157 คือจำนวนความสำเร็จ จากหมื่นล้านความพยายามที่อยู่เบื้องหลังด้วยเวลาเกือบ 5 ปีด้วยกัน ในที่สุดเอดินสัน คาวานี่ก็ได้ขึ้นแท่นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดการให้กับสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรที่แม้ในความจริงที่ว่าเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอล แต่ด้วยประวัติศาสตร์ ความด้อยประสพการณ์ในเวทียุโรป และยิ่งภาพลักษณ์ที่ใช้เงินฟุ้งเฟ้อ ม้นได้เปลี่ยนสโมสรฟุตบอลให้กลายเป็นซุ้มมือปืนรับจ้าง เหล่านักเตะที่นี่ถูกตราหน้าว่าคลั่งในอำนาจทุนนิยมและเงินตรา หาใครรักทีมได้จริงไม่มี
แต่คำกล่าวเหล่านั้นก็ใช้ไม่ได้กับเขา เอดินสัน คาวานี่อาจจะไม่ใช่นักเตะที่รักทีมมากที่สุด แต่ความพยายามและความจงรักภักดีต่อสโมสรในช่วงเวลาเกือบ 5 ปีนี้ของเขาก็เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าความรัก และความภักดีที่เขามีให้กับทีม มันยิ่งใหญ่เพียงใด เมื่อเทียบกับก้อนเงิน และความลำบากลำบนที่เจ้าตัวเจอมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่จรดปากกาเซ็นชื่อลงบนสัญญา
เอดินสัน คาวานี่กับการฉลองชัยกับเหล่าแฟนๆบนอัฒจันท์ (เครดิต : C.Gavelle)
จากนักเตะที่ถูกมองว่า 'หมดแล้ว' หลังจากออกจากนาโปลี เขาได้พิสูจน์มันอีกครั้งว่ามันไม่จริงเลยแม้แต่น้อยหากเรายังมีความพยายามและความอดทน มันเป็นเวลากว่า 3 ปีที่เขาต้องอยู่ใต้ร่มเงาของซลาตัน อิบราฮิมโมวิช (ที่กลายเป็นอดีตดาวยิงอันดับหนึ่งของสโมสรเรียบร้อยแล้ว) ถูกจับย้ายไปเล่นตำแหน่งที่ไม่ถนัดอย่างริมเส้นแม้จะกำลังอยู่ในช่วงพีคและเป็นถึงดาวซัลโวประจำลีกเซเรีย อาในปี 2012-2013 แต่ก็ไม่เคยถือตน อิดออด เขายังคงลงซ้อมและเล่นทุกๆเกมอย่างมานะ บากบั่น รอเวลาของตัวเองอย่างไม่คิดย้อท้อ และไม่เบียดเบียนใคร
ตลอด 3 ปีกับตำแหน่งปีกซ้าย คาวานี่ถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงจังหวะการจบสกอร์ที่ห่วยบรมเสียจนทำเอาคนพากษ์อารมณ์ค้างไปซะเฉยๆ หลายครั้งที่เขาไม่สามารถใช้โอกาสที่มีให้เกิดเป็นประตูได้ดังที่เคยกล่าวไว้แล้วใน
#Cavani ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น และหลายๆครั้งด้วยกันที่เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับอิบรา ทั้งบุคลิคและทัศนคติที่ถูกมองว่าด้อยกว่า หรือกระทั่งนิสัยส่วนตัวที่เจ้าตัวเป็นคนเงียบๆก็ถูกสื่อเสี้ยมอย่างหนักว่าอ่อนด้อยไปเสียหมด แม้จะไม่เคยมีพฤติกรรมแย่ๆนอกสนามมาก่อนจนดูไม่ยุติธรรมในหลายๆครั้งที่ถูกนำมาโจมตี แต่เขาก็เลือกที่จะเงียบและตั้งใจทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดในทุกๆวินาทีกับสโมสรแห่งนี้
ภาพการมอบมงให้กับราชาคนใหม่แห่งปารีส แซต์ แชร์กแมง (เครดิต : Bleacher Report)
และแม้จะเริ่มพิสูจน์ตัวเองได้หลังการจากไปของอิบราได้เพียงปีเดียว การมาของเนย์มาร์ จูเนียร์ ในฤดูกาลนี้เองที่ปฏอเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเหมือนบททดสอบความอดทนที่ยิ่งใหญ่กว่าจากพระเจ้าเบื้องบน แม้ในความเป็นจริงเขาไม่จำเป็นต้องทนก็ได้กับการตัดสินใจของอูไน เอเมรี่ ที่จู่ๆก็ให้การยิงลูกโทษที่แต่เดิมเป็นของเขากลายเป็นของเนย์มาร์ทั้งหมด มันถือเป็นการริดรอนสิทธิและผลประโยชน์บางประการที่เขาควรได้รับมาตลอด จนทุกคนตั้งข้อสงสัยว่าสรุปแล้วขีดจำกัดความอดทนของเขาอยู่ที่ขั้นใดกัน? ในเมื่อสุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็เลือกที่จะเคารพการตัดสินใจเหล่านั้น และทำหน้าที่ของตนเองต่อไปให้ดีที่สุด โดยไม่ปริปากบ่น คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของทีม ที่แม้จะตกเป็นจำเลยให้เหล่าแฟนๆหน้าใหม่ได้ด่ากันสนุกปากอย่างไร้ซึ่งการให้เกียรติทั้งในความเป็นนักบอล และมนุษย์
คุณจะหานักเตะที่ยอมสละตนขนาดนี้ได้อีกที่ไหน?
ท่านประธานนาซเซอร์ อัลเคไลฟี่กับการมอบรางวัลดาวซัลโวประจำทีมแก่เอดินสัน คาวานี่ (เครดิต : C.Gavelle)
« เอดินสัน คาวานี่ คือยอดนักเตะ สุดยอดกองหน้า และสุดยอดลูกผู้ชาย เราภูมิใจในตัวเขาคนที่สำคัญที่สุด เขาคือคนที่เข้ามาพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ไม่ได้สร้างขึ้นในวันสองวัน เขาคือคนที่ควรค่ากับสถิตินี้ »
นาซเซอร์ อัลเคไลฟี่ ประธานแห่งสโมสรปารีส แซงต์ แชร์กแมงให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังเกมเปิดบ้านขยี้มงต์เปลิเยร์ 4-0
« เราได้ทำสิ่งที่ดีสุดๆในการเซ็นคาวานี่เมื่อ 5 ปีก่อน ผมรู้สึกมีความสุขกับเขามากๆ และภูมิใจในตัวเขาจริงๆ เขาสมควรกับมันแล้วล่ะ เขาทำงานอย่างหนักมาก ๆ และหัวใจของเขาก็อยู่ที่ปารีส เราทุกคนมีความสุขกับเขา และไม่เคยคิดว่าเขาจะจากเราไปที่ไหน »
น้ำตาของลูกผู้ชาย มันมากพอที่จะบอกว่าสถิตินี้มันสำคัญกับเขามาเพียงใด (เครดิต : C.Gavelle)
ดาวยิงสูงสุดมันอาจจะเป็นรางวัลเดียวที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมงมอบให้เขาได้อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด และคงไม่มีใครที่สมควรได้รับมันมากไปกว่าเขา ผู้ที่แม้จะไม่ได้เพียบพร้อมในทุกๆด้าน แต่เขาได้แสดงด้านที่งดงามและจิตใจที่เข้มแข็ง ทั้งการเป็นนักกีฬาคนหนึ่ง และในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอย่างที่ใครๆก็ยากจะทำได้
บางครั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมงเองก็โชคดีเหลือเกินที่ได้นักเตะอย่างเขามาสอนคำว่า "ภักดี" ในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ได้ชื่อว่าซื้อใจนักเตะด้วยเงิน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in