DAY 02 - ALLERGY
สตีเฟ่นไม่ชอบแมว
StrangeHolmes Cat!Sherlock
ตอนเด็ก ๆ สตีเฟ่นแพ้ขนแมว
แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว
แม้อย่างนั้น หากเลือกได้ อดีตศัลยแพทย์ก็จะไม่เฉียดตัวเข้าไปใกล้แมว เขาไม่เคยคิดภาพว่าชีวิตนี้ตัวเองจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าสัตว์หน้าขนนี่ได้
สตีเฟ่นเจอวีรกรรมของแมวมาเยอะ ตอนประถมเขาเคยเดินกลับบ้านแล้วเผลอไปเหยียบหางแมวจรที่นอนหลับอยู่ข้างทาง มันเด้งตัวขึ้นมางับขาเขาจนเป็นแผลเหวอะ
โหดร้ายที่สุดครั้งหนึ่งก็คงจะเป็นตอนที่เขาอยู่มัธยมต้น เพื่อนกลุ่มหนึ่งถือกล่องของขวัญสีแดงสดมาให้ในวันคริสต์มาส และทันทีที่เขาเปิดมันออก ลูกแมวตัวเล็กก็พุ่งกระโจนออกมาจากกล่อง โชคดีีที่หัวใจของเขาแข็งแรงพอที่จะไม่หยุดเต้นตายไปตรงนั้น
แต่เจ้าเหมียวนั่นก็ได้ฝากรอยรักที่มีเลือดไหลซิบ ๆ เอาไว้ข้างแก้ม
สตีเฟ่นสาบานกับตัวเองว่าชีวิตนี้เขาจะไม่เฉียดเข้าใกล้แมวอีกแล้ว!
เหมือนฟ้าจะไม่เห็นใจ
หลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ซึ่งเป็นจุดพลิกผันให้ศัลยแพทย์มือทองอย่างเขาก้าวเดินเข้ามาสู่อีกด้านของโลก ด้านที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ
ภายในอาศรมนักเวทย์ช่างเงียบเหงาในแต่ละวัน แล้วมันก็ยังมีห้องว่างอีกมากมายที่สร้างขึ้นมาทิ้งไว้อย่างไร้ประโยชน์ (เหมือนใส่ ๆ มาให้อาศรมมันดูยิ่งใหญ่ไปงั้น ๆ)
ในที่สุดมันก็ถูกเปิดเช่า ด้วยความตั้งใจแรกที่คิดว่าจะเปิดรับผู้มีพลังวิเศษที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก พวกเขาเหล่านี้อาจจะเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น และสาบานเถอะว่ามันไม่ใช่ที่ที่มนุษย์ธรรมดาผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะเข้ามาเดินเล่นได้
มันน่าจะมีพวกกมีพลังวิเศษสักคนสองคนที่ต้องการห้องเช่าสิน่า
สตีเฟ่นคัดแล้วคัดอีกจากคนที่ติดต่อมา ในที่สุดเขาก็ได้มนุษย์ธรรมดามาคนหนึ่ง (...) แต่หลังจากที่คุยเจรจากันเรียบร้อย อีกฝ่ายก็ดูไม่ได้แตกตื่นอะไร อันที่จริงเขาคิดว่าเราเข้ากันได้ดีซะด้วยซ้ำ
ใครเลยจะรู้ว่า วันดีคืนดี เชอร์ล็อก โฮล์มส์จะกลายเป็นแมว
...
คือ... ถ้าเขายังเป็นพ่อมดได้ ถ้าบนโลกนี้มันจะมีคนที่กลายเป็นแมวได้ ก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง...
การกลายร่างของเชอร์ล็อกนั้นไม่แน่นอน แต่หากร่างกลายไปแล้ว เขาจะอยู่ในร่างนั้นราว ๆ 12 ชั่วโมงก่อนจะกลับกลายเป็นมนุษย์เหมือนเดิม
เจ้าแมวตาสีฟ้าที่ชอบทำหน้าหยิ่ง
เชอร์ล็อกเป็นคนนิ่ง ๆ ที่เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าเมื่อกลายเป็นแมวแล้วอีกฝ่ายจะป่วนได้ขนาดนี้ เหมือนอยู่เฉย ๆ ทั้งวันเพื่อเก็บพลังงานไว้วิ่งพล่านตอนกลายเป็นแมวอย่างไรอย่างนั้นแหละ
เขาเคยคิดว่า... มัน... ก็คงไม่แย่
คงเหมือนกับใครสักคนที่เลี้ยงแมวไว้นั่นแหละ
เคยคิด...
.
.
.
โครม!
เสียงคล้ายอะไรสักอย่างร่วงหล่นกระทบพื้นอย่างรุนแรง ทำให้จอมเวทย์ผู้ปกป้องโลกอย่างสตีเฟ่นต้องดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ในห้องอ่านหนังสือแล้วรีบกระโจนมายังห้องเก็บของขลังที่อยู่ด้านล่าง
แน่นอน ของที่อยู่ในนั้น ถ้ามีตัวร้ายสักคนบุกเข้ามาแล้วขโมยมันไป โลกต้องปั่นป่วนแน่
ชายหนุ่มผลักประตูเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วมันก็ทำให้เขาต้องหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ถอนหายใจเนือย ๆ และกลอกตาไปมาอย่างหน่าย ๆ
เทวรูปสลักที่เคยตั้งไว้เด่นสง่าล้มคะมำหน้าจิ้มพื้น กระดาษทิชชู่ม้วนใหญ่ ๆ หลุดออกจากแกนเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวยาว ๆ พันอยู่รอบเจ้าเทวรูปนั่น ยังไม่นับว่ามีบางส่วนที่ถูกฉีกกระจุยกระจายเป็นขุย ๆ ฟุ้งอยู่เต็มห้อง
และเจ้าเหมียวตาสีฟ้าก็โผล่หัวออกมาจากกองกระดาษ
โอเค...
ในที่สุด สตีเฟ่นก็ต้องจัดการกับห้องนั้นด้วยการแหกกฏธรรมชาติ เขาดึงทั้งห้องย้อนเวลาไปตอนที่มันยังไม่ถูกเจ้าเหมียวนี่พังจนเละเทะ ซึ่งถ้าหว่องอยู่ด้วยเขาคงจะโดนบ่น แต่ช่างเถอะ เขาไม่เก็บมันเองแน่ ๆ
ส่วนเจ้าเหมียวเชอร์ล็อก... คงต้องลงโทษด้วยการงดกินปลาเป็นมื้อเย็น
.
.
.
เชอร์ล็อกเป็นคนฉลาด แม้แต่ตอนเป็นแมวก็เป็นแมวฉลาด
มันเดินเข้ามาในห้องอ่านหนังสือที่ประตูถูกเปิดแง้ม ๆ ไว้ให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามา หย่อนตัวลงนั่งด้านหน้าจอมเวทย์ที่กางหนังสือเล่มหนาไว้บนโต๊ะ
สตีเฟ่นเหลือบมอง เขาจะทำเป็นว่าไม่สนใจ
หิวล่ะสิ
เจ้าเหมียวเชอร์ล็อกนั่งจ้องหน้าเขา มันยกหางขึ้นแล้วตบลงกับพื้นเป็นจังหวะและส่งเสียงร้องครางเบา ๆ
สตีเฟ่นเงยหน้ามองอีกครั้ง
ดวงตากลมคู่สีฟ้าจ้องตอบกลับมา
จะเล่นเกมจ้องตาเหรอ... ได้
เขาทำพลาดไปแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ (ซึ่งก็ทำได้) เขาจะไม่นั่งจ้องหน้าเจ้าแมวแสบนี่เลย ดวงตาคมที่เคยเหยียดมองเขาอย่างกับทาสมันกำลังอ้อน เหมือนร่างของเจ้าเหมียวหน้าหยิ่งนั่นจะถูกลูกแมวน้อยขี้อ้อนเทคโอเวอร์ไปแล้ว
ยิ่งตอนที่มันส่งเสียงคราง
"เมี้ยว~"
สตีเฟ่นถอนหายใจ เขาปิดหนังสือแล้วเดินออกมาจากที่นั่ง
"เข้าใจล่ะ แกหิวใช่ไหม"
เจ้าเหมียวทำหน้าดีใจ วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วใช้สองขาหน้าตะกุยขากางเกง สองขาหลังดันตัวเองให้ปีนป่ายขึ้นมาบนร่างสูงที่เหมือนกับกำลังปีนหน้าผา และสตีเฟ่นก็ต้องอุ้มมันเอาไว้อย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
ตอนเด็ก ๆ สตีเฟ่นแพ้ขนแมว
แต่ตอนนี้แพ้แมวทั้งตัว
โดยเฉพาะตัวนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in