09
ผมต้องเหยียบความสงสัย ความตกใจความหวาดระแวง ความรู้สึกประหลาดๆเอาไว้ให้มิดเพราะตอนนี้คุณหมูพีและพี่อู๋กำลังนั่งร่วมโต๊ะกับกอริลลาก้อง
บรรยากาศฟุ้งๆตามฉบับคนขี้เกียจจางหายไปหมดเมื่อสายรุ้งผู้ร่าเริงอย่างคุณหมูพีปรากฏตัวขึ้นเขาถามผมว่าอึดอัดไหมถ้าจะขอกินมื้อเช้าด้วย ผมตอบว่าไม่ครับ ไม่เลย ตามสบายผมจะกล้าอึดอัดได้ไง เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ซื้อกับข้าวเป็นของแฟนเขาแถมเครื่องครัวที่ใช้ก็เป็นของเขา ถ้าบอกว่าอึดอัดครับ มีหวังโดนเตะออกจากบ้านแน่ๆ
“ก้องทำอาหารอร่อยนะเนี่ย”
“ขอบคุณครับ”
“แต่พี่อู๋ไม่ได้บอกเหรอว่าเขาไม่กินผัก?”
ผมเงยหน้ามองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญนั่นสิ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา พี่อู๋ไม่เคยบอกเลยว่าเขาชอบกินหรือไม่ชอบกินอะไร แต่กับข้าวที่ผมทำก็หมดเกลี้ยงทุกวันเรากินกันไม่เหลือ ไม่เห็นเขาเคยบ่นว่าเกลียดผักกาดในแกงจืด เกลียดผัดผักบุ้งหรือผัดฟักทองจานนี้เลย
“คราวหลังถามพี่ก็ได้นะว่าพี่อู๋ชอบหรือไม่ชอบอะไรไม่ต้องเกรงใจ”
“อ๋อ ครับ” ผมตอบ
“พี่ก็น่าจะบอกน้องเขาหน่อยนะฝืนกินผักอยู่ตั้งนาน”
“แต่ผมว่าพี่อู๋ควรกินผักบ้างนะครับอายุตั้งสามสิบแล้ว จะมาเลือกกินเหมือนเด็กอนุบาลคงไม่ดีเท่าไหร่”
คุณหมูพีมุมปากกระตุกส่วนพี่อู๋แอบก้มหน้ายิ้มเมื่อกอริลลาก้องเทศนาจบมื้ออาหารบนโต๊ะกร่อยลงเพราะความปากเสียของผมอีกแล้ว แต่ยังดีที่พี่อู๋ไม่หักหน้าด้วยการผลักจานฟักทองผัดไข่ไปไกลๆเขาตักกินอย่างว่าง่าย ไม่เรื่องมาก ไม่แสดงออกว่าเกลียดผัก ผมว่าพี่อู๋ก็ดูปกติดีคุณหมูพีนั่นแหละคิดไปเองหรือเปล่า
หลังทานมื้อเช้าเสร็จ ผมทำหน้าที่ตัวเองซึ่งก็คือล้างจานและเครื่องครัวที่แช่ทิ้งไว้ในอ่างส่วนพี่อู๋กับแฟนย้ายไปนั่งคุยกันที่โซฟาคุณหมูพีทำตัวตามสบายเหมือนเคยอยู่ที่นี่มานาน เขารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน รู้ว่าเครื่องโกนหนวดพี่อู๋เสียรู้ว่ารีโมตแอร์มักจะซุกข้างโซฟา รู้ว่าเปียโนตัวนั้นเป็นของเอมรู้ไปหมดทุกซอกทุกมุมของห้องนี้
ปกติหลังกินเสร็จเราจะนอนอืดในโถงนั่งเล่นพี่อู๋เปิดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่วนผมก็แค่นอนตากแอร์เฉยๆ ไม่มีกิจกรรมอะไรพิเศษจนกว่าถึงเวลาทานมื้อเที่ยงแต่พอมีคุณหมูพี เขาก็ทำให้กิจวัตรเรายุ่งยากด้วยการพูดขึ้นลอยๆว่าห้องนี้สกปรกและรกมากคงขาดการดูแลมานาน ถึงเวลาที่เขาต้องจัดการด้วยตัวเองเสียที
แล้วภารกิจพ่อบ้านคนเก่งก็เริ่มขึ้นผมยอมรับว่ารำคาญนิดหน่อยที่การอยู่เงียบๆตามประสากอริลลาถูกรบกวนโดยคนแปลกหน้าเสียงเครื่องดูดฝุ่นดังอู้อี้จนดูทีวีไม่รู้เรื่องแถมคุณหมูพีก็เดินไปเดินมาขวางการดูแฮร์รี่จนพี่อู๋ถอนหายใจ พอเห็นท่าทางของผู้ปกครองแล้วผมชักไม่แน่ใจว่าคุณหมูพีเป็นแฟนพี่อู๋จริงหรือเปล่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง เขาได้ยินเสียงพี่อู๋ถอนหายใจบ่อยขนาดนี้บ้างไหม
“ไม่ต้องลำบากหรอกพี ก้องทำหมดแล้ว”
“จริงเหรอ? ทำไมใต้โซฟายังมีฝุ่นอยู่เลยก้องดูดข้างในบ้างหรือเปล่า ต้องเลื่อนโซฟาออกมานะจะกวาดแค่ข้างหน้าอย่างเดียวไม่ได้” คุณหมูพีตำหนิ “
“ตามใจ”
ปากพูดว่าตามใจ แต่หน้าพี่อู๋ดูโคตรเซ็งมากๆ
ผมภาวนาให้คุณหมูพีกลับไวๆแต่เขาก็อยู่กับเราจนถึงเย็นคราวนี้เขาอาสาโชว์ฝีมือทำอาหารให้ทานซึ่งผมไม่ว่าอะไร ดีเสียอีกที่ไม่ต้องยืนร้อนหน้าเตาทำกับข้าวเป็นชั่วโมงๆกว่าจะได้กิน แต่ที่เซ็งสุดๆคือหลังจากนั้นต่างหากคุณหมูพีใช้ถ้วยได้เปลืองมาก ผมก็เลยต้องล้างจานมากกว่าปกติถึงสองเท่านาฬิกาบอกเวลาว่าหนึ่งทุ่มสิบนาที ผมสวดในใจขอให้คุณหมูพีกลับไป แต่เขายังอยู่
“วันนี้ไปบริคอีกไหม?”
เสียงคุณหมูพีดังขึ้นผมกำลังล้างจานก็เลยไม่เห็นสีหน้าของทั้งสองคน ผมแอบลุ้นกับคำตอบของพี่อู๋นิดหน่อยอยากรู้ว่าหลังจากทะเลาะกันเมื่อคืน เขาได้เก็บคำขอของผมไปคิดบ้างไหมคืนนี้เขาจะอยู่กับผมไหม หรือจะออกไปเที่ยวกับแฟนเหมือนที่ผ่านมา
“ไม่อ่ะ” พี่อู๋ตอบผมยิ้มกว้างเมื่อได้ยินแบบนั้น “เหนื่อยแล้ว อยากนอน”
“วันนี้พี่ยังไม่ออกไปไหนเลยไม่เบื่อเหรอ?”
“ไม่อ่ะ”
“ปกติพี่ไปข้าวสารทุกคืน”
“เอ้า เหรอ”
เออสิ
ผมตอบในใจแทนคุณหมูพีพี่อู๋ก็กวนตีนเหลือเกิน ทำไมถึงถามคำตอบคำด้วยน้ำเสียงเบื่อๆเซ็งๆแบบนั้น
“วันนี้เรานัดพวกไอ้เต้ด้วย พี่มิคก็ไป”
“ใครจองโต๊ะ?”
“เอ๋มั้ง ตกลงไปหรือเปล่า?”
“ไม่อ่ะ”
“แน่ใจ?”
“อือ” พี่อู๋ขานในลำคอ“อยากดูแฮร์รี่ให้จบ”
“นี่แผ่นสุดท้ายแล้วไม่ใช่เหรอ?ดูให้จบแล้วค่อยออกดึกๆก็ได้”
“ว่าจะกลับไปดูภาคแรกอีกรอบ”
“พี่อย่ากวนตีนเราได้ไหม?”
“หมูพี” พี่อู๋กระแอมผมได้ยินเสียงเหมือนเขาตีคุณหมูพีเบาๆ “พูดอะไรดูรอบตัวด้วยไม่เห็นเหรอว่าก้องยืนอยู่”
“ก้องไม่ใช่เด็กแล้วนี่”
“ก้องอายุเท่าเอม ลองคิดดูสิว่าถ้าคนที่อยู่ตรงนั้นคือเอมพีจะกล้าพูดเรื่องแบบนั้นอีกไหม?”
เชี่ย
ผมกลืนน้ำลายเริ่มทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินพี่อู๋พูดว่าจะตบปากคุณหมูพี นี่พวกเขาเป็นแฟนประเภทไหนกันเดี๋ยวรักเดี๋ยวตี เดี๋ยวพูดดีเดี๋ยวด่า ผมไม่เข้าใจเลย
“ทำไมพี่เป็นคนเดียวที่ขู่เราได้ทีตัวเองล่ะ? ตอนตัวเองทำตัวเหี้ยๆเรายังไม่เคยขู่เลยนะว่าจะตบพี่”
“เพราะพีตบเลยไง พีไม่เคยขู่”พี่อู๋ตอกกลับ
“ก็พี่เป็นแบบนี้ จะไม่ให้เราโมโหได้ไง!”
“แล้วคิดว่าพี่ไม่โมโหเหรอที่พีพูดแบบนั้นคิดว่าพี่จะชอบเหรอที่พีพูดต่อหน้าเด็กอายุสิบเจ็ดว่าเราเอากัน อย่าคิดนะว่าไม่รู้หึงอะไรให้มีขอบเขตบ้างเถอะ เยอะไปมันก็น่ารำคาญ”
“จะไม่ให้เราคิดมากได้ไง ก็พี่เอาเด็กที่ไหนไม่รู้มาอยู่ด้วยอ่ะ!”
หวยลงที่นายก้องเกียรติหนึ่งดอก
“แล้วเรื่องที่บอกว่าสงสารนี่ก็ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือโกหกที่รับเด็กคนนี้มาเนี่ยเพราะเลี้ยงต้อยล่ะสิ ไม่ใช่เพราะใจดีหรอก!”
“เลี้ยงต้อยเหี้ยอะไร เพ้อเจ้อ”
“หรือไม่จริง!”
“ตัวแทนใคร?”
“ตัวแทนพีไง!”
เสียงสะอื้นเริ่มมาเล็กน้อยผมกำฟองน้ำที่อยู่ในมือแน่นอยากวิ่งหนีไปข้างนอกให้พวกเขาทะเลาะกันซักพักแต่ก็ไม่กล้า แค่จะเปิดก๊อกน้ำล้างฟองซันไลต์ก็ยังไม่กล้าเพราะกลัวว่าการมีอยู่ของผมจะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
“หลงตัวเองไปหรือเปล่า?”
“หรือไม่จริง?!”
“ก็ไม่จริงไง!
“เพราะพี่แม่งขี้เงี่ยน!
โอ๊ย
“จะไม่ให้ระแวงได้ไง ตั้งแต่รับเด็กคนนี้มาอยู่ด้วยพี่ไม่เคยค้างบ้านเราเลย! พี่คิดอะไรกับมันหรือเปล่า?!พี่ชอบมันใช่ไหม?! ชอบเด็กที่อายุเท่าน้องตัวเองเนี่ยนะ!”
“ไร้สาระ”
“งั้นตอบมาสิว่าไม่จริง!”
“เออ! ไม่จริง!พอใจยัง!”
ผมว่าผมไปดีกว่า
ผมเปิดก๊อกน้ำเบาๆให้พอล้างมือได้สะอาดก่อนจะค่อยๆย่องหนีเข้าไปหลบในห้องนอนเล็กเสียงทุ่มเถียงของพี่อู๋กับคุณหมูพีดังอยู่นานและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ หัวข้อหลักๆคือ--
พี่อู๋ตั้งใจจะเลี้ยงต้อย(กอริลลาก้อง) ใช่ไหม
พี่อู๋คิดไม่ดีกับเด็กคนนั้น(ซึ่งหมายถึงกอริลลาก้องเช่นกัน) ใช่ไหม
ทำไมพี่เหี้ยแบบนี้ ไหนบอกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไง
ที่สัญญาไว้ไม่เคยทำได้ซักอย่าง บอกว่าจะไม่นอกใจจะไม่มีคนใหม่ แต่สุดท้ายก็ให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาอยู่ด้วยเพราะอยากเอาฟรีไอ้พี่อู๋แม่งเหี้ย
เหี้ย นิสัยเสีย สันดานเสีย
ส่วนใหญ่คำด่าก็จะวนๆอยู่ประมาณนี้
ผมค่อนข้างแปลกใจที่คุณหมูพีพูดจารุนแรงกับพี่อู๋แต่พอฟังเสียงตอบโต้ของพวกเขาแล้วผมว่าก็สมกันดีคนใจร้อนชอบใช้อารมณ์สองคนมาเจอกันก็เป็นแบบนี้แหละยิ่งพี่อู๋หาเรื่องมาเถียงเท่าไหร่ คุณหมูพีก็ยิ่งเอาข้อเสียของเขามาด่าเท่านั้น ซึ่งเรื่องเดียวที่ผมเห็นด้วยก็คือการใช้ชีวิตเลื่อนลอยของพี่อู๋แม่งโคตรไม่เอาถ่านแต่คิดว่าคุณหมูพีเลือกใช้คำไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ เขาเรียกพี่อู๋ว่าขยะลอยน้ำแถมยังตำหนิเรื่องตกงานอีกถ้ายังเหลวไหลแบบนี้ไม่มีใครอยากอยู่กับพี่หรอก แม้แต่ไอ้เด็กนั่น (กอริลลาก้องที่หนีมาอยู่ในห้องเล็กและถูกพาดพิงครั้งที่สิบเก้า)ก็ไม่ทนหรอก
“ไม่อยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ดิวะ!ไม่ได้ขอให้อยู่!”
“แล้วมาขอเราคืนดีทำไม?!”
บลา บลา บลา
ผมไม่ชอบเสียงดัง ไม่ชอบความวุ่นวายไม่ชอบเห็นคนทะเลาะกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงพวกเขาสองคนด่ากันก็ยิ่งเครียด ผมรู้สึกอึดอัดเหมือนห้องแคบลงเรื่อยๆบีบรัดกอริลลาก้องให้อยู่ในกล่องใบเล็กด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมผมอยากให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติเสียที อยากให้คุณหมูพีออกไปจากห้องเพราะตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ ผมไม่มีความสุขเลย
พี่อู๋กับคุณหมูพีเถียงกันแรงขึ้นเรื่อยๆก่อนจะตามด้วยเสียงโครมครามผมคิดว่าพวกเขาคงลงไม้ลงมือกันแล้ว นึกได้แบบนั้นก็รีบเดินไปที่ประตูมือขวาจับลูกบิดค้างไว้เพราะกลัวว่าถ้าออกไปจะยิ่งทำให้เหตุการณ์แย่ลงแต่พอได้ยินเสียงคุณหมูพีร้องกรี๊ด ผมก็เปิดประตูโดยไม่ลังเล
พี่อู๋
สิ่งแรกที่เห็นไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ผมคิดว่าคุณหมูพีที่ตัวเล็กกว่าน่าจะเป็นฝ่ายโดนตี แต่ปรากฏว่าเป็นพี่อู๋ต่างหากมือซ้ายของเขาชุ่มไปด้วยเลือด มันไหลเยอะเสียจนหยดลงบนพื้นติ๋งๆผมเข่าสั่นไปหมดเมื่อเห็นกองเลือด สติเรียบเรียงอะไรไม่ได้นอกจากรีบเดินไปหาเขา
“พี่ -- ”ผมเสียงอ่อนเพราะเห็นแผลเหวอะหวะบนฝ่ามือพี่อู๋ “ไปโรงบาลกันเถอะเดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ให้นะ”
ผมเป็นคนแรกที่ออกจากห้องวิ่งลงทางบันไดหนีไฟด้วยความร้อนรน ผมบอกลุงยามว่าพี่อู๋โดนมีดบาด เขาต้องไปหาหมอ เขาต้องไปห้องฉุกเฉินเดี๋ยวนี้พี่มีเบอร์แท็กซี่ไหม โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดแถวนี้ชื่ออะไร ผมจะพาพี่อู๋ไปทำแผล
น่าเสียดายที่ลุงยามไม่มีเบอร์แท็กซี่ผมก็เลยวิ่งไปหน้าปากซอย โบกมือสุดชีวิตเพราะเป็นห่วงพี่อู๋ที่อยู่บนห้องโชคดีที่แท็กซี่สีชมพูคันหนึ่งจอดรับ พอเรากลับไปที่คอนโดก็ไม่เจอพี่อู๋ยืนรออยู่ชั้นล่างนี่คุณหมูพีทำบ้าอะไรอยู่ ทำไมไม่พาพี่อู๋ลงมา ผมกัดฟันด้วยความโมโหพร้อมกับนึกด่าเขาแล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นสี่เพื่อประคองพี่อู๋ที่เริ่มหน้าซีดลงมาคุณหมูพีเดินตามมาติดๆ เมื่อพี่อู๋ขึ้นรถเรียบร้อย เขาก็ผลักผมออกก่อนจะบอกว่าให้รออยู่ที่นี่ไม่ต้องตามมา
“พี่ไปเอง”
คุณหมูพีปิดประตูแท็กซี่แล้วออกรถเลยผมได้แต่ยืนมองท้ายรถสีชมพูแปร๋นวิ่งออกจากคอนโดโดยไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหนเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่อู๋ถึงโดนมีดบาดลึกขนาดนั้น ใครเป็นคนทำเขาใครเป็นคนเริ่ม ใครทำร้ายพี่อู๋ ใครมันกล้าทำ --
“คุณอู๋โดนมีดอะไรบาดเหรอหนูเลือดถึงได้ออกเยอะขนาดนั้น?”
ลุงยามถามผมที่ยืนหอบแฮ่กอยู่หน้าป้อมผมบอกเขาว่าโดนมีดแล่ปลาครับก่อนจะขอตัวกลับห้องลุงยามดูไม่ค่อยเชื่อที่ผมบอกเท่าไหร่เขาพูดลอยๆเหมือนบ่นกับตัวเองว่าน้องคนนั้นมาทีไร เกิดเรื่องทุกที
“ลุงหมายถึงผู้ชายตัวเล็กๆที่ขึ้นรถไปกับพี่อู๋เหรอครับ?”
ผมถาม ลุงพยักหน้าเขาบอกว่าหลายครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ ทะเลาะกันเสียงดังมาจนถึงป้อมยามอีกซักพักต้องมีใครเจ็บตัว ออกรถไปโรงพยาบาล กลับห้องตอนค่ำๆคุณหมูพีจะหายหน้าไปอีกพักใหญ่ แล้วก็กลับมาใหม่เมื่อเวลาผ่านไปเกือบเดือน
ผมเดินขึ้นห้องด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวทั้งเป็นห่วง ทั้งเครียดที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้พวกเขาทะเลาะกันแต่สาบานเลยว่าผมไม่ได้มีเจตนาอย่างที่คุณหมูพีระแวง ผมมาที่นี่เพราะไม่มีที่ไปและพี่อู๋ไม่เคยล่วงเกินผมอย่างที่เขากล่าวหาเลยบางทีผมน่าจะช่วยพี่อู๋อธิบาย ถ้าตอนนั้นผมกล้ามากกว่านี้อีกซักนิดพี่อู๋อาจจะไม่เจ็บตัวก็ได้
นาฬิกาบอกเวลาว่าสามทุ่มหกนาที
กอริลลาก้องนั่งเช็ดเลือดบนพื้นหางตาเหลือบเห็นมีดที่บาดมือพี่อู๋กระเด็นไปอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว ผมใช้โอกาสนี้รีบทำความสะอาดและเตรียมห้องให้พร้อมหลังถูพื้นด้วยมาจิคลีนสีแดง ผมก็นั่งรอบนโซฟา คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมนั่งรอพี่อู๋อยู่ในห้องคนเดียวทุกอย่างเงียบสงบ ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงเข็มนาฬิกากับเสียงสูดน้ำมูกของนายก้องเกียรติเท่านั้น
☁
นาฬิกาบอกเวลาว่าเที่ยงคืนสามสิบสามนาที
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพี่อู๋กลับเข้ามาในห้องเพียงคนเดียว
ผมมองหน้าพี่อู๋เขาก็มองกลับมาที่ผมเช่นกัน ตอนนี้มือซ้ายของเขามีผ้าก็อซพันเหมือนมัมมี่ ผมมีเรื่องอยากถามเขาเยอะแยะแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงทุกอย่างก็เลยจบลงตรงที่ผมบอกให้พี่อู๋ไปอาบน้ำ ไม่ต้องเกรงใจนะครับอยากได้อะไรขอให้บอก ผมจะอำนวยความสะดวกให้เอง
พี่อู๋ทำตามอย่างว่าง่าย เขาเดินเข้าห้องน้ำด้วยท่าทางเพลียๆและใช้เวลาอยู่ในนั้นนานเกือบสิบนาทีขณะที่ผมกำลังแยกกองผ้าที่ต้องซัก พี่อู๋ก็ออกมาพอดีเขาสวมเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงผ้ายืดสีดำ มือซ้ายของเขาห้อยตกลงข้างแขนพี่อู๋จ้องผมเหมือนมีเรื่องอยากพูด
“ก้อง”
“ครับ?”
ผมขานรับแต่ไม่ได้หันหน้ามองทั้งๆที่อยากถามใจจะขาดว่ามันเกิดอะไรขึ้นเรื่องเฮงซวยเปื้อนเลือดพวกนี้ใครเป็นคนเริ่มก่อน พี่อู๋หรือคุณหมูพี พอลองคิดๆดูแล้วมันก็จริงอย่างที่คุณหมูพีว่าผมเป็นใครก็ไม่รู้ แต่จู่ๆมาอยู่ในบ้านของแฟนเขา มานอนเตียงเดียวกับเขาจะไม่ให้โมโหจนหน้ามืดได้ไง
“ผมรู้ว่าพี่มีเรื่องอยากพูดเยอะเลย”
“ใช่”
“พูดมาเถอะครับ ผมรอฟังอยู่”
“ขอเรียบเรียงคำพูดก่อน”
“ไม่ต้องเรียบเรียงหรอกพี่ก็แค่พูดสิ่งที่อยากพูด” ผมโยนกางเกงยีนส์ลงตะกร้าผ้าสี “
“ได้นี่คือเรื่องที่พี่อยากพูดกับก้อง”
ผมตั้งใจฟังสองมือทำเป็นง่วนกับการแยกผ้าแต่จริงๆแล้วกลัวมากว่าพี่อู๋จะขอให้ย้ายออกตามคำตัดพ้อของคุณหมูพี
“หนึ่ง -- พี่ไม่ได้โกหกก้องเรื่องแฟนหมูพีเคยเป็นแฟนพี่จริง เราเลิกกันไปเกือบสามเดือนจริง แต่เพิ่งคืนดีกันเมื่อคืน”
“ครับ”
“สอง ที่พี่กับพีทะเลาะกันวันนี้เป็นเรื่องปกติมากต่อให้ก้องไม่อยู่ที่นี่ เราก็ตีกันเรื่องอื่นอยู่ดี”
“ครับ”
เอ๊ะ
“สาม พี่ไม่ได้อยากกลับไปคบกับหมูพีแต่เมื่อคืนพี่เมาแล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าถ้ามีคนคอยให้กำลังใจบ้างก็น่าจะดีพี่เลยถามเขาว่ายังอยากกลับมาคบกันไหม แล้วก็นั่นล่ะ -- ตามนั้น”
“ครับ”
“สี่ พี่ไม่ใช่คนขี้เอา”
“ครับ”
“ห้า ก้องว่าการกลับไปนอนกับแฟนเก่าทั้งๆที่หมดรักแล้วเป็นเรื่องเหี้ยหรือเปล่า?”
“เหี้ยมากครับ”
ผมตอบตามตรงไม่อยากโกหกพี่อู๋แต่ก็ไม่กล้าปากเก่งสอนศีลธรรมเขาว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำพี่อู๋อายุสามสิบเอ็ดแล้ว เขารู้แหละว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด ผมต่างหากที่ไม่รู้อะไร
“หก งั้นพี่ขอโทษที่เป็นคนเหี้ย แต่พี่ไม่ได้รักหมูพีแล้วก้องก็เห็นว่าเราไปกันไม่ได้”
“ทำไมพี่ไม่บอกเขาตรงๆล่ะครับ?”
พี่อู๋ถอนหายใจ
“แล้วคราวก่อนใครเป็นฝ่ายบอกเลิกเหรอครับ?”
“หมูพี”
“อ้าว” ผมงงถ้าคุณหมูพีเป็นฝ่ายขอเลิกจริง จะรีเทิร์นอีกรอบทำไม
“หมูพีเป็นฝ่ายขอเลิกก่อนแต่หลังจากนั้นเขาก็ขอคืนดีเรื่อยๆ พี่ไม่ให้คำตอบเลยจนเมื่อคืนอย่าเพิ่งนอกเรื่อง กลับมาที่ข้อเจ็ดก่อน พี่ไม่ได้เลี้ยงต้อยพี่ไม่ได้ให้ก้องมาอยู่ด้วยเพราะคิดอกุศลกับก้อง”
“ครับ”
“แปด พี่ไม่ได้เอาก้องมาแทนที่พีก้องไม่ใช่พี ก้องไม่ใช่ตัวแทนของใครทั้งนั้น”
“ครับ” ผมรู้สึกดีใจแปลกๆเมื่อได้ยินแบบนั้น
“เก้า ห้ามวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวพี่อีกพี่จะทำงานหรือไม่ทำงานก็เรื่องของพี่ จะขี้เกียจจนเน่าตายบนโซฟาก็เรื่องของพี่หวังว่าเราจะไม่ทะเลาะกันเรื่องนี้อีกนะ”
“ครับ ขอโทษครับ”
“สิบ ก้องไม่ต้องใส่ใจคำพูดของหมูพีก้องมีสิทธิ์อยู่ที่นี่ มีสิทธิ์นอนบนเตียงพี่ มีสิทธิ์ใช้เครื่องครัวทุกอย่าง ไม่มีใครไล่ก้องออกจากที่นี่ได้และพี่จะไม่มีวันไล่ก้องด้วย”
“แต่เมื่อคืนพี่ไล่ผม”
“ลืมเรื่องเมื่อคืนให้หมดมันไม่เคยเกิดขึ้น ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
พี่อู๋ย่อตัวลงตรงหน้า เขาเอาสองมือปิดหูผมแล้วพูดประโยคเดิมซ้ำๆไปมาหลายหนเหมือนเทปตกร่อง
“ก้องอยู่ที่นี่ได้ก้องอยู่ที่นี่ได้ ก้องอยู่ที่นี่ได้ ก้องอยู่ที่นี่ได้ ก้องอยู่ที่นี่ได้ พี่ต้องการก้องพี่ต้องการก้อง พี่ต้องการก้อง พี่ต้องการก้อง พี่ต้องการก้อง พี่ต้องการก้อง ไหนพูดซิว่าเมื่อกี๊ได้ยินอะไร”
“ก้องอยู่ที่นี่ได้พี่อู๋ต้องการก้อง”
“เยี่ยม จำไว้นะ ก้องอยู่ที่นี่ได้ก้องอยู่ที่นี่ได้ พี่ต้องการก้อง พี่ต้องการก้อง”
พี่อู๋พูดกรอกหูผมด้วยสองประโยคนั้นเป็นการทิ้งท้ายเขายิ้มเมื่อผมเงยหน้ามองเขาจริงๆจังๆเสียทีหลังจากทำเป็นแยกผ้าอยู่นาน ผมนึกสงสัยในใจว่าเขาไม่รู้จริงๆเหรอว่าการกรอกหูแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้ลืมเรื่องเมื่อคืนเลยเพราะคำพูดของเขาทิ้งแผลเอาไว้ต่อเย็บปิดสนิทขนาดไหน สุดท้ายก็เหลือร่องรอยให้เห็นอยู่ดี
“ผมถามพี่บ้างได้ไหม?”
“ได้”
“ใครทำพี่ครับ? คือ --
พี่อู๋ถอนหายใจอีกครั้ง
“จริงเหรอครับ?”
“ไม่ต้องตกใจหรอกนี่ไม่ใช่ครั้งแรก”
“เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้เหรอครับ?”
“อืม”
“แล้วแบบนี้จะอยู่กันยืดไหมเนี่ย”
“ไม่เกินเดือนนี้เดี๋ยวพีก็ไปเขาชอบความเพอร์เฟ็ค ชอบพี่ตอนเงินเดือนสูงๆ ทำงานในบริษัทใหญ่ที่ใครๆก็อิจฉาชอบที่พี่มีรถขับ มีคอนโดให้มาค้าง แต่ตอนนี้พี่ไม่มีสิ่งที่เขาชอบแล้วพี่ไม่ทำงาน ไม่ซื้อรถใหม่ ไม่พาเขาไปกินของแพงๆเหมือนตอนคบกัน เขาทนได้ไม่นานหรอก”
“ผมไม่เข้าใจพวกพี่เลยถ้าคุณหมูพีรักพี่จริง เขาต้องรับได้ทุกอย่างที่พี่เป็นสิครับ”
“โถ่ น้องก้อง”
พี่อู๋พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจแบบโอเวอร์แอคติ้งเขายกมือลูบหัวผมสองสามทีเหมือนเล่นกับลูกหมา
“แค่รักอย่างเดียวไม่พอหรอกใครๆก็อยากได้ความมั่นคงทั้งนั้น คิดดูสิว่าถ้าก้องต้องแต่งงานก้องอยากมีแฟนที่วันๆไม่ทำมาหาแดกนอกจากนอนเกาพุงอยู่บ้านหรือเปล่า”
“แต่พวกพี่ก็มีกันแค่สองคนไม่ใช่เหรอ?พี่ไม่มีลูก ไม่เห็นต้องวางแผนล่วงหน้าเลย”
“พีคิดไกลกว่านั้นอีกก้องเขาอยากแต่งงาน”
“แล้วพี่ไม่อยากแต่งเหรอครับ?”
พี่อู๋ยักไหล่ เขาบอกว่าเคยคิดเรื่องแต่งงานไว้บ้างแต่พอเจอฤทธิ์คุณหมูพีก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่าควรอยู่ด้วยกันตลอดไปหรือเปล่าพี่อู๋ไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบตลอดเวลา เขาเถลไถลบ้าง ออกนอกลู่นอกทางบ้าง ขี้เกียจบ้างถ้าต้องอยู่กับคุณหมูพีที่คาดหวังมากเกินไป มีหวังได้เป็นบ้าก่อนเกษียณแน่ๆ
“ผมว่าพี่ไม่ต้องรีบหรอกพรบ.คู่ชีวิตยังไม่ผ่านเลย จัดงานแต่งไปก็เท่านั้น”
“รู้เรื่องกฎหมายด้วยเหรอเราน่ะ?”
“ครับ ผมฟังจากทีวี”
“คืนนี้ก้องจะยังนอนห้องพี่เหมือนเดิมใช่ไหม?”
ผมเลิกคิ้วงุนงงแต่ก็ตอบไปว่านอนครับ ปกติเราอยู่กันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงถามอะไรแปลกๆ
“พี่คิดว่าก้องจะรังเกียจที่พี่เป็นเกย์”
“อ๋อ --”
ผมเลิกลั่กไม่รู้จะบอกพี่อู๋ยังไงไม่ให้เขาเสียใจ ลึกๆผมยังกังวลอยู่บ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไรก็แค่รู้สึกแปลกไปจากเดิม รู้สึกว่าต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมถึงพี่อู๋จะไม่เคยแสดงออกในแง่นั้น แต่ผมก็กลัวนะ -- ลึกๆน่ะ
“ไม่ครับ” ผมตัดสินใจพูดในที่สุด
“คิดคำตอบนานจัง”
“ผมไม่รู้จะตอบยังไงอ่ะ ยอมรับนะครับว่าตกใจแต่ไม่ได้รังเกียจอะไร”
“จริงนะ?”
“ครับ”
“โอเค พี่สบายใจละ ไปนอนดีกว่า”
พี่อู๋ตัดบทหน้าตาเฉย เขาน่ะสบายใจอยู่คนเดียวส่วนผมได้แต่นั่งกุมขมับ ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดได้ขนาดนี้ถ้าพี่อู๋กับคุณหมูพีเป็นคู่เกย์ที่รักกันจริงๆผมก็คงไม่กังวลเท่าไหร่แต่นี่พวกเขาตีกันจะเป็นจะตาย ทะเลาะกันจริงจังจนเลือดตกยางออก ผมไม่รู้ว่าต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกนานแค่ไหนได้แต่หวังว่าคุณหมูพีจะเบื่อความไม่เพอร์เฟ็คของพี่อู๋แล้วไปจริงๆเสียทีไม่งั้นในอนาคตคงไม่ได้มีแค่พี่อู๋ที่เจ็บตัว แต่กอริลลาก้องผู้รักสงบอาจจะโดนลูกหลงด้วยก็ได้
♡
You can send love by leaving comment or hashtag on twitter (⺣◡⺣)♡*
#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in