น้ำตาซึมอยู่ตรงหางตา ริมฝีปากอ้าออกตักตวงอากาศหายใจอย่างยากลำบาก
“ก้มทำไมล่ะครับ” ยอนจุนถาม ใช้ปลายจมูกเกลี่ยคางอีกฝ่ายให้เชิดหน้าขึ้นมา “ทำเหมือนพี่ไม่เคยเห็นไปได้”
ซูบินลืมตามองเขา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่คำพูดเหล่านั้นก็กลืนหายไปในคอเมื่อยอนจุนเพิ่มความเร็วข้อมือ
มือข้างที่เคยจับไหล่ยอนจุนเปลี่ยนมาคล้องคอ หน้าผากทิ้งตัวลงซบกับหน้าผากของยอนจุนอย่างไร้แรงต่อต้าน เสียงครางอื้ออึงและลมหายใจหอบดังอยู่ข้างหู ยอนจุนปัดมือซูบินที่ปรนเปรอช่องทางด้านหลังตัวเองออกแล้วเปลี่ยนเป็นฝ่ายสัมผัสมันแทน คนอายุน้อยกว่าสะท้านเฮือก น้ำตาไหลอาบแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อ ยอนจุนขยับมือเร็วขึ้นอีกกระทั่งซูบินสะท้านไปทั้งร่าง ของเหลวสีขาวพวยพุ่งออกมา แต่ยอนจุนยังคงขยับมือทั้งสองข้างอยู่จนกระทั่งร่างที่สั่นกระตุกค่อย ๆ สงบลง ยอนจุนค่อย ๆ จูบซับริมฝีปากอิ่มที่สั่นระริกนั้นราวกำลังปลอมประโลม
ลมหายใจของซูบินค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ มือที่อยู่หลังคอยอนจุนเปลี่ยนมาเป็นนวดวนเบา ๆ ราวกับออดอ้อน และทิ้งร่างลงบนตักเขาอย่างหมดแรง
“หมดแรงแล้วเหรอครับ” ยอนจุนถาม
ซูบินพรูลมหายใจ “ขอเวลาแป๊บนึงครับ” เจ้าตัวหายใจเข้าออกช้า ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องหน้าเขาอีกรอบ “โอเค ต่อได้เลย”
“เธอทำเหมือนเราแข่งกันอยู่”
“เปล่าสักหน่อย” ว่าพลางทิ้งตัวลงนอนแผ่กับเตียง “คราวนี้พี่ทำเลยนะ ผมขอนอนเฉย ๆ”
"พี่ก็ทำตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา"
"ก็ถ้าพี่ไม่แกล้งผมเมื่อกี้ ผมก็จะทำให้อยู่หรอก”
ยอนจุนหัวเราะ ไม่ปฏิเสธเรื่องที่แกล้งอีกคนจริง ๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นคนคุกเข่าคร่อมคนที่นอนอยู่บ้าง เขาเอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัย ตรงหน้าคือซูบินที่เหลือเพียงเชิ้ตตัวเดียว สภาพยุ่งเหยิงทั้งผมเผ้าที่ไม่เป็นทรง ผิวแก้มยังแดงเรื่อ ริมฝีปากบวมเจ่อ ตามเนื้อตัวไม่ได้มีร่องรอยอะไรมากนักแต่แค่นี้ก็เพียงพอให้คนมองรู้สึกร้อนผ่าว
“ตาพี่บ้างนะครับ” เขาว่าพลางปลดเข็มขัดตัวเองออก
นาฬิกาที่หัวเตียงบอกเวลา 01:04 น.
ชเวซูบินมองมันแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากส่งเสียงเครือจากลำคอแหบแห้งของตัวเอง ถ้าตีหนึ่งแปลว่าตอนนี้ก็สามชั่วโมงเข้าไปแล้วที่เขาอยู่กับชเวยอนจุน
และจำไม่ได้แล้วด้วยว่าเสร็จกันไปกี่ครั้ง แต่ตอนนี้...
ร่างกายช่วงบนของซูบินทิ้งตัวอยู่กับเตียง เขาตะแคงใบหน้ามองเห็นนาฬิกาอยู่ไกล ๆ แต่สะโพกยังลอยเด่นเพราะอีกคนจับยึดไว้ เขายังคุกเข่าอยู่กับเตียง ขณะที่ชเวยอนจุนยังขยับสะโพกกระทั้นกายเข้าหาเขาเบา ๆ ราวกับหยอกล้ออยู่
ซูบินจำได้ราง ๆ ว่าได้ยินยอนจุนบ่นเรื่องถุงยางอนามัยหมด แต่เขาไม่แน่ใจกว่ากล่องใหม่หรือกล่องเดิม แต่มันไม่ใช่ว่าต่างฝ่ายต่างเสร็จเร็วอะไรหรอก แต่ชเวยอนจุนชอบแกล้งเขาเนี่ยสิ!
กว่าจะเสร็จแต่ละครั้งนานเหลือเกิน หยอกอยู่ได้ เป็นแมวหยอกเหยื่อหรือไง
“หมดแรงแล้วเหรอครับ” เสียงกระซิบเบา ๆ ดังขึ้นข้างหู ซูบินหรี่ตามองแววตาเป็นประกายเหมือนจิ้งจอกของคนพูด
"จบรอบนี้ก็พอเถอะครับ ผมจะตายแล้วจริง ๆ”
ยอนจุนหัวเราะ “ได้ครับ ๆ”
ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นจนซูบินเผลอเกร็งไปทั้งร่าง ยอนจุนคร่อมทับร่างเขา มือยึดเอวเขาไว้แน่นแล้วกระทั้นกายเข้ามาเป็นจังหวะถี่ขึ้น ซูบินหอบหายใจหนักขึ้นทุกครั้งที่อีกฝ่ายสัมผัสจุดกระสัน ก่อนที่ทุกอย่างจะระเบิดออกอีกครั้ง ยอนจุนถอนกายออกไปและกดจูบซับไปทั่วร่างเขาอย่างเอาอกเอาใจ
“ขอ...น้ำ...”
พอเขาพูดแบบนั้น ยอนจุนก็รีบไปรินน้ำมาให้ทันที ซูบินค่อย ๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่งพิงเตียง สะโพกร้าวระบมไปหมด รู้สึกเหมือนโดนซ้อมมาก็ไม่ปาน
เขารับน้ำจากยอนจุนมายกขึ้นจิบ เห็นอีกฝ่ายนั่งมองเขาอยู่ตรงข้างเตียงด้วยสีหน้าเหมือนกำลังจะงอแง
“...อะไรครับ”
“ซูบินเจ็บเหรอ กินยาแก้ปวดไหม เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้”
ซูบินส่ายหน้า “ในกระเป๋าผมมีครับ หยิบให้หน่อย”
ยอนจุนกระวีกระวาดหายาแก้ปวดในกระเป๋าเขาให้ทันที แกะให้เขาเรียบร้อยเสียด้วย
ซูบินกินยาเสร็จก็มองคนที่นั่งเรียบร้อยมองหน้าเขา ราวกับคนละคนกับที่เพิ่งเคี่ยวกรำเขาอย่างหนักไป
“ผมแค่เหนื่อย ๆ ถ้าพี่ไม่เพลียมากก็ฝาก...” เขากวาดตามองร่องรอยเลอะเทอะที่ต่างทำไว้แล้วก็ถอนหายใจ “นั่นแหละครับ"
“ได้ครับ” ยอนจุนขยับมาหยิบแก้วน้ำออกจากมือเขา กดจูบที่หน้าผากเบา ๆ “เธอหลับก่อนก็ได้ จะตื่นกี่โมงครับ”
“ตื่นสายได้ครับ พรุ่งนี้หยุด”
“…ถ้าไม่หยุดก็คงได้ลาป่วย”
“ถ้าไม่หยุดผมไม่ยอมพี่ขนาดนี้หรอกครับ"
เขาทำหน้ามุ่ยคืนบ้าง ยอนจุนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ใส่เขาอีกรอบ
“ขอโทษครับ”
เป็นเด็กน้อยหรือไง
“ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย” เขาว่า ทิ้งตัวลงนอน “จัดการเสร็จแล้วก็เรียกผมหน่อย คืนนี้อยากอยู่ด้วยกันยาว ๆ ไง ผมก็อยากนอนพร้อมพี่บ้าง”
คำพูดนั้นทำเอาคนฟังหน้าแดงหูแดงขึ้นมาเสียอย่างนั้น ก่อนที่ยอนจุนจะกุลีกุจอเก็บกวาดห้อง แล้วซูบินก็จมลงสู่ห้วงนิทราเพราะความอ่อนเพลียอย่างรวดเร็ว
ซูบินรู้สึกตัวอีกทีตอนที่รู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่หัวไหล่ เป็นชเวยอนจุนที่กอดเขาจากด้านหลัง แผ่นหลังเขาแนบชิดกับแผ่นอกอีกฝ่าย ได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่เบา ๆ
“ซูบินอา”
“ครับ? ”
“กลับมาคบกันไหม”
คนพูดพูดไปก็ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผมข้างศีรษะเขาไปมา ซูบินพลิกกายหันกลับมามองคนพูด ยอนจุนนอนตะแคงเท้าศีรษะกับฝ่ามือมองเขาอยู่
“คราวก่อนเราเลิกกันเพราะอะไรนะครับ”
“พี่ไปเรียนต่อ ส่วนเธอก็...” ยอนจุนกลืนน้ำลาย “ทะเลาะกับที่บ้านเรื่องเป็นเกย์”
“ตอนนี้พี่ทำงานอะไร”
“…เป็นอาจารย์”
ซูบินอ้าปากค้าง
“จริงเหรอ"
“…ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
“ผมแค่” ซูบินเม้มริมฝีปาก ก่อนพูดด้วยแววตาเป็นประกาย “สมัยพี่เป็นเนิร์ด ผมก็เคยคิดว่าถ้าพี่เป็นอาจารย์ต้องหล่อมากแน่เลย แบบพวกอาจารย์ฮ็อต ๆ ที่นักศึกษา––”
ยอนจุนยกมือปิดปากอีกฝ่ายทันที “...เธอนี่นะ”
ซูบินหัวเราะ “แล้วไม่ถามหรือไงว่าผมทำงานอะไร”
“โห” ยอนจุนกลอกตา “ใครไม่เคยเห็นหน้าเธอบ้าง คุณนายแบบหนุ่มอนาคตไกล ชเวซูบิน”
คนฟังหัวเราะ
“แต่ก็สมเป็นนายแบบ” ยอนจุนไล้มือตามช่วงเอวบาง “หุ่นดีเชียว”
“ก็นะ” นายแบบหนุ่มยักไหล่ “ได้โชว์ให้พี่เห็นก็คุ้มแล้ว”
“แล้วยังไง” ยอนจุนกลับมาเรื่องเดิม “อยากกลับมาคบกันหรือเปล่าครับ”
“ติดใจล่ะสิ”
“นึกภาพเธอไปซนแบบนี้กับคนอื่นแล้วพี่ลมจะจับนะ เอาจริง ๆ”
“พูดจาเหมือนลุงอะ”
“ก็พี่เป็นอาจารย์”
ซูบินกะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยเสียงนุ่ม
“อาจารย์ครับ”
“…”
ยอนจุนยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง
“พี่ขี้เขินจริง ๆ ไม่เหมือนเวลามีอะไรกันเลย อย่างกับคนละคน”
“…เอาล่ะ” ยอนจุนตีหน้าตัวเองเบา ๆ “ตกลงว่า? ”
“คาดคั้นจังเลย"
“ไม่อยากเหรอ” ซูบินรู้สึกเหมือนเห็นหูแมวลู่ลง “ถ้าไม่อยากจะได้ไม่สานต่อแล้ว พี่ก็ไม่อยากให้เธอลำบากใจ”
“ผมยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลย” ซูบินว่า “แค่คิดว่ากลับมาคุยกันก่อนไหมครับ สักเดือนนึง ถ้าโอเคก็กลับมาคบ เราห่างกันไปนานมากเลยนะ พี่ลืมหรือไง”
คำพูดนั้นเหมือนจุดปัญญาให้แมวตรงหน้าเขา ซูบินเหมือนเห็นหูแมวตั้งขึ้นมาอย่างดีใจ
“นั่นสินะ”
“อืม”
“ดีจัง” แล้วยอนจุนก็ทิ้งตัวลงทับเขา กอดรัดเขาไปมา “ดีจังเลย”
“พี่ พี่ เบา ๆ มันเจ็บ...”
ซูบินไม่รู้เหมือนกันว่ายอนจุนได้ยินเขาไหม
แต่เอาเถอะ อย่างน้อยที่วางแผนไว้ทั้งหมดก็สมปรารถนาแหละนะ
ย้อนกลับไปเมื่อวาน
“แทฮยอนบอกว่า พี่ยอนจุนกลับมาแล้ว" ชเวบอมกยู ผู้จัดการของซูบินบอกเขาที่กำลังเตรียมถ่ายงานวันนี้ “เอาไง”
“แล้วมาบอกตอนนี้เนี่ยนะ” ซูบินตาโต “คิดว่าจะเตรียมอะไรทัน"
“แล้วจะเตรียมอะไรมากมาย" บอมกยูก้มลงมากระซิบ "หาทางไปเจอเขาให้ได้ก็พอ อย่าลืมสิ พี่ยอนจุนเคยหลงนายขนาดไหน”
“…มันจะดีเหรอ ถ้าเขามีแฟนแล้ว"
"ไม่มี" บอมกยูยืนยัน “ฉันสืบมาแล้ว โสด สนิท เหมือนนาย”
“…"
“เอาเป็นว่าทำงานเสร็จก็ว่าง ลองไปบาร์ที่แทฮยอนทำงานอยู่แล้วกัน โรงแรม T น่ะ จำได้ใช่ไหม”
“…”
“ที่เหลือก็ใช้ความถนัดเฉพาะตัวเอาแล้วกัน ชเวซูบิน เชื่อเถอะ ตัวนายที่ทำเอาเนิร์ดอย่างชเวยอนจุนสนใจอย่างอื่นไม่ได้ไปเป็นเดือนน่ะ ของแค่นี้ไม่อยากหรอก”
บอมกยูอ่านขาดจริง ๆ
จะตอนนั้น หรือตอนนี้ พี่ยอนจุนก็ลืมเขาไม่ลงจริงด้วย ๆ
หรือพูดให้ถูกก็คือ ไม่เคยมีวันที่ลืมเขาเลยต่างหาก
ก็นะ
“Remember me.”
คือคำสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ให้ยอนจุนก่อนอีกฝ่ายจะบินไปอเมริกา
สำหรับเขามันคือคำอธิษฐานให้อีกฝ่ายไม่ลืมกัน แต่อีกนัยหนึ่ง อาจเป็นคำสั่งสำหรับชเวยอนจุนก็ได้
เช่นเดียวกับรสบรั่นดีจากปากของชเวยอนจุนที่เขาไม่มีวันลืม รสชาติเมื่อคืนแรกของพวกเขาตอนเรียนมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
หากใครถามซูบินว่า บรั่นดียี่ห้อไหนดีที่สุด เขาย่อมตอบได้เต็มปากเต็มคำว่า บรั่นดีจากปากของยอนจุนนั่นแหละ คือที่สุดของสุราทั้งปวงแล้ว
FIN
220604
เหมือนฟิคจะมาทุกวันหยุดราชการเลย--
ค่ะ ก็ อีกครั้งแล้วนะคะกับ pwp ถามว่าเขียนง่ายเหรอ ก็ไม่ แต่ก็...อยากเขียน /จริง ๆ คือเพิ่งเห็นว่ามันอยู่ในคอมมาหลายเดือนแล้ว เลยหยิบมาเขียนต่อ
ก็ ก็ไม่รู้จะพูดอะไร 5555555555555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in