เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Spain's Great Time เทใจให้สเปนBANLUEBOOKS
chapter 01: สเปน







  • หลายคนบอกว่า การเดินทางมาเที่ยวยุโรปในช่วงหน้าหนาวเป็นเรื่องสิ้นคิด วิวทิวทัศน์ถูกหิมะทับถมจนขาวโพลน รอบตัวโอบล้อมไปด้วยลมหนาวที่คมราวใบมีด

    ...เหตุการณ์แบบนี้ช่างน่าเข็ดขยาด

    แต่...จะเหมารวมว่ายุโรปทั้งทวีปถูกแช่เย็นก็ดูใจร้ายเกินไป ยุโรปเป็นทวีปที่ใหญ่โต และมีหลายประเทศ ลมหนาวรอบนี้ ผมออกห่างจากสแกนดิเนเวียมาสู่ “สเปน” ประเทศใต้สุดของยุโรปที่มีแสงแดดเจิดจ้ารอต้อนรับผู้ประสบภัยหนาวมาแต่โบราณกาล

    ในทริปโมร็อกโกครั้งที่ผ่านมา พวกเราเกิดศรัทธาในศิลปะของชนชาติอาหรับ ความงามน่าหลงใหลชวนเราข้ามฝั่งมาชมศิลปะของแขกมัวร์ในยุโรป และที่ที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์ของอารยธรรมแห่งสองฝั่งช่องแคบยิบรอลตาร์ได้ ก็ “สเปน” อีกเหมือนกัน

    สเปนเคยเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกมาก่อน แต่ตอนนี้กลับประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีการเตือนให้ระวังเรื่องโจรขโมย เคียงคู่กับฝรั่งเศสและอิตาลี แต่ด้วยความหอมหวนของอารยธรรมเฉพาะตัวแบบสเปน ทำให้เราหน้ามืดตามัว จิ้มแผนที่โลกลงที่ประเทศนี้อย่างไม่ลังเล

    เราวางแผนการเดินทางโดยตั้งต้นจากมาดริดเมืองหลวง ขับรถเข้าสเปนใต้ สู่แคว้นอันดาลูเซีย ดินแดนที่มีกลิ่นอายวัฒนธรรมแขกมัวร์แล้วปิดท้ายทริปด้วยบาร์เซโลนาเมืองที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


  • มาดริด

    กรุงมาดริดเป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในยุโรป สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 660 เมตร ช่วงหน้าหนาวอากาศกำลังเย็นสบายที่ประมาณ 7 องศาเซลเซียส แดดจัดสว่างจ้าทั้งวัน เป็นแดดที่ร้อนแรงสมคำร่ำลือ

    ในย่านถนนกรังเบีย (Granvia) มีตึกสูงทันสมัยมากมาย รถราแน่นขนัดตลอดเวลา มีสินค้าแบรนด์เนมเสื้อผ้าแฟชั่นสารพัดจัดวางอย่างสะดุดตาล่อใจ มีร้านอาหารหน้าตาดีที่มีไวน์เลิศรส มีร้านกาแฟเอาต์ดอร์หน้าตาเก๋กวักมือชวนให้เราเข้าไปนั่งชิลไขว่ห้างกระดิกเท้ามองผู้คนเดินไปเดินมา

    มาดริดเป็นเมืองใหญ่ที่มีทุกอย่าง แต่ทั้งหมดในย่อหน้านี้ ไม่ใช่เป้าหมายของเรา

    ในมาดริด หลายคนอาจเลือกใช้บริการรถไฟใต้ดิน หรือรถบัสซึ่งสะดวกสบายมากแต่พวกเราเลือกการเดินเท้าเป็นหลัก ไม่ใช่ว่าเราต้องการประหยัดเงินนะครับ แต่เชื่อว่า การเดินน่าจะทำให้เรารู้จักเมืองได้ลึกซึ้งกว่า


  • เลือกพักในแหล่งที่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน ใกล้แหล่งท่องเที่ยว คราวนี้ เราเลยเลือกอยู่ใกล้กับ ปูเอร์ตา เดอ โซล (Puerta Del Sol) จัตุรัสสำคัญแห่งหนึ่งของเมือง

    “ปูเอร์ตา เดอ โซล” หรือประตูแห่งดวงอาทิตย์ ตอนนี้กลายเป็นลานกว้างพระจันทร์เสี้ยวกลางเมือง ล้อมด้วยตึกเก่าคลาสสิกหน้าตาสวยงามน่าถ่ายรูปจาก ศตวรรษที่ 18 จุดนัดพบสำคัญของชาวเมืองและนักท่องเที่ยว เพราะเป็นทั้งย่าน การค้า และสถานีรถไฟใต้ดิน ตรงกลางลานมีรูปปั้นสัมฤทธิ์ของท่าน Carlos III ผู้สร้างลาน อีกฝั่งมีตึก Calle Del Carmen มีรูปปั้นหมีเกาะต้นไม้คือ “Bronze bear & strawberry tree of Madrid” สัญลักษณ์สำคัญที่กลายเป็น Coat of Arm ของเมือง

    และที่เด่นที่สุดก็คือตึกไปรษณีย์เก่าสีอิฐแดงที่มีหอนาฬิกา พื้นหน้าตึกมีป้ายเขียนว่า “Kilometer zero”

    จุดเริ่มต้นของถนนทุกสายในมาดริดนั่นเอง ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ พวกเราจึงทำพิธีเคารพป้ายด้วยการถ่ายรูปหมู่ และให้จุดกิโลเมตรที่ศูนย์นี้ เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางในสเปนของเรา

  • สเปน

    เป็นประเทศร่ำรวยวัฒนธรรม
    ทิศเหนือติดกับเทือกเขาพิเรนีส กั้นสเปนออกจากฝรั่งเศส
    ทิศใต้ติดมหาสมุทรแอตแลนติก
    ทิศตะวันออกติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    ทิศตะวันตกติดโปรตุเกส



  • ประวัติศาสตร์

    ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เชื่อว่าชาวโฮมินิดส์ เป็นชน กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกราก แต่พื้นที่แถบนี้มีชัยภูมิดีงาม เหมาะสมกับการเป็นเมืองท่า จึงเป็นที่หมายตาของทั้งชาวฟินิเชียน ชาวกรีก วนเวียนมาอาศัยและทำ การค้าไปมา จนพื้นที่แถบนี้ตกเป็นของชาว โรมัน (อ้าว!) ซึ่งเข้ามายึดครองและสร้างความเจริญหลาย ๆ ด้าน พร้อมเหลืออารยธรรมให้เห็นในปัจจุบันทั้งกำ แพงเก่า ซาก ปรักหักพังของโรงละครที่เมืองมาลากา (Malaga) และเส้นทางลำเลียงน้ำโบราณที่เซอโกเบีย (Segovia)

    ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 8–14 สเปนถูกปกครองด้วย แขกมัวร์ (หรือชาวอาหรับในยุโรป) และเรียกพื้นที่แถบนี้ในภาษาอาหรับว่า อัล อันดาลูเซีย (Al Andalusia) ยุคนี้ถือเป็นยุคทองของสเปน เพราะมีการนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ศิลปะและสถาปัตยกรรมมาเผยแพร่ ทำให้เกิดการพัฒนาศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ มากมาย กลายเป็นลักษณะเฉพาะของสเปนจนถึงปัจจุบัน

    ช่วงศตวรรษที่ 15 คริสเตียนทางตอนเหนือของประเทศ ขับไล่ชาวมุสลิมและกลับมาครองสเปนอีกครั้ง จากนั้นก็เข้าสู่ยุค แห่งการสำรวจ สเปนกลายเป็นมหาอำนาจ บุกเบิกหาโลกใหม่จนไปครอบครองทวีปอเมริกาใต้เกือบทั้งหมดและยึดอเมริกาเหนือได้ไปอีก 1 ใน 3 ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักร Aztecs ใน Mexico และอาณาจักร Incas ใน Peru สเปนกวาดทรัพย์สินมีค่าสารพัด ทั้งทองคำและอัญมณีมากมายกลับมาประเทศแม่

    หลังจากนั้น สเปนก็เหมือนอีกหลายประเทศที่เผชิญกับสงครามภายใน เศรษฐกิจตกต่ำ ฟื้นใหม่ ฟุบ แล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ สเปนไม่เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งใด ๆ และนั่นทำให้ที่นี่ ฟื้นขึ้นโดยยังคงความสวยงามจากอารยธรรมต่าง ๆ ที่หล่อหลอมหมุนเวียนกันมาหลายพันปี

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in