เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Strange to meet youBUNBOOKISH
01: แปลกแต่เด็ก เด็กแต่แปลก

  • 01: ผม

    สมัยเด็กๆ ผมเป็นเด็กที่จะเรียกว่าดื้อก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าซนก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าถ้ารวมทุกอย่างในตัวผมเข้าด้วยกันแล้ว มันก็กลายเป็นความป่วงได้อย่างลงตัว

    ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงห้องเรียนห้องหนึ่งที่จะมีเด็กหลายประเภท ตั้งแต่เด็กติ๋มที่พอโดนเพื่อนเอาหมากฝรั่งมาแปะผมก็ร้องไห้ เด็กพูดมากขี้ฟ้องที่วิ่งไปบอกครูเรื่องหมากฝรั่ง เด็กเงียบๆ ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ อย่างสุขุม ไม่อยากโดนหางเลข เด็กที่หัวเราะก๊ากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไอ้เด็กที่เอาหมากฝรั่งไปแปะหัวเพื่อน—ผมเป็นเด็กคนสุดท้าย

    แต่บอกก่อนเลยว่าห้ามโทษป๊ากับม้าผม หรือเรียกผมว่าไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน เพราะว่าป๊ากับม้าผมเป็นคนเข้มงวดมาก สอนทุกอย่างตั้งแต่วิธีจับช้อนส้อมกินข้าว ไปจนถึงวิธีเลือกสาวในอนาคต แม้ทั้งหมดนั่นจะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แต่ก็ยังย้อนเข้ารูจมูกไปเก็บไว้ในซีรีบรัมส่วนที่ลึกที่สุดรอวันนำออกมาใช้—ผมไม่ได้ลืม แต่แค่ไม่ได้ทำ

    ป๊าผมเป็นคนชอบเล่าประสบการณ์ชีวิตตัวเองอันแฝงไปด้วยปรัชญาแบบที่ผมไม่เข้าใจ แต่ละเรื่อง ผมจะได้ฟังไม่ต่ำกว่ายี่สิบรอบ แต่ละรอบป๊าก็สามารถเล่าได้เหมือนเดิมทั้งเนื้อหาและอารมณ์ ทุกอย่างดูสดใหม่ราวกับเพิ่งเล่าเป็นครั้งแรก ซึ่งทุกครั้งผมต้องทำท่ากระตือรือร้นที่จะฟังมันเหมือนผมไม่เคยได้ยินมาก่อน 

    ถึงตอนนี้ผมว่าผมจำเรื่องของป๊าได้ทุกเรื่อง คงเหมือนเพลงที่เราฟังซ้ำ ๆ จนร้องตามได้เองโดยไม่ต้องดูเนื้อร้องอะไรประมาณนั้น

    พอขึ้นชั้นประถม โรงเรียนของผมก็เป็นโรงเรียนที่แปลก บทลงโทษก็แปลก ส่วนผมก็แปลกที่ได้รับการลงโทษมาแล้วแทบจะทุกรูปแบบ จนกลายเป็นความภาคภูมิใจของผมและเป็นตำนานของเพื่อนร่วมห้อง

  • ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงต้องถูกลงโทษนักหนา ราวกับว่าแค่เป็นผม ก็ผิดแล้ว...

    ผมถูกเรียกพบผู้ปกครองอยู่บ่อยๆ เหมือนงานอดิเรกของผมคือการเข้าพบครูใหญ่ในห้องเย็น เด็กทุกคนคงจะกลัวการถูกเรียกเข้าห้องนี้ แต่ผมกลับเข้าไปบ่อยจนชิน

    การลงโทษของโรงเรียนผมมีหลายระดับ ระดับต้นๆ ก็ตีมือเปาะแปะ คัดลายมือ ทำเวร จนถึงการจับมานั่งที่นั่งพิเศษในห้องเรียน—ถ้าเด็กคนไหนทำตัวไม่ดีก็จะถูกจับแยกออกมาจากนักเรียนคนอื่น มานั่งในที่กิตติมศักดิ์ติดโต๊ะครูประจำชั้นหลังห้อง แต่ทั้งหมดนี้รวมกันแล้วยังไม่แย่เท่าการลงโทษขั้นสุดยอดซึ่งยังไม่เคยเห็นใครโดนมาก่อน แต่ก่อนที่ผมจะจบออกมาจากโรงเรียน แน่นอนว่า ผมก็เก็บแต้มจากการโดนทำโทษได้ครบทุกรูปแบบ

    ผมโดนการลงโทษขั้นสุดยอดอย่างแรกจากการที่ผมไปขัดขาเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เธอกำลังวิ่งแข่งที่ลานหน้าโรงเรียน เธอเป็นเด็กผู้หญิงเจ้าเนื้อ ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งเธอจะมีขนมอยู่ในปากและกระเป๋าเสมอ

    พักเที่ยงวันหนึ่งผมเดินกินไอติมออกมาจากโรงอาหาร เธอและเพื่อนๆ กำลังวิ่งแข่งกัน ความสงสัยเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมยื่นขาไปขัดขาเธอ ตอนนั้นเพราะผมสงสัยว่าเด็กตัวกลมใหญ่อย่างเธอ ถ้าล้มแล้วตัวเธอจะเด้งกับพื้นหรือเปล่า...

    ผลคือเธอตัวลอยขึ้นจากพื้นนิดนึงแต่ไม่ได้เด้งเหมือนลูกบอลอย่างที่ผมคาด แล้วก็ไถลไปกับพื้นคอนกรีตอย่างแรง ขาและแขนถลอกปอกเปิก 

    ความกลัวแผ่ซ่านไปตามเส้นเลือดของผมทันที ผมตกใจ ยืนตัวแข็งเป็นหินเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมจำไม่ได้ว่าถูกครูตีหรือยัง ถ้าโดนไปแล้วครูคงคิดว่ายังไม่สาสม ผมถูกพาตัวมาที่ห้องพักครูซึ่งมีครูบุหงานั่งรออยู่...
  • 02: ครูบุหงา

    ผมเชื่อว่าทุกโรงเรียนน่าจะมีครูอยู่สักคนหรือสองคนที่นักเรียนเกรงกลัว เพียงแค่ครูชายตามอง สมองของคุณจะประมวลภาพความผิดที่ทำมาทั้งชีวิต ครูบุหงาคือครูแบบที่ผมกำลังพูดถึง

    ผมไม่ได้พูดว่าครูบุหงาเป็นครูที่ไม่ดีหรือครูใจร้าย โชคดีที่ทั้งชีวิตผมพบเจอแต่ครูที่ดีและใส่ใจ ครูบุหงาเป็นครูที่ดีมาก แต่ก็เป็นครูที่ดุมากเช่นกัน เธอเป็นผู้หญิงวัยกลางคนร่างเล็ก ผิวคล้ำจากการตากแดดเพราะต้องคุมกิจกรรมลูกเสือเนตรนารีของทุกชั้นปี ผมสีดำลอนยาวรวบตึงไว้ข้างหลัง ตาคมกริบราวกับเหยี่ยวที่รอขยุ้มเด็กน้อยแสนซน

    เมื่อผมเข้าไปในห้องพักครูอันเย็นเยียบ ห้องเงียบซะจนคิดว่าครูคงได้ยินเสียงผมกลืนน้ำลาย ครูบุหงานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่สุดในห้อง เธอเหลือบตาขึ้นมาจากกองเอกสารและลุกเดินตรงมาที่ผม

    “เธอรู้มั้ยว่าสิ่งที่เธอทำวันนี้มันแย่มาก” ผมสะดุ้งและพยักหน้า หลบตา ก้มหน้ามองพื้น “เธอต้องโดนลงโทษขั้นหนัก โทษฐานรังแกเด็กผู้หญิง!”

    ผมกระวนกระวาย โทษมันจะหนักขนาดไหนกันเนี่ย เกิดมาผมยังไม่เคยทำใครเลือดตกยางออกมาก่อน จะโดนเฆี่ยน กักบริเวณ เรียกพบผู้ปกครอง หรือจะโดนไล่ออก ผมกลัวจนแทบจะเป็นลม

    “ครูคิดออกแล้วว่าจะทำโทษเธอยังไงดี ณัฐวุฒิ” ครูเอื้อมมือไปที่ตู้เก็บของและหยิบกระโปรงนักเรียนออกมายื่นให้ผม “ใส่กระโปรงซะ วันนี้ทั้งวันเพื่อนจะได้รู้ว่าเธอแกล้งผู้หญิง”

    พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ครูยอดขมองอิ่มของผม ช่างเป็นการลงโทษที่ทำร้ายจิตใจลูกผู้ชายอกไม่ถึงสามศอกเป็นอย่างมาก ช่างโหดร้ายและครีเอตไปพร้อมๆ กัน

    ผมบรรจงใส่กระโปรงอย่างกล้ำกลืน หมดกันความเท่ที่สะสมมา น้ำตามันพานจะไหล แต่ก็แอบเช็กตัวเองในกระจกเบาๆ เอาให้แน่ใจว่าอย่างน้อยก็ยังดูน่ารักสมวัย

    ห้านาทีต่อมา ผมเห็นเพื่อนๆ ต่อแถวเรียงหนึ่งยาวเหยียดอยู่หน้าห้อง ครูบุหงาสั่งให้ผมไปยืนกลางห้อง ส่วนครูยืนหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างประตูเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนทุกคนจะเห็นผมชัดเจนตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อนๆ พากันหัวเราะคิกคัก ส่วนเพื่อนสนิทผมยิ่งหัวเราะดังกว่าชาวบ้าน

    ถ้าสมัยนั้นโทรศัพท์มือถือมีกล้อง พวกมันคงอัดวิดีโออัพขึ้นโซเชียลฯ ต่างๆ ไปแล้ว แม้แต่คู่กรณีของผมก็ยังให้เพื่อนตัวเล็กอีกสองคนหิ้วปีกมาดูผมใส่กระโปรงด้วยความสะใจ

    หลังจากนั้นผมก็เลิกซ่า ซึมไปหลายวันทีเดียว

    มีอีกการลงโทษที่ครูบุหงาคิดค้นขึ้นมา เป็นที่สุดของความคัลต์สำหรับเด็กทั้งโรงเรียน เป็นด่านสุดท้ายไฟนอลเดสติเนชั่น นั่นคือการกักบริเวณค้างคืนพร้อมครูบุหงา ยังไม่เคยมีใครโดนมาก่อน แต่ผมคนเดียวฟาดไปสองครั้งถ้วน
  • 03: ผมถูกลงโทษ...อีกแล้ว

    เช่นเคย...ผมจำไม่ได้ว่าทำไมผมถึงโดนลงโทษ คุณเข้าใจใช่มั้ย เด็กบางคนไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำอะไรจากความอยากรู้อยากเห็นลงไปบ้าง หรือบางคนก็ทำไปโดยไม่ได้คิด เด็กพวกนั้นถึงต้องถูกเข้มงวดเป็นพิเศษ ผมขอถือวิสาสะเป็นตัวแทนเล่าความรู้สึกของเด็กเหล่านั้นให้ฟังแล้วกัน

    ผมจำได้แค่ว่าในวันหนึ่งผมถูกเรียกพบผู้ปกครอง และครูบุหงาก็นัดแนะให้ผมเตรียมเสื้อผ้าสำหรับการค้างคืนในวันถัดมา บางคนอาจคิดว่าก็แค่มาค้างคืนที่โรงเรียนกับครู แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะผมต้องเฝ้าเวรพร้อมกับครู เดินตรวจโรงเรียนตอนกลางคืน ไม่เว้นแม้แต่ห้องนาฏศิลป์ที่พวกเราลือกันว่าผีดุ และครูคนเดียวที่อยู่กับผมก็ดันเป็นครูบุหงา แค่นึกก็น้ำตาคลอ...

    เย็นวันที่ต้องค้างคืน ป๊ากับม้ามาหาพร้อมข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ผมชอบ รู้สึกเข้าใจคำว่ากำลังสูญเสียอิสรภาพก็วันนั้นเลย...

    ผมกับครูช่วยกันเก็บโต๊ะและเก้าอี้ที่วางไม่เรียบร้อย รดน้ำสวนผักหลังโรงเรียน ล็อคประตูห้องเรียนต่างๆ ผมเดินตามครูอย่างกับลูกเป็ดตามแม่เป็ดข้ามถนน มือผมดึงชายเสื้อครูไว้แน่น เพราะเริ่มหวาดกลัวกับทุกสรรพสิ่งที่เคลื่อนไหวตอนกลางคืน เงาดำคือสัตว์ร้ายและเสียงลมคือเสียงผีร้องไห้

    ครูบุหงาใจดีกว่าที่ผมคิด คอยพูดสอนเล่านู่นเล่านี่ให้ผมฟังตลอดเวลา ก่อนจะเอาฟูกและผ้าห่มมาปูนอนพร้อมกันตอนสี่ทุ่มในห้องพักครู หลังปิดไฟแล้วครูบุหงายังบ่นต่ออีกนิดหน่อย แต่ไม่นานครูก็หลับไปปล่อยให้ผมอยู่กับโรงเรียนตามลำพัง
  • คืนนั้นคงเป็นคืนที่ประสาททั้งห้าของผมไวเป็นพิเศษ เพราะในหัวมีแต่เรื่องเล่าน่ากลัวที่เพื่อนๆ เล่าให้ฟัง จะหลับตาก็ไม่กล้า จะลืมตาก็เห็นนู่นเห็นนี่ แต่...ตื่นมาอีกทีก็เช้าตรู่

    เช้าวันต่อมา ผมเป็นเด็กคนแรกที่มาถึงห้องเรียน (แน่นอนสิ) นั่งทำหน้าแป้นแล้นรอเพื่อนอยู่ในห้อง แต่ไม่นานก็เหมือนผมลืมไปแล้วว่าเคยถูกทำโทษ เพราะผ่านไปไม่กี่เดือนก็โดนจับค้างคืนที่โรงเรียนอีกอยู่ดี

    จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดถึงโรงเรียน เพื่อน และคุณครูที่เคารพรักอยู่เสมอ ไม่กี่ปีก่อน ผมนัดกับเพื่อนๆ กลับไปที่โรงเรียน ช่างบังเอิญที่เป็นวันสุดท้ายก่อนที่โรงเรียนจะทุบตึกเรียนของพวกเราทิ้งเพื่อซ่อมปรับปรุง แม้บางส่วนจะถูกทำลายไปบ้างแล้ว แต่ความทรงจำของผมยังชัดเจน ทางเดินที่เคยวิ่งเล่น ห้องพักครูอันศักดิ์สิทธิ์ ห้องนาฏศิลป์ที่เคยเชื่อว่าผีดุ สนามที่เคยเข้าแถวตอนเช้า

    แปลกที่ผมคิดว่าทุกอย่างเคยดูใหญ่โตกว่านี้ อาจเป็นเพราะเด็กชายคนนั้นโตขึ้นมากแล้วละมั้ง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in