เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พิฬารลมnimon
ตอนที่ ๘ เหนือเวหาคือพสุธา


  • “มา ปิเยหิ สมคญฺฉิ อปฺปิเยหิ กุทาจนํ

    ปปิยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ อปฺปิยานญฺจ ทสฺสนํ

    - อย่าคิดอยู่ในสิ่งที่เรารักหรือไม่รัก

    การพลัดพรากจากที่เรารักเป็นทุกข์

    การพบเห็นสิ่งที่ไม่รัก ก็เป็นทุกข์ -”


         “ความรักเอ๋ยรักได้ในฉันใด

    หากรักฉันท์ไม่เป็นดั่งใจหวัง

    ใจดวงนี้คงพบทุกข์ทุกครั้ง

    และได้ไร้มั่งมีอันศรีสุข”


         ฉันอยู่ในอ้อมกอดของเมย์ และนิลอยู่ในอ้อมกอดของศศิ พวกเราทั้งสองเดินกำลังจะออกจากโรงพยาบาล แต่บังเอิญ พวกเราพบกับน้องนิดที่เดินมาพร้อมกับวายุ และทั้งสองอุ้มแมวกันมาคนละตัว โดยทั้งสองจะออกจากโรงพยาบาลเหมือนกัน


    “สรุปวายุยังไม่ตาย”ฉันพึมพำกับตัวเอง อย่างทั้งดีใจและเจ็บปวดเหมือนกัน


    “มุกพูดอะไรนะ”นิลถาม


    “ดูมันสองคนสิค่ะ คุยกันใหญ่เลย”เมย์บอก


    “เปล่า”ฉันตอบปฏิเสธไป และฉันได้ยินเสียงเมย์เรียกน้องนิด และน้องนิดหันมาพร้อมกับวายุ


    “น้องนิด แฟนหรือ”เมย์ถาม


    “ใช่ค่ะ เเฟนนิดเองค่ะ ชื่อวายุ”นิดพูด และบอกกับวายุว่า พวกพี่ๆทั้งสองเป็นคนในแผนก และชื่ออะไรบ้าง


    “ผมขอบคุณมากครับ ที่ทุกคนดูแลนิดอย่างดี งั้นถ้าผมอยากขอเลี้ยงขอบคุณได้ไหมครับ”วายุพูด วายุคนเดิม คนที่ฉันรู้จัก กลับมาแล้ว ฉันดีใจอย่างมาก แต่กลับทำให้นิลเข้าใจฉันผิด


    “มุกชอบมันใช่ไหม เพราะมุกเคยเอ่ยชื่อวายุ”นิลพูดอย่างนึกขึ้นมาได้


    “เปล่า ฉันเคยเป็นเพื่อนกับเขามาก่อน ฉันชอบนิลตัวเดียวจริงๆ”ฉันพูด และนิลถึงค่อยมีสติขึ้นมา ก่อนกล่าวขอโทษฉัน ซึ่งฉันยอมให้อภัยอยู่แล้ว จึงพูดว่า


    “ไม่เป็นไร ฉันดีใจที่นิลหึงฉัน”


    “ผมไปไม่ถูกเลย”นิลพูด แล้วยิ้มเขินๆมาให้


    “ดูแมวพี่สองตัวเหมือนกำลังจีบกันอยู่ยังไงก็ไม่รู้”น้องนิดบอกอย่างขำๆ


    “ใช่ นี่พี่มีข่าวดีมาบอกนะ”เมย์พูด และพูดเรื่องงานแต่งงาน


    “หา อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เนอะ วายุ”น้องนิดพูดเขินๆ และพบว่า ทั้งสองจะแต่งงานกันเหมือนกัน 


    “แต่นิดกับวายุจัดงงานแต่งงานให้แมวของนิดกับวายุไม่ได้เหมือนพี่ค่ะ”น้องนิดพูด


    “อ้าวทำไมล่ะ”เมย์ถาม


    “เพราะทั้งคู่เป็นพี่น้องกันค่ะ”น้องนิดพูด และวายุพูดว่า


    “แถมพวกมันทั้งสองเป็นผู้ชายครับ”แล้วพวกเราหัวเราะกัน ก่อนที่เจ้าแมวทั้งสองจะตื่นขึ้นมาตามเสียงหัวเราะของพวกเรา


    “พี่ๆดูสิ”แมวสามสีในมือของนิดร้องออกมา


    “ใช่ๆ พวกเจ้ารักกันหรือ”แมวสองสีในมือของวายุร้องถามฉันกับนิล


    “พวกเรารักกัน”นิลบอก


    “ถ้ามีลูกมีหลานมาให้พวกเราเล่นด้วย ดีเลยนะ”แมวสามสีร้องบอกมา


    “ค่ะ”ฉันตอบรับ และฉันได้ยินเสียงน้องนิดพูดว่า


    “ดูท่า แมวพวกเราจะสนิทกัน”น้องนิดบอก และเดินมาถึงร้านที่วายุแนะนำ โดยวายุพูดว่า


    “ร้านนี้อร่อยมากเลยครับ”วายุพูด และเปิดประตูให้พวกเราเข้าไปก่อน ร้านนี้จะมีบ้านแมววางไว้อยู่ โดยที่วายุไปบอกกับทางร้านว่า มีแมวมาสี่ตัว และทางร้านบอกว่า 


    “เชิญทางนี้ค่ะ”เจ้าหน้าที่พูด และพาไปยังบ้านของแมวที่มีสี่ห้องให้อยู่ในหลังเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ พาพวกเราแยกไปอยู่กันคนล่ะห้อง แต่ยังคุยกันและได้ยินเสียงอยู่ดี 


    “ผมขอสั่งอาหารแมวก่อนครับ”วายุพูด และพูดถึงเมนูอาหารแมว โดยที่เขาพาพวกเราสี่ตัวไปวางไว้ข้างๆกับโต๊ะที่คนทั้งสี่นั่งอยู่ ก่อนที่จะมีปลาดิบมาเสิร์ฟพวกเราทั้งสี่ตัวข้างหน้า และพวกเราทานอาหารอย่างอร่อย และพวกเราทั้งสี่จะคุยกันอย่างออกรสออกชาติและสนุกสนาน


    “น้องนิดจะแต่งงานเมื่อไหร่ค่ะ”เมย์ถาม


    “นิดกับวายุ จะใช้ฤกษ์สะดวกค่ะ คือ ขอเวลาเตรียมงานสักสองเดือนค่ะ”น้องนิดบอก


    “ไม่เร็วเกินไปหรือ”เมย์ถามด้วยความเป็นห่วง


    “ว่าไงดีค่ะ วายุ”น้องนิดถามและยิ้มให้


    “คือ ผมกับนิดคบกันมานานสิบปีแล้วครับ แถมตอนนี้นิดกำลังจะมีลูกให้ผม แม่ของนิดขอร้องให้ผมแต่งงานกับนิด ความเป็นจริง ผมอยากแต่งกับนิดมานานแล้วครับ แต่นิดนี่ล่ะครับ”วายุบอก


    “นิดไม่ชอบงานพิธีมากมายค่ะ พี่เมย์ก็รู้”น้องนิดบอก


    “แต่ควรแต่งงานนะ”เมย์พูด


    “ค่ะๆ”น้องนิดพูดและหัวเราะ


    “โชคดีเลยนะครับ มีหลานมาให้ผมอุ้มแล้ว”ศศิพูด อย่างสนิทใจกับวายุ


    “คุณศศิต้องรีบเหมือนกันนะครับ”วายุพูดแล้วอมยิ้มมาให้


    “ผมต้องรีบแล้วล่ะ”ศศิพูดแล้วยิ้มให้กับวายุ


    “ใช่ครับ”วายุพูด และขอแลกไลน์กับศศิ ซึ่งศศิยอม และพวกเขาคุยกันต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอยู่ดีๆ เสียงบางอย่างดังขึ้นมา


    “เหตุฉุกเฉิน ทุกคนจงรีบพาสัตว์ของคุณออกจากที่นี้ด่วน เขตหวงห้าม เหตุฉุกเฉิน”


    “เร็ว”เมย์พูดและรีบช่วยกันหยิบแมวมาให้กันและกัน โดยที่พวกเราค่อยๆเดินตามเส้นทางที่ทางร้านบอก ก่อนพวกเราทุกคนเดินออกมาอย่างปลอดภัย และมีรถตำรวจมารับพวกเราตามเขตที่พวกเราอาศัยอยู่ และตำรวจพาพวกเราไปส่งถึงที่บ้านอย่างปลอดภัย ซึ่งเมย์ขออยู่กับศศิก่อน ที่จะค่อยกลับบ้านตัวเอง ซึ่งศศิบอกว่า 


    “ดีเหมือนกัน”


    “เกิดอะไรขึ้นหรือ นิล”ฉันถาม


    “มีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ศีลธรรมเสื่อม”นิลบอก


    “ยังไง”ฉันถาม


    “ผมเห็นหุ่นยนต์ศีลธรรม เข้าไปยังเขตหวงห้าม แปลว่า ต้องมีเรื่องที่เกี่ยวกับศีลธรรมเกิดขึ้น และเป็นเรื่องใหญ่พอสมควร ที่ทำให้ต้องประกาศเหตุฉุกเฉินแบบนี้”นิลพูดกลางๆเพื่อจะได้ไม่ทำให้ฉันตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ฉันก็อดตื่นตระหนกไม่ได้และถามว่า


    “อันตรายขนาดไหนนะ”ฉันถาม


    “ผมว่า เดี๋ยวน่าจะมีนักข่าวมาบอก”นิลบอก และฉันแอบเห็นว่า ทั้งศศิและเมย์อยู่ในห้องดูทีวีกัน 


    “ตอนนี้บรรยากาศบ้านพักยังเต็มไปด้วยควันไฟค่ะ และรถดับเพลิงมาแล้ว แต่ยังคุมไฟได้ไม่ดีค่ะ โดยที่ชาวบ้านที่หนีตายออกมา ได้บอกกับนักข่าวว่า พวกเขาเห็นควันไฟ และรีบหนีออกมา”

  •      ภาพที่เห็นข้างหน้าคือบ้านหลังหนึ่งที่โดนไฟไหม้จนหมด และไฟกำลังลังลุกลามไปยังบ้านอื่น และอยู่ดีๆนิลตะโกนขึ้นมา จนทำให้ทั้งศศิและเมย์ รวมถึงฉันหันไปมองหน้ากัน และถามนิลขึ้นมาว่า


    “รู้จักหรือ”ศศิถาม


    “ครับ นาย เพื่อนผมครับ ลิซครับ”นิลบอก และฉันตกใจมาก


    “บ้านเจ้านายลิซหรือ”ฉันถาม และศศิถามพร้อมกันเช่นกัน


    “หรือว่า เจ้าแมวส้มตัวนั้น”


    “ครับ นาย”นิลบอก


    “อย่าคิดมากนะ”ศศิพูดปลอบ และเมย์กอดนิลเพื่อปลอบใจเช่นกัน


    “ตอนนี้ควบคุมเพลิงได้แล้ว เพราะว่า หุ่นยนต์นักดับเพลิงได้มาช่วย จนดับไฟทันแล้ว ตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้พาผู้ได้รับบาดเจ็บออกมาหมดแล้ว โดยที่ตอนนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งคน พร้อมกับแมวที่อยู่ในการดูแลอีกห้าสิบตัว หากมีอะไรคืบหน้า จะรายงานกลับไป” และมีภาพของผู้เสียชีวิตขึ้นมา


    “นี่เจ้าของแมวเพื่อนแกใช่ไหม”ศศิถามนิลย้ำอีกครั้ง


    “ใช่ครับ”นิลตอบ


    “สงสัย เพื่อนแกจะไม่รอดชีวิต”ศศิพูดและลูบหัวนิลอย่างปลอบใจ


    “ไหวไหม นิล”ฉันปลอบ


    “ไหว แต่ผมแปลกใจ”นิลพูด


    “เรื่อง”ฉันถาม


    “เรื่องความตายในครั้งนี้ หุ่นยนต์ศีลธรรมมา แปลว่า คนตายคือคนวางเพลิงแน่นอนเลย”นิลพูดอย่างที่คิดไว้ในใจ


    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”ฉันถามด้วยความสงสัย


    “เพราะถ้าเป็นเพลิงที่เกิดจากเหตุตามธรรมชาติหรืออุบัติเหตุ หุ่นยนต์ศีลธรรมจะไม่เข้ามายุ่ง แต่ถ้าหากเกิดจากการกระทำที่จงใจเมื่อไหร่ หุ่นยนต์ศีลธรรมจะมายุ่ง และเริ่มตรากฎหมายขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับ กฎของการวางเพลิงหรือกฎของการฆ่าตัวตาย เป็นต้น ประเทศเราในปัจจุบันไม่ได้มีการก่ออาชญากรรมนานถึง ๓๐ ปีมาแล้ว”นิลพูด


    “อย่างงี้นี่เอง”ฉันพูดด้วยความเข้าใจ และฉันอดถามไม่ได้ว่า


    “แล้วหลังจากตรากฎหมายแล้ว หุ่นยนต์ศีลธรรมจะทำไงต่อ”


    “จะมีการกวดขันศีลธรรมมากขึ้น โดยจะบอกกล่าวถึงว่า หากถ้าใครขาดศีลธรรมแบบนี้ แล้วจะเป็นยังไงต่อไป”นิลบอก


    “เข้าใจแล้ว”ฉันพูด


    “เหตุวางเพลิงเกิดจากอะไรค่ะ”นักข่าวสาวสอบถาม


    “จากที่ตรวจสอบ พบว่า เจ้าของบ้านเป็นคนวางเพลิงฆ่าตัวตายและฆ่าแมวของตัวเองครับ”ตำรวจบอก


    “เหตุใดถึงต้องทำแบบนี้ค่ะ”นักข่าวสอบถาม


    “จากที่หุ่นยนต์และทางตำรวจสอบสวนได้ทำงานร่วมกัน และพบว่า เจ้าของบ้านติดหนี้สินจำนวนมาก หลังจากที่ไปรับแมวมาดูแลมากมาย จนทำให้เกิดการวางเพลิงในขณะนี้ แล้วอีกอย่าง เพื่อนบ้านบอกว่า เจ้าของบ้านมาขอยืมเงินหลายรอบ แต่ทางเพื่อนบ้านบางคนให้ยืม และบางคนไม่ให้ยืม”ตำรวจบอก

    และภาพของกล้องเลื่อนไปยังสถานที่ที่ถูกเพลิงไหม้โหมจนไม่เหลือซาก แถมทางรัฐบาลรีบส่งคนเข้ามาช่วยเหลือทันทีตามที่ในหลวงให้คำแนะนำมา และส่งรถมารับคนไปยังที่ปลอดภัย พร้อมกับจะมีทั้งหุ่นยนต์และคนมาช่วยกันสร้างบ้านใหม่ให้กับชาวบ้าน


    “ดีจัง รัฐบาลต้องรีบลงมาช่วยเลย”ฉันพูด


    “อืม ในหลวงท่านทรงให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลืออย่างมาก”นิลบอก


    “ดีเนอะที่เกิดเมืองไทย เมืองนี้ยังมีในหลวงอยู่”ฉันพูด


    “เห็นมุกพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”นิลถาม


    “ฉันรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของท่าน”ฉันพูดเลี่ยงๆ


    “ผมก็ซาบซึ้งเหมือนกัน”นิลพูดและยิ้มมาให้ ซึ่งฉันก็ยิ้มตอบ


    “ฉันกลับบ้านก่อนนะ”เมย์บอกกับศศิ


    “เดินทางปลอดภัยนะ”ศศิบอก แล้วพาเมย์ไปส่งถึงรถไร้คนขับ และเมย์บายๆ ก่อนที่ศศิจะเดินเข้าบ้าน และไล่ให้พวกเราไปนอนได้แล้ว ซึ่งพวกเราทั้งสองคนก็เข้าไปนอนในบ้านของพวกเรากัน

  •      “ทินกรส่องสว่างหล้าปฐพี

    เหนือชีวีเหนือทิวากรอันส่องแสง

    เหนือสุริยาเหนือศศิธรอันลงแรง

    เหนือแทรกแซงชลธีอันนิรันดร์

    เหนือความจริงคือโลกอันสดใส

    เหนือจิตใจคือโลกอันสดศรีนั้น

    เหนือคงคาปฐพีส่องแสงบุหลัน

    เหนือบุปผชาตินั้นคือเหนือสิ่งอื่นใด

    เหนือกว่ารักคือความห่วงใย

    เหนือกว่าให้คือการอภัยไว้

    เหนือกว่ารับคือแสงแห่งไถง

    เหนือกว่าได้คือเหนือตะวันลา

    เหนือชลธีแลปฐพีคือเหนือหฤทัย

    เหนือปราชญ์พูดไว้คือเหนือผกา

    เหนือสกุณาบินร่อนอัมพรเหนือเวหา

    เหนือนภาเหนือล่องท่องนที”เสียงเพลงของใครคนหนึ่งดังลอยขึ้นมาให้ฉันได้ยินเสียงอย่างชัดเจน


    “ใคร”ฉันถามออกไป และฉันได้ยินเสียงคนตอบกลับมา


    “ผมเอง”เสียงผู้ชายที่คุ้นๆพูดขึ้นมา


    “ใคร”ฉันถามอีกครั้ง


    “ผมเป็นคนทำให้คุณมายังโลกนี้”เสียงผู้ชายคนนั้นพูดกลับมา และฉันมองเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อย่างชัดเจน ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่มนุษย์อย่างที่ฉันเห็น เพราะหน้าของเขาเป็นคน แต่ส่วนลำตัวจนถึงส่วนล่างของเขาเป็นหุ่นยนต์


    “คุณไม่ต้องตกใจ คุณเมวรินทร์”เขาพูด


    “คุณอย่าเข้ามา ฉันกลัว”ฉันพูดด้วยความหวาดกลัว


    “ไม่ต้องกลัว ผมมาดี”เขาพูด


    “คุณมาที่นี้เพื่ออะไร”ฉันถามด้วยความหวาดๆ


    “ผมมาเพื่อบอกกับคุณว่า คุณจะกลับไปยังร่างของคุณไม่ได้อีกแล้ว”เขาพูด


    “เพราะอะไร”ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ


    “เพราะโลกนั้น มันไม่มีคุณอยู่แล้วยังไงล่ะ โลกนั้นมีแต่ร่างไร้วิญญาณของคุณ”เขาพูด


    “ฉันไม่เข้าใจ”ฉันถาม


    “นี่คือโลกคู่ขนาน”เขาพูด


    “หมายความว่าไง”ฉันถาม


    “คุณเคยได้ยินไหมว่า โลกเรามีคนๆเดียวกันอยู่ในอีกโลกหนึ่ง หากคุณในโลกนี้ชีวิตมีความทุกข์ อีกโลกคู่ขนานหนึ่ง คุณก็กำลังมีความสุข คุณถนัดซ้ายในโลกนี้ แต่คุณถนัดขวาในอีกโลกหนึ่งก็ได้”เขาอธิบายให้ฉันฟัง


    “หมายความว่า โลกที่จากมาของฉันมันไม่มีฉันอยู่แล้ว”ฉันพูดทวนอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง


    “ใช่ มีแต่ร่างไร้วิญญาณของคุณ สมองตาย และร่างที่กำลังจะร่วงโรยไปตามกาลเวลา พวกเราพยายามช่วยเหลือคุณ ผมและภรรยาของผมพยายามช่วยเหลือคุณ เสียดาย ภรรยาของผมเสียชีวิตไปแล้ว ไม่งั้น คงได้เห็นความสำเร็จนี้”เขาพูด


    “ยังไง ฉันต้องอยู่ร่างนี้ต่อไปหรือค่ะ”ฉันถามด้วยความมีหวังอยู่สักนิด


    “ไม่ใช่ คุณต้องอยู่ตลอดไปต่างหาก ผมช่วยเหลือสมองที่กำลังจะตายของคุณกับศศิ ให้มาอยู่ในร่างของแมว โดยผมย้ายความคิดของศศิมาอยู่ในร่างของนิล ส่วนของคุณมาอยู่ในร่างของมุก คุณทั้งสองเลือกไม่ได้ ที่จะกลับไปยังโลกที่จากมาแล้ว ดังนั้น คุณอย่าบอกนิลเรื่องจะดีกว่า เพราะนิลเขาจำเรื่องราวอะไรไม่ได้หมดแล้ว แต่ของๆคุณ มันเกิดการผิดพลาดจากเครื่องจักร จึงทำให้พวกเราลบความทรงจำของคุณไม่ได้ และเราปล่อยคุณเข้าไปเลย”เขาพูด


    “ลบความทรงจำ”ฉันถาม


    “ใช่ พวกเราย้ายสมองที่ตายไปแล้วมาเข้าร่างแมว และรีเซ็ตความทรงจำใหม่ เพื่อคุณจะได้ไม่เหลือความทรงจำในความเป็นคนนั้นอีก แต่คุณในร่างแมวขาวกลับย้ายไปก่อนที่พวกเราจะรีเซ็ตระบบ ดังนั้น คุณจึงหลงเหลือความทรงจำนี่อยู่”เขาพูด


    “แล้วฉันจะทำไงดีค่ะ”ฉันถาม


    “ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากคุณต้องอยู่ในร่างแมวนี้ตลอดไป”เขาบอก


    “เข้าใจแล้วค่ะ ยังไง ฉันก็ไม่สามารถเรียกร้องสิ่งที่ไม่กลับมาแล้วให้กลับมาได้อยู่ดี”ฉันพูด


    “ผมดีใจที่คุณเข้าใจ เพราะผมรู้สึกผิดกับคุณเรื่องนี้เหมือนกัน”เขาพูด


    “จากที่ฉันฟัง คุณดูช่วยฉันมากกว่าตั้งใจทำให้เกิดเรื่องไม่ดีกับฉัน”ฉันพูด


    “ขอบคุณที่เข้าใจ”เขาพูด


    “เพลงของคุณเพราะจังเลยค่ะ”ฉันเอ่ยชม


    “ขอบคุณ เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมแต่งให้ภรรยาผมร้องและฟังเสมอ และเมื่อผมร้องเพลงนี้ ผมถึงติดต่อกับคุณได้”เขาพูด


    “ทำไมต้องเป็นเพลงนี้ด้วยล่ะคะ”ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ


    “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมลองหลายวิธีแล้ว ผมติดต่อคุณไม่ได้ เพราะผมอยากมาเล่าให้คุณฟังกับตัวของผมเอง แต่วันหนึ่ง ผมฝันถึงภรรยาของผม เธอบอกผมแบบนี้ ผมจึงลองทำดู แล้วก็ติดต่อกับคุณได้ในที่สุด”เขาพูด


    “เข้าใจค่ะ ตอนนี้ฉันตื่นแล้วหรือยังคะ”ฉันถาม


    “คุณตื่นอยู่ แต่คุณตื่นอยู่ในห้วงของมิติที่ต่างกัน เดี๋ยวอีกไม่นาน คุณก็จะตื่นขึ้นมาจริงๆ ผมดีใจที่คุณกับศศิ ลูกชายของผมยังปลอดภัยอยู่ในโลกคู่ขนานนี้”เขาพูด และยิ้มมาให้ ใช่ รอยยิ้มนี้เหมือนศศิอย่างมาก


    “ศศิคือลูกชายคุณ”ฉันถามด้วยความข้องใจ


    “ใช่ เขารักคุณมาก ผมจึงต้องทำโลกคู่ขนานที่มีคุณอยู่ด้วย ผมดีใจที่ผมเห็นศศิที่อยู่ในร่างของแมวดำตัวนั้นอย่างมีความสุข และในโลกนี้ ศศิยังมีชีวิตอยู่ ผมกับภรรยายังมีชีวิตอยู่”เขาพูด


    “คุณเป็นหุ่นยนต์ ศศิเป็นหุ่นยนต์หรือ”ฉันถามด้วยความสับสน


    “ผมเคยเป็นมนุษย์มาก่อน และศศิเป็นมนุษย์ แต่เพราะร่างกายของผมมันเสียไปแล้ว ผมจึงต้องสร้างร่างกายตัวเองขึ้นมา เพื่อจะได้รอวันที่ผมติดต่อกับคุณได้ แล้วหลังจากที่ผมติดต่อคุณได้ อธิบายให้คุณฟังทั้งหมดแล้ว ผมจะปิดสวิตซ์ตัวเอง”เขาพูด


    “หมายความว่า คุณจะตาย”ฉันถาม


    “ใช่ ผมจะตาย”เขาพูดอย่างไม่อาลัย


    “คุณควรบอกกับศศิถึงความรักของคุณที่มีต่อเขาขนาดไหน”ฉันพูด


    “อย่าดีกว่า ผมแค่เห็นเขามีความสุขจนถึงวันนี้ ผมก็มีความสุขแล้ว”เขาพูด และเขาผลักฉันออกไป พร้อมกับบอกฉันว่า


    “จงใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง อดทน ใช้ปัญญาที่ดี มีสติ ระลึกรู้ และเเข็งแรงตลอดไปนะ”เขาพูด และร่างของฉันเหมือนกำลังลอยเคว้งอยู่ในอวกาศ ก่อนที่ฉันกำลังจะถูกดูดไปยังร่างแมวขาวของฉัน ฉันทันเห็นที่เขายิ้มให้พร้อมกับปิดสวิตซ์ตัวเขาในที่สุด


    “ไม่”ฉันร้องตะโกนและตื่นขึ้นมา พร้อมกับที่มือของนิลมาจับมือฉัน และเช็ดน้ำตาให้ฉัน พร้อมถามว่า

    “เกิดอะไรขึ้น”นิลถามด้วยความห่วงใย และใช้เท้าข้างหน้าดึงฉันมากอด


    “ฉันฝัน”ฉันบอก และขอบคุณนิล ก่อนที่นิลจะบอกฉันว่า


    “นายให้มาปลุก ไปตักบาตรกัน”นิลบอก


    “ดีจัง ฉันอยากตักบาตร”ฉันพูด แล้วฉันพบว่า ศศิจะทำอาหารเป็นถุงขนาดเล็ก และให้พวกเราใช้เท้าข้างหน้ามาหยิบถุง ก่อนที่จะใส่เข้าไปในบาตรของพระ ซึ่งฉันรู้สึกคลายกังวลมากขึ้น และฉันไม่กล้าที่จะบอกกับนิลเลย เพราะฉันคิดว่า ฉันควรที่จะเคารพการตัดสินใจของพ่อของศศิที่มีต่อลูกชาย เพราะถ้านิลรู้ นิลคงเสียใจอย่างแน่นอน และนิลคงสับสนเหมือนกับฉันที่มีความทรงจำที่จดจำไว้ในสมัยอดีตที่ผ่านมานั้นเอง ดังนั้น ดีแล้วล่ะ ที่นิลจะจดจำอะไรไม่ได้เลย

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in