เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
HIT THE BOOKSamanthachiew
hit the BOOK with ME & Roald dahl


  • สวัสดีค่ะ วันนี้แก้วจะมา HIT THE BOOK หรือ เอา ‘หนังสือดีๆ’ ที่อยากจะแชร์ มาโพสในกระทู้ค่ะ -- จริงๆแล้ว เรียกว่าเป็นการรีวิวหนังสือก็ได้ค่ะ


    เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว อ่านบรรทัดแรกของกระทู้นี้แล้ว อย่าเพิ่งเบื่อค่ะ อย่าเพิ่งทิ้งกัน ใจเย็นเย็น


    อย่างที่บอกค่ะ กระทู้นี้ แก้วจะเอาหนังสือที่แก้วชอบเป็นการส่วนตัว ที่อ่านแล้วสนุก และอดคิดไม่ได้ว่าจินตนาการของนักเขียนเหล่านี้ บังเกิดขึ้นมาได้ยังไง มาแชร์ให้เพื่อนๆรู้จักกันค่ะ


    บางเล่ม กล้าพูดได้เลย ว่าอ่านแล้ว ความคิดเปลี่ยน


    ไม่ได้เปลี่ยนไปในเชิงประหลาดๆนะคะ  แต่เปลี่ยนไปในเชิงที่ว่า มันเสริมความนึกคิดของเราให้ดีขึ้นได้จริงๆ


    และเนื่องจากเวลามีจำกัด แก้วเลยขอยกนักเขียนที่มีชื่อว่า  โรอัลด์ ดาห์ล มาประเดิมก่อนค่ะ ซึ่งท่านเป็นนักเขียนที่แก้วชอบมากๆ


    สำหรับนักอ่านและนักเขียนหลายๆท่าน อาจจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วก็ได้ค่ะ ^^


    โรอัลด์ ดาห์ล ประพันธ์หนังสือที่เรียกว่า “นิทาน” หรือ “เทพนิยาย” ซึ่งตั้งใจมอบให้แก่เด็กๆ -- อาจจะฟังดูเด๊กกเด็กกในความคิดของใครบางคน แต่บอกไว้เลย ว่าอาจจะต้องคิดใหม่ เมื่อลองอ่าน  เพราะเรื่องเล่าจากปลายปากกาของนักเขียนท่านนี้ ต้องมาพร้อมกับจินตนาการบรรเจิดเสมอ


    เนื้อหาของดาห์ลจะ “แปลก” แต่ “อ่านง่าย” และ มี”ความนัย” ซ่อนเอาไว้ ด้วยสำนวนที่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ


    ไม่เชื่อหรอคะว่าสนุก ?  งั้นลองอ่านต่อดูค่ะ



    โรอัลด์ ดาห์ล เป็นนักเขียนสัญชาตินอร์เวย์ ที่มีประสบการณ์ชีวิตหลากหลาย ไม่ว่าจะในฐานะเด็กชายช่างคิด ชายหนุ่มผู้ผ่านสงคราม หรือในฐานะลูกชายของแม่ จนกระทั่งต่อมา เขาผันตัวมาเป็นนักเขียน จนกลายเป็นผู้ที่สร้างตัวละครเป็นเพื่อนเด็กๆมาแล้วทั่วโลก ซึ่งหลายเรื่องถูกนำมาดัดแปลงเป็น
    ภาพยนตร์มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต ยักษ์ใจดี มาทิลดา หรือ คุณจิ้งจอก ฯลฯ
    ตัวอย่างภาพยนตร์ - หนังสือ : ชาร์ลีกับโรงงานช็อกคโกแลต

    ตัวอย่างภาพยนตร์ - หนังสือ : ยักษ์ใจดี

    ตัวอย่างภาพยนตร์ - หนังสือ : มาทิลดา

    ตัวอย่างภาพยนตร์ - หนังสือ : คุณจิ้งจอก

    ตัวอย่างภาพยนตร์ - หนังสือ : เคาตุ่ณ

    ใครหลายคน คงจำเรื่องราวอัศจรรย์และประหลาด ของเด็กชายชาร์ลี ที่ได้ตั๋วทองใบสุดท้าย ทำให้ได้สิทธิ์เข้าชมโรงงานช็อกโกแลตอันมหัศจรรย์ของคุณวิลลี่ วองก้ากันได้ แน่นอนว่า ผู้รับบทเป็นคุณวองก้าคนล่าสุด ก็คือดาราฮอลลีวู้ดที่ Hot ตลาดกาล  “จอห์นนี่ เด็ปป์”

    คุ้นๆหน้าใช่มั้ยคะ ?
    ใช่ค่ะ เขาคือคนเดียวกันกับ แจ็ค สแปร์โรว์ ~ ~ ~


    อ่านแล้วแทบจะสัมผัสได้ถึงรสชาติของช็อกโกแลตที่ไหลวนอยู่ในโรงงานคุณวองก้า และได้กลิ่นขนมหวานสารพัดชนิด ที่ตลบอบอวลไปทั่วอาณาจักรของวองก้าเลยค่ะ ดาห์ลบรรยายทุกอย่างได้เห็นภาพชัดเจน จนเหมือนกับเราได้เดินสำรวจโรงงานไปพร้อมกับตัวละครด้วย เราจะได้เห็นน้ำตกช็อกโกแลต หญ้าที่ทำจากน้ำตาลสีเขียวเข้ม กาละแมที่เคี่ยวจนข้น วิปครีมที่ผ่านกรรมวิธีเฆี่ยนวัว แต่ไม่ตีครีม(ห๊ะะะ?)


    และเราจะได้เห็นอีกด้วยว่า คุณวิลลี่ วองก้า มีบุคลิกบ๊องแค่ไหน 5555


    และนอกจากนี้ ดาห์ลยังบรรยายความรู้สึกตัวละครในแต่ละฉากได้ดีมาก จนเรารู้สึกสงสาร ลุ้นระทึก และให้ความหวังไปกับเด็กชายชาร์ลีทุกครั้ง

    ชาร์ลีเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่นก็จริง เขามีทั้งพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่รักเขาสุดหัวใจ

    แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวนี้ก็ยากจนเกินกว่าจะหาอะไรมาใส่ท้องได้ นอกจากซุปกะหล่ำปลีใสๆ

    เลวร้ายที่สุดก็คือต้องเผชิญหน้ากับอากาศหนาว  หิมะตกลงหนา หนาวจนแสบกระดูก แทบหยุดหายใจ

    ในฤดูหนาวอันทรมานนี้ คือช่วงที่มีตอนที่แก้วชอบที่สุดอยู่ด้วยค่ะ ก็คือตอน “ปู่โจเสี่ยงโชค”


    มันเป็นฉากที่ปู่โจ ยอมลองเสี่ยงโชค ใช้เหรียญสุดท้ายที่อดทนเก็บออมมานาน ให้ชาร์ลีเอาไปซื้อช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้ามา เผื่อว่าจะมีโชคได้ตั๋วทองกับเขาบ้าง

    แน่นอน ว่ามันมีโอกาสเพียงแค่หนึ่งในล้าน สำหรับเด็กชายยากจนคนหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กมีอันจะกินคนอื่นๆทั่วโลก  เด็กชายชาร์ลีผู้มีได้โอกาสรับช็อกโกแลตเพียงหนึ่งแท่งต่อปี จะไปแข่งอะไรกับเด็กหลายๆคนที่สามารถกินช็อกโกแลตตลอดเวลาได้

    ดาห์ลบรรยายได้ระทึกมาก ทั้งๆที่เป็นแค่ช่วงอึดใจสั้นๆ ในการแกะห่อช็อกโกแลตแท่งเดียว

    มันเหมือนกับว่าเราได้ยินเสียงทุกคนกลั้นหายใจ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง และสัมผัสได้ถึงความหวังอันน้อยนิดในตัวสองปู่หลาน 

    พูดง่ายๆค่ะ ว่าอ่านแล้วรู้สึกเหมือนอยู่ตรงนั้นด้วย

    ใครอยากรู้อาณาจักรวิลลี่ วองก้า แล้วเปิดโลกจินตนาการอีกรูปแบบหนึ่ง ต้องลองอ่านค่ะ ถึงจะรู้ว่าทำไม เรื่องนี้ถึงดีและดัง!

    และถ้าใครอ่านแล้วติดใจ สามารถติดตามการผจญภัยของชาร์ลีและคุณวองก้าได้อีกในเรื่องลิฟต์มหัศจรรย์ค่ะ !
    เรื่องนี้ แก้วยังอ่านไม่จบทีค่ะ  แต่เท่าที่อ่านไป บอกได้เลยว่าสนุก
    ดาห์ลสร้างตัวละครคุณวองก้า และตัวละครใหม่ๆ (เช่นผู้พัน ประธานาธิบดี เป็นต้น) ได้กวนประสาทมากกก 


    นอกจากนี้ดาห์ลยังมีผลงานเรื่องอื่นอีกหลายเรื่องค่ะ เช่น แม่มด พีชยักษ์ ยักษ์ใจดี มาทิลดา คุณจิ้งจอก เคาตุ่ณ(ชื่อเรื่อง เคาตุ่ณจริงๆค่ะ) ยาวิเศษ เป็นต้น
    แต่ละเรื่องสนุกมาก และจินตนาการบรรเจิดมากเช่นกัน

    เรื่องล่าสุด ที่กำลังจะเข้าฉายภาพยนตร์ คือ ยักษ์ใจดีค่ะ การันตีฝีมือกำกับโดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก (โห เพิ่งรู้ว่าสปีลเบิร์กก็เป็นติ่งดาห์ลเหมือนกัน)

    ในเรื่องยักษ์ใจดี ดาห์ลจะพาเราไปยังดินแดนแห่งยักษ์ -- ดินแดนที่ทุกอย่างดูใหญ่โตอยู่เหนือร่างเรา ดินแดนที่แห้งแล้งจนไม่มีพืชผักพันธุ์ใดๆสามารถโตได้ นอกจากแตงสน็อตต์ ที่รสชาติทุเรศน่ารังเกียจ และเป็นดินแดนที่ทุกคนไม่เรอออกทางปากกัน นอกจากตดออกจากทางบั้นท้าย

    เพราะฉะนั้น เราทุกคนจะเจอยักษ์ตดครั้งแรกค่ะ (ตดด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยนะ)

    จะมีฉากสนุกๆเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฉากที่โซฟี ตัวละครหลักของเรา ต้องหนียักษ์ใจร้ายตัวอื่น โดยการขดตัวอยู่ในเมล็ดของแตงสน็อตต์  ต้องเกือบสลบไปเมื่อถูกเคี้ยวอยู่ในปากยักษ์ใจร้าย (ค่าาา แล้วดาห์ลก็บรรยายจนได้กลิ่นเหม็นในปากยักษ์เลยค่ะ TT)  รวมไปถึง การผจญภัยในดินแดนแห่งความฝันด้วยค่ะ !

    มันเป็นดินแดนที่เป็นจุดเริ่มต้นการก่อเกิดเป็น “ความฝัน”

    เพราะฉะนั้น จะมีความฝันล่องลอยอยู่เต็มไปหมด เป็นสีสวยๆ ฟุ้งฟิ้งๆ นวลๆ


    ยักษ์ใจดีก็เลยชอบมาไล่จับความฝัน เพื่อเอาไปเป่าให้เข้าฝันเด็กตัวเล็กๆในเมืองค่ะ (เจ๋ง)  ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็เพราะเหตุนี้แหละ ก็เลยทำให้โซฟีบังเอิญมองเห็นยักษ์ใจดีเข้า ตอนที่เธอเผลอตื่นกลางดึก - -

    ทุกคนสามารถชม ฉากนี้ จากตัวอย่างภาพยนตร์ได้ค่ะ


    นอกจากนี้ ทุกคนจะเจอจุดพีคของเรื่อง คือการที่ยักษ์ใจดีและโซฟี พยายามเข้าฝันราชินีแห่งอังกฤษ ให้ไหวตัวทันจากการโจมตีของเหล่ายักษ์ใจร้าย

    เราจะได้เห็นราชินีแห่งอังกฤษฝันร้ายกันก็เพราะดาห์ลนี่แหละค่ะ


    และอีกอย่าง เราจะได้เห็นยักษ์กินอาหารมนุษย์ครั้งแรก -- กินด้วยจำนวนมากมายมหาศาล ขนมปังกองสูงเทียมเข่า ไข่ลวกกองสูงเป็นภูเขาจนเกือบแตะเพดาน -- และเพราะไข่ที่มีเยอะแยะนั่นแหละ ที่ทำให้ยักษ์ใจดีค้นพบว่าตัวเองโปรดการกินไข่มาก มากจนแม่ไก่ในวังออกไข่ไม่ทัน *0*



    หากอยากลองนิยามคำว่า ยักษ์ ใหม่อีกครั้ง  ต้องลองอ่านค่ะ


    อีกเรื่องที่อยากพูดถึงคือ แม่มด ค่ะ  ชื่อเรื่องง่ายๆแบบนั้นเลย

    เชื่อว่าหลายคนจินตนาการถึงคำว่าแม่มด ในรูปแบบสวมหมวกแหลมสูง คางยื่น และขี่ไม้กวาดกัน  แต่สำหรับดาห์ลแล้วนั้น แม่มดจริงๆบนโลกใบนี้ กลับตรงกันข้ามแทบจะสิ้นเชิง

    หนึ่งคือ แม่มดเป็นผู้หญิงไม่มีผม หัวล้าน โล้นๆเลี่ยนๆ เหมือนกับไข่ลวก
    สอง -- แม่มดไม่มีนิ้วเท้า
    และสาม -- มีน้ำลายเป็นสีน้ำเงิน

    เพราะงั้นแม่มดก็เลยใช้น้ำลาย มาเขียนแทนน้ำหมึกได้  

    ฟังๆดู มันน่าจะง่าย ในการสังเกตแม่มดออกจากคนธรรมดาใช่มั้ยคะ เพราะไม่มีใครมีน้ำลายเป็นสีน้ำเงิน - -  แต่ความจริงแล้ว แม่มดได้พยายามปกปิดข้อแตกต่างเหล่านั้นอย่างเรียบร้อย ไม่ว่าจะวิก รองเท้า หรือการฝืนยิ้มในมุมปากแปลกๆ -- ทำให้เราแยกแม่มดออกจากคนทั่วไปแทบไม่ได้

    แต่ตัวเอกของเราแยกได้ เพราะเขามียาย เป็นผู้ปราดเปรื่องเรื่องแม่มด 

    แต่จะอย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเอกของเรา จะมีคุณยายที่เก่งด้านแม่มดมากขนาดไหน ในที่สุดเขาก็ต้องถูกแม่มดจับไปได้อยู่ดี เพราะบังเอิญไปเล่นอยู่หลังเวที ของห้องประชุมที่แม่มดมาชุมนุมกันพอดี

    ที่นั่น เขาได้เห็นหัวหน้าแม่มด เห็นสภาพจริงๆของแม่มดกับตา และได้ยินแผนกวาดล้างเด็กทั้งโลกของบรรดาแม่มดอีกด้วย

    และในที่สุด ความก็แตก เมื่อแม่มดคนหนึ่งจับเขาได้ และเขาก็ถูกสาปกลายเป็นหนู

    เรื่องควรจะจบลงตรงนี้ไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนูฉลาดพอๆกับที่เป็นเด็กฉลาด
    ดังนั้น ในนาทีถัดมา แผนการขัดขวางแม่มดก็เลยเริ่มขึ้น !

    เราจะได้อ่านเรื่องสนุกๆ ก็เพราะแม่มดมันแสบ แต่ฝ่ายตัวเอกเราแสบกว่านี่ล่ะค่ะ ! ใครอยากรู้ ต้องตามอ่าน

    หนึ่งในฉากที่แก้วชอบมากที่สุดจากเรื่องนี้ ก็คือฉากสุดท้าย ที่หลานกับยายคุยกัน
    มันเป็นฉากที่ทั้งสองคุยกันถึงอายุขัยของหนู -- ยายบอกว่า ในกรณีที่เป็นหนูถูกสาป อายุขัยจะมากกว่าหนูปกติถึงสามเท่า

    ดังนั้น บวกลบคูณหารแล้ว -- สองยายหลาน สามารถตายไปพร้อมกันได้
    จะไม่มีใครโดดเดี่ยว จะไม่มีใครเดียวดาย  จะไม่มีหนูที่ถูกสาปโดนทิ้งอยู่บนโลกนี้โดยลำพัง จะไม่มียายที่คิดถึงหลานจนซึมเศร้า

    ดาห์ลรู้ได้ยังไง ว่าต้องเขียนถึงมุมนี้ของชีวิตหลานยายคู่นี้ด้วย ?
    อธิบายไม่ถูกค่ะ แต่อ่านแล้ว ชอบตรงบทสุดท้ายนี้มากจริงๆ
    จริงๆนะ ลองอ่านกันดูค่ะ !


    แต่ถ้าใครไม่ใช่คอนิทาน หรือเทพนิยาย 
    ดาห์ลเองก็มีเรื่องผู้ใหญ่เหมือนกันค่ะ !  ที่แก้วอยากแนะนำก็คือ “วางไม่ลง

    อ่าฮ่ะ มันวางไม่ลงจริงๆนะเออ !

    เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นหลายๆเรื่อง ที่แต่ละเรื่องบรรยายได้แค่ว่า “แปลก” “ระทึก” “เห็นภาพ” และ “สนุกมากก”

    แปลกแค่ไหน ?

    แปลกถึงขั้นว่า ภรรยาต้องคุยกับสามีตัวเองที่ตายไปแล้ว -- ไม่ใช่ผ่านจิตสัมผัสที่ 8 หรือ 108-- แต่ผ่านลูกตาของสามีในอ่างแก้ว -- ใช่ เขามีชีวิตหลังความตายได้ เพราะเส้นประสาทยังทำงานได้ดีพอ ที่จะให้ลูกตาและสมอง ยังทำงานได้อยู่ปกติ

    เจ็บแสบถึงขั้นว่า เรื่องชู้และเมียน้อย กลายเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดเรื่องหนึ่งได้เลย แค่เพราะตั๋วรับของจำนำเพียงใบเดียว

    ใครที่ชอบอ่านเรื่องแปลกๆ ระทึกๆ ตลกร้ายสะบัด และเจ็บแสบถึงใจ ต้องลองอ่านค่ะ
    แล้วจะเกิดคำถามว่า นี่คนแต่งเรื่องโรงงานช็อกโกแลตจริงง่ะ ?

    แต่แก้วก็ต้องเตือนนะคะ ว่าเรื่องแนวผู้ใหญ่ของดาห์ล ไม่แนะนำให้เด็กอายุต่ำกว่า 15  อ่าน
    -- อันนี้ แก้วไม่ได้คิดเองเออเองนะคะ หน้าปกเค้าก็ถึงขั้นพิมพ์ประกาศเอาไว้เลยทีเดียว 5555


    และสำหรับใคร ที่อ่านผลงานของดาห์ลแล้ว มีความรู้สึกอยากรู้จักนักเขียนท่านนี้ยิ่งขึ้นไปอีก ดาห์ลก็มีเขียนหนังสือชีวประวัติตัวเองด้วยนะคะ สามารถอ่านได้ในเรื่อง “บินเดียว” หรือ “เด็กชายโรอัลด์ ดาห์ล"

    และอีกเช่นกัน หากใครอ่านติดตาม จนอยากจะลองอ่านผลงานเรื่องแรกๆของท่าน ก็มีตีพิมพ์ให้อ่านอีกเหมือนกันค่ะ ในชื่อเรื่องที่ตรงไปตรงมามาก ว่า  “เรื่องแรก” -- ไม่มีทางหยิบผิดเล่มค่ะ

    และนี่ก็คือผลงานของโรอัลด์ ดาห์ล นักเขียนชื่อดังจากนอร์เวย์ ที่แก้วชื่นชอบมากๆ และอยากจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆได้ลองอ่านกันดูค่ะ ใครอ่านแล้ว คิดยังไง มาพูดคุยและเปลี่ยนกันได้นะคะ มาลองดูกันว่า จะมีเรื่องถูกใจ เป็นเรื่องเดียวกันรึเปล่า ^^

    ขอบคุณมากค่ะที่แวะมาอ่าน

    ขอบคุณหนังสือ และรูปภาพประกอบ จากสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ค่ะ ^^

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ryoheiehoyr_ (@ryoheiehoyr_)
ตอนแรกเคยอ่านเรื่องแม่มดอยู่ครับ ตอนม.1มั้ง บังเอิญไปเจออยู่บนชั้นในห้องสมุดโรงเรียน ไอ้เราก็ขี้เกียจทำเรื่องยืมหนังสือ เลยอ่านแล้วก็เอาหนังสือไปแอบมุมๆไว้และก็จำที่เอาไว้ จะได้มาดูทีหลัง(ตอนนั้นเป็นเด็กไม่ดีเลย5555) ทำไปเรื่อยตอนคาบว่างจนเกือบประมาณครึ่งเล่ม มาดูอีกทีหนังสือหายไปไหนแล้วไม้รู้ แงงงงง /เดี๋ยวตอนหาโอกาสตามเก็บอ่านแล้ว
Samanthachiew (@Samanthachiew)
@ryoheiehoyr_ เล่มนี้คุ้มค่ากับการตามอ่านค่ะ ตามอ่านโล้ดดดด
7,929 km (@zingzing)
แวะมาบอกว่าเป็นแฟนโรอัลด์ ดาห์ลเหมือนกันค่ะ เป็นหนึ่งในนักเขียนที่พูดได้เลยว่าโตมากับงานของเขา อ่านทุกเรื่อง และชอบทุกเรื่อง ฮือ ชอบความดีพ ปนดาร์คหน่อยๆในหนังสือเด็กเขามาก อย่างเรื่องแม่มด มาทิลด้าเงี้ยค่ะ55555555555 พวกเรื่องสั้นก็หลอน (เคยอ่านเรื่องวางไม่ลงตอนประมาณปอหกโดนคำว่าไม่เหมาะกับเด็กดึงดูด เปลี่ยนโลกเราไปเลยค่ะ5555555555) แต่สำหรับเราชอบที่สุดคือเรื่อง เด็กชายโรอัลด์ ดาห์ล ชอบที่เขาเล่าเรื่องตัวเองได้แบบประชดประชันนิดๆมาก นี่ก็มีแพลนจะไปนอร์เวย์ ถ้ามีโอกาสก็อยากลองไปตามรอยเกาะที่ครอบครัวดาห์ลไปเที่ยวเหมือนกัน > <
แหะ พิมพ์ซะยาวเลย เป็นติ่งคุณเขา พอได้พูดก็หยุดไม่ได้เลย555555555555
Samanthachiew (@Samanthachiew)
@zingzing โตมากับดาห์ลเหมือนกันค้าาา เปิดโลกใหม่ให้เราจริงๆ หนังสือตอนเด็กที่ชอบคือยักษ์ใจดี แม่มดค่ะ ไม่นับหนังสือเด็ก ชอบวางไม่ลงมาก เพราะอ่านแล้ววางไม่ลงจริงๆ 5555