เรื่องลึกลับกับฤดูร้อนนับเป็นของคู่กัน
...แต่อิวะอิสึมิ ฮาจิเมะเข้าใจว่าเรื่องพวกนี้มันน่าจะเลิกเชื่อเลิกเล่ากันไปตั้งแต่ประถมแล้ว
จนกระทั่งโออิคาวะ โทรุชวนเขาคุยเรื่องนี้ขณะนั่งกินแตงโมตากลมอุ่นในบ้านอิวะอิสึมิตอนช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของชั้นมัธยมปลายปีสอง
“อิวะจัง ฉันอยากไปพิสูจน์ความกล้าที่โรงเรียน”
คู่สนทนาตีหน้าเหนื่อยหน่าย กัดแตงโมชุ่มฉ่ำคำโต “นึกยังไงขึ้นมา”
“ก็ว่างนี่นา” เธอทิ้งตัวลงนอนกับพื้น เส้นผมเปียกเหงื่อวางตัวกระจัดกระจายตามแนวพื้นไม่เป็นทรง “อีกอย่างนะ น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ”
“เธอกลัวผีไม่ใช่หรือไง”
“ใครกลัว! อิวะจังต่างหากที่กลัวผี”
“กลัวเองก็อย่ามาโบ้ยให้คนอื่นกลัวด้วยสิวะ!” พูดจามั่วซั่วดีนัก เขาเลยดีดหน้าผากหล่อนเข้าให้หนึ่งทีเป็นการลงโทษ
โออิคาวะโอดครวญ ลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ บ่นงึมงำ “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องใช้กำลังด้วย”
เขายักไหล่ หันไปเปิดหนังสือการ์ตูนอ่านต่อ ไม่ให้ความสนใจอีก
อิวะอิสึมิเงียบไปพักใหญ่ โออิคาวะเองก็ไม่ตอบโต้ เด็กสาวนอนเตะขาไปมา ขากางเกงก็สั้น เสื้อยืดก็เลิกขึ้นเหนือสะดือ กิริยาไม่สุภาพสักนิด
อยากให้คนที่โรงเรียนได้เห็นนักว่า
ควีนที่พวกเขาหลงนักหลงหนาอยู่บ้านแล้วไร้ระเบียบสิ้นดี
“นี่ อิวะจัง” ฝ่ามือขาวขยับดึงชายเสื้อกล้ามเขายิกๆ อิวะอิสึมิเลยส่งเสียงตอบรับในลำคอ ไม่หันไปมองตามที่เธอต้องการโดยง่าย “เคยได้ยินเรื่องลึบลับเจ็ดเรื่องในโรงเรียนเรามาบ้างไหม”
“ก็ได้ยินบ้าง”
“มาผลัดกันเล่าให้ฟังกันเถอะ”
เขาหยุดมือ หันไปมองเธออย่างจำยอม “เล่าเรื่องลึกลับตอนกลางวันแสกๆ น่ะนะ”
“น่า” สาวเจ้าดึงเสื้อเขาไม่ยอมหยุดอีกครั้ง “ไม่ได้ไปพิสูจน์ความกล้า อย่างน้อยเล่าเรื่องผีก็ยังดี เล่าตอนกลางวันแดดจ้าๆ อิวะจังจะได้ไม่กลัวไง”
ใครมันกลัวกัน เขานึกค้านในใจ แต่ขี้คร้านจะเถียงต่อ เลยปล่อยผ่านไปเสีย “แล้วจะเล่าเรื่องที่เธอก็รู้อยู่แล้วไปทำไม”
“ถ้าเล่าให้น่าสนใจ มันก็น่าสนใจแหละ” โออิคาวะดันตัวลุกขึ้นนั่ง เปลี่ยนมาดึงแขนเขาไม่หยุด “น่า อิวะจังจะยอมแพ้เหรอ กลัวเล่าไม่น่าสนใจเท่าคุณโออิคาวะล่ะสิ”
คำพูดของหล่อนจุดไฟชอบเอาชนะของเขาขึ้นมาทันที อิวะอิสึมิอาจจะมีน้ำใจนักกีฬาดีเยี่ยม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมต่อความพ่ายแพ้ง่ายๆ
โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตรงข้ามคือ โออิคาวะ โทรุ
…ชอบเอาชนะแม้กระทั่งกับเด็กผู้หญิงก็เป็นเรื่องที่ดูไม่ดีสักเท่าไรหรอก
แต่เอาหล่อนเป็น
ข้อยกเว้นคนหนึ่งแล้วกัน
“เล่าก็เล่า”
“เย้!” โออิคาวะชูสองแขนขึ้นฟ้า หัวเราะคิกคักชอบใจที่ยุเพื่อนซี้เป็นผลสำเร็จ “งั้นอิวะจังเริ่มก่อน”
“ทำไมฉันต้องเป็นคนเริ่มด้วย หา”
“อะไรกัน ทำไมถึงไม่พอใจล่ะ เล่าก่อนได้เลือกเรื่องก่อนนะ คุณโออิคาวะอุตส่าห์ใจดียอมให้เล่าก่อนแท้ๆ”
หล่อนสวนกลับยาวยืด ก่อนหยิบแตงโมขึ้นมากัดกร้วมหนึ่งคำ แล้วมองเขาตาใส เป็นนัยว่ากำลังเฝ้ารอการเล่าเรื่องของอิวะอิสึมิอย่างใจจดใจจ่อ
เด็กหนุ่มถอนหายใจหนึ่งคำรบ ขยี้ผมดำสั้นของตัวเอง เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกที่ตกปากรับคำไป
แต่ตกลงไปแล้วก็ต้องทำ
“เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงยิม…”
โออิคาวะทำปากเป็นรูปวงกลม “โห น้ำเสียงจริงจังมากเลย อิวะจัง แต่มันไม่เป็นเรื่องที่สระว่ายน้ำไม่ใช่หรือไง”
“ถ้าบอกว่าโรงยิมก็คือโรงยิมสิ นี่เธอจะฟังไหม ถ้าขัดนักก็จะหยุดเล่า”
“ฟังสิ ฟัง!” เด็กสาวรีบพุ่งมาเกาะแขนเขา บ่นพึมพำต่อท้าย
แค่นี้ไม่เห็นต้องดุเลยอิวะอิสึมิทำเมิน เขาเริ่มเล่าต่อ ตั้งใจทำให้จบไป “ว่ากันว่าในโรงยิมมีวิญญาณนักกีฬาที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเพราะไปไม่ถึงฝัน คนๆ นั้นตั้งใจจะเป็นนักกีฬาอาชีพ แต่เกิดอุบัติเหตุในโรงยิมนั้นทำให้เล่นกีฬาไม่ได้ตลอดชีวิต จนตายก็ยังค้างคาใจ ไปเกิดไม่ได้…”
ดวงตาเรียวเหลือบมองคนข้างตัว เห็นโออิคาวะกำลังตั้งอกตั้งใจฟัง เขาจึงต่อความ
ว่าแต่หล่อนจะเอาตัวออกไปห่างจากเขาหน่อยได้ไหมนะ… เดี๋ยวนี้หน้าอกหน้าใจก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย
“เลยมีเรื่องเล่าในบรรดาเด็กชมรมกีฬาที่ไปเข้าค่ายฝึกช่วงปิดเทอม ว่าในเวลาสี่ทุ่มของทุกคืน จะมีเสียงดังกึงกังคล้ายมีคนโหนแป้นบ้างล่ะ โยนลูกบอลไปมาบ้างล่ะ หนักหน่อยก็เห็นไฟโรงยิมเปิดๆ ปิดๆ ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในนั้นสักคน”
โออิคาวะกอดแขนเขาแน่น มือไม้เย็นเฉียบ ท่าทางอวดเก่งตอนแรกหายไปไหนหมดไม่อาจทราบได้
แต่ช่วยถอยไปห่างๆ ตัวเขาทีเถอะ
ขอร้อง “ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย”
“เดี๋ยวสิวะ ยังเล่าไม่จบ” เขาจุ๊ปาก ขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ “และชื่อของวิญญาณเฮี้ยนนั้นก็คือ…”
“มีชื่อด้วยเหรอ!”
“คือ…”
หล่อนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ แล้วกลั้นไว้ สีหน้าผสมปนเประหว่างความอยากรู้และความกลัว น่าขันเสียไม่มี
“...โออิคาวะ โทรุ”
“...หา”
เจ้าของชื่อชะงัก คล้ายประมวลผลไม่ทันไปครูหนึ่ง ก่อนที่ดวงแก้วกลมใสจะเบิกกว้าง สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือฝ่ามือเรียวที่ตีแขนเขาป้าบๆ เต็มแรง
และแรงตบของนักวอลเล่ย์บอลหญิงมันใช่น้อยเสียที่ไหน
เจ็บเป็นบ้า!“อิวะจัง! ขี้โกง! สร้างเรื่องขึ้นมาเองได้ยังไง และฉันก็ยังไม่ตายด้วย นายแช่งเพื่อนผู้แสนดีของนายอย่างนั้นเหรอ!” โออิคาวะว่า มือก็ไม่หยุดตี และเห็นทีถ้าเขายังนั่งเป็นเป้านิ่งต่อไปคงมีรอยฝ่ามือแดงประทับที่แขน จึงรีบขยับตัวหนีออก
“เธอก็หยุดซ้อมจนดึกจนดื่นสิ! ซ้อมไม่ดูตัวเองเดี๋ยวก็ได้เป็นวิญญาณเฮี้ยนจริงๆ หรอก!”
“อิวะจังคนบ้า!!”
เอ้า ตามใจก็โดนบ่น ไม่ตามใจก็โดนว่า
ผู้หญิงนี่เข้าใจยากเสียจริง
(แต่สำหรับอิวะอิสึมิ ฮาจิเมะ ...เพื่อนสมัยเด็กของเขาคนนี้คือสิ่งลี้ลับที่แท้จริง
งดงาม ขี้แง เอาแต่ใจ แต่อ่อนโยน เข้มแข็ง รักเพื่อนพ้อง
เข้าใจผู้อื่นดียิ่งกว่าใคร
เต็มไปด้วยปริศนาซับซ้อนยากต่อการเข้าใจ
...แต่ก็คุ้มค่าน่าค้นหาติดตาม)
—...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in