Moonlight & Forest
3rd :: แสงเดือนและพงไพร
"เจ้าคนชั่ว หลอกข้างั้นรึว่ามิใช่มนุษย์หมาป่า!"
Pairing : Namjoon x Jimin
Rate : R-15(มั้ง)
ลมหนาวพัดผ่านมาสัมผัสทักทายผิวกายจนผมสะดุ้งตื่น ผมลืมตาขึ้นมาก็ต้อง งงงวย สงสัย มึนงง สับสน ผสมปนเปกันไปหมดเพราะที่ที่ผมอยู่ตอนเนี้ยมันเป็นป่าสนน่ะสิ
ป่า! สน!
What!?
แต่เดี๋ยวก่อนเลย ผมจำได้แม่นว่าผมกลับมาจากที่ทำงานแล้ว นั่งกินข้าวที่โซฟาหน้าโต๊ะทีวีแล้วภาพก็ตัด ผมสันนิษฐานว่าผมน่าจะต้องนอนฟุบหลับคาจานข้าวอยู่ที่โซฟาสิ นี่มาโผล่อะไรอยู่ป่าสน ฮัลโหล
หรือผมจะฝันวะ
ผมคิดได้อย่างนั้นก็ลองหยิกหน้าตัวเองดูหนึ่งที
เจ็บจริงว่ะ
ฮือ ฉิบหายแล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ผมวาร์ปมาที่นี่ได้ไงวะ งงไปหมดแล้ว
แกรบ แกรบ
ผมสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งมีชีวิตเหยียบใบไม้กิ่งไม้ที่พื้นดังกรอบแกรบ ผมคิดหาที่หลบซ่อน แต่แถวนี้มีแต่ลำต้นสนซึ่งขนาดดูยังไงก็เล็กกว่าตัวผมชัวร์ ๆ เลยได้แต่ทำใจยืนตรงเคารพธงชาติรอเผชิญชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น เผื่อโชคดีเขามาช่วยให้ออกจากป่า
"ผู้ใดยืนอยู่ตรงนั้นน่ะ"
ผมยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะปริปากออกเสียงอะไรออกไป
"ข้าถามว่าผู้ใด! เข้ามาในอาณาเขตเผ่าข้าได้อย่างไร มิฉะนั้นข้ายิงธนูปักอกเจ้าแน่"
"ผะ...ผะชื่อธาราครับ!" กลัวตายเลยต้องพูดครับ เยี่ยมเลย
"ธารา?" ต้นเสียงลอยมาจากเงามืดด้านหน้าผม แต่ไม่รู้หรอกนะครับว่าเป็นคนหรือตัวอะไร เพราะไม่มีแสงอะไรให้เห็นเลย ขนาดแสงจันทร์ยังไม่มีสักนิด
"เจ้าเป็นคนมาจากเผ่าใด" เขาถาม
"ผมเป็นคนครับ ไม่รู้หรอกว่าแยกเผ่ากันยังไง แต่ผมเป็นคนธรรมดาเนี่ยแหละ" ผมตอบตามความเป็นจริง ยังไม่มีเสียงตอบใด ๆ หลุดลอดออกมา ผมสัญชาตญาณอะไรก็ไม่รู้ของผมมันบอกว่าคนตรงหน้าเป็นคนดี ผมจึงตัดสินใจเล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟัง
"ผมนอนอยู่ที่บ้าน แล้วจู่ ๆ มาโผล่ที่นี่ได้ยังไงก็ไม่รู้ ช่วยผมที ผมไม่ใช่ศัตรูของคุณหรอกนะครับ"
"ข้ามิเข้าใจที่เจ้าพูดสักนิด จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร"
"ก็มันจริงอะ" ผมหลุดปากเถียง
"ภาษาพูดเจ้าก็แปลกพิกล หลับตาเสียแล้วข้าจะมิทำร้ายเจ้า" เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"ถ้ากลัวผมจะเห็นคุณก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะขนาดจะมองตัวเองผมยังไม่เห็นเลย"
"ข้าบอกให้หลับตา! มิต้องต่อปากต่อคำให้มากความ" เขาเปล่งเสียงแข็งทำเอาผมสะดุ้งกลัวไปหน่อยหนึ่งเลยทีเดียว แล้วผมก็หลับตาตามที่เขาสั่ง
เสี้ยวพริบตาผมก็ถูกมัดข้อมือข้อเท้า และถูกผลักให้ล้มลงนอนแบบเงยหน้า ดีนะว่าตรงนี้มันพื้นนุ่ม ถ้าพื้นแข็งคงเจ็บน่าดูแล้วผมก็จะโกรธเขาด้วย
ก็มันเจ็บอะ
"เอาล่ะ เล่าความจริงมาเสียให้หมดเปลือก ไอ้เรื่องผิดแผกพิศดารเมื่อครู่แค่ฟังก็รู้แล้วว่าโกหก ถ้าเจ้ายอมเล่าความจริงทั้งหมดข้าจะไว้ชีวิตแล้วปล่อยเจ้ากลับเผ่าหมาป่าเจ้าไป" เขานั่งคร่อมตัวผมแล้วใช้แขนข้างหนึ่งดันที่คอผม หายใจไม่ค่อยออกอะ
"ผมพูดความจริง เชื่อเถอะได้โปรดล่ะ ผมจะโกหกไปเผื่ออะไร"
"ก็ข้าได้กลิ่นหมาป่าจากตัวเจ้า มิต้องมาทำเล่นลิ้น พูดความจริงออกมาซะ!" จากน้ำเสียงเขาดูเริ่มไม่พอใจเลยตะคอกเสียงแข็งออกมา
กลิ่นหมาป่าอะไรวะ นี่ผมมีน้ำหอมกลิ่นนี้ด้วยเหรอ ไม่มั้ง จะว่าหยิบน้ำหอมนทีมาฉีดก็ใช่เรื่องขวดของเราไม่เหมือนกันสักนิด
"ผมเปล่ามีกลิ่นหมาป่าอย่างที่คุณว่านะ ไม่เคยจะมีน้ำหอมกลิ่นนี้สักหน่อย กลิ่นแปลกจะตาย"
"ยังจะกล้าพูดเรื่องเหลวไหลอีกงั้นรึ!"
"ก็มันจริงอะ" ผมเผลอพูดเสียงดังเถียงคืนกลับไป
"ย่อมได้ ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่เผ่าแล้วให้หัวหน้าเป็นคนตัดสินก็แล้วกัน" เขาว่าแล้วก็ดึงคอเสื้อผมอย่างแรงจนตัวผมลุกขึ้นยืนตรง ผมตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเพราะตัวผมมันก็ไม่ใช่จะเล็กจ้อยไง ตัวใหญ่อะ จะบอกว่าอ้วนก็เขินเพราะช่วงนี้กับข้าวรสมือแฟนมันอร่อยมากจริง ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
โห แรงเยอะชะมัดเลย
"ยืนอยู่นิ่ง ๆ ล่ะ ถ้าขยับเจ้าโดนเชือดแน่" พูดมาแบบนี้จะให้ผมวิ่งแจ้นหนีไปก็ใช่เรื่องอะครับ พี่มัดเท้าผมอยู่ไม่ใช่หรือไง อยากจะพูดเถียงออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลัวโดนเจื๋อนจริง ๆ เลยต้องหุบง่ามปากเอาไว้ให้แน่น
กึก
"ไหนเจ้าลองเดินดูซิ" เขาสั่ง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย
"ข้าขี้เกียจแบกเจ้ากลับเผ่าหรอกนะถึงต่อเชือกให้เดินได้" ซึ้งใจมากครับพี่ครับ
"ถ้างั้น หากคุณพี่จะกรุณา รบกวนเปลี่ยนเอามือผมมามัดข้างหน้าได้ไหมครับ มันเดินลำบากอะบอกตรง ๆ แต่คุณพี่จะเอาเชือกลามให้เดินตามก็ไม่ขัดข้องนะครับ นี่เสนอวิธีแก้ให้ด้วยเลยอะ คุณพี่เห็นว่ายังไงมั่งครับ" มือไพล่หลังเดินมันลำบากจริง ๆ นะคุณ แบบถ้าเดินสะดุดจะไม่มีมือมาค้ำจุนใด ๆ หน้าทิ่มตรง ๆ เลยเด้อ
"ข้าเมตตาเจ้าหรอกนะถึงจะเปลี่ยนให้อย่างที่ขอ หันหลังไป" ผมหันหลังอย่างว่าง่ายและแอบลอบยิ้มกับท่าทางคนตรงหน้า
วางท่าไปงั้นอะ จริง ๆ ก็ดูใจดีออกคน ๆ นี้
"เรียบร้อย พอใจเจ้าแล้วใช่ไหม เดินทางได้แล้วเดี๋ยวจักมิทันกาล"
เมื่อเขาพูดจบเราทั้งสองก็ออกเดินไปตามทางในป่าเพื่อไปยังเผ่าของพวกเขา ผมแอบสงสัยที่เขาพูดว่าเดี๋ยวไม่ทันกาล กาลอะไรอะ ทำไมต้องไปให้ทันด้วย นิสัยปากที่ชอบไปไวกว่าหัว ความอยากรู้อยากเห็นที่ต้องการคำตอบในทันทีของผมก็ทำให้ผมพูดถามออกไป
"ที่บอกว่าจะไม่ทันเวลานี่หมายความว่าอะไรเหรอครับ" เขาถอนหายใจหนึ่งเฮือกอย่างเหนื่อยใจ ล่ะมั้ง
"นี่เจ้ามิรู้เรื่องอันใดจริง ๆ น่ะรึ"
"ก็ไม่รู้จริง ๆ น่ะสิถามได้ ไม่งั้นผมจะถามคุณเหรอ ผมไม่ใช่คนที่นี่ก็บอกไปแล้ว" เขาถอนหายใจอีกรอบหนึ่ง
"อีกมินานท้องฟ้าจะสว่าง เมฆจะเคลื่อนคลาย แสงจันทร์วันเพ็ญจะสาดส่อง นั่นจะทำให้ผู้คนจากเผ่าหมาป่า 'อย่างเจ้า' ออกอาละวาดหาเหยื่อน่ะสิ"
"ออ"
"หยุดถามแล้วรีบเร่งฝีเท้าเข้าเถอะ ลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว" เขาไม่พูดเปล่ารีบจ้ำอ้าวพร้อมดึงเชือกที่ผูกข้อมือผมเป็นสัญญาณให้ผมรีบเดินตาม
แต่เหมือนจะไม่ทันกาลอย่างที่คุณเขาตั้งใจไว้ เพราะตอนนี้กระแสลมพัดด้วยความไวและรุนแรงจนเหมือนตัวผมจะปลิวเสียให้ได้ คุณตรงหน้าเหมือนจะกลัวผมปลิวจริง ๆ เลยเข้ามาประคองผมไม่ให้ล้มหน้าทิ่มดิน
ทันใดนั้นเองบริเวณป่าที่เรายืนอยู่ก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น ผมหันไปทางต้นแสงก็เห็นหมู่เมฆเคลื่อนตัวจากไปเผยให้เห็นดวงจันทร์ส่องแสงกลางท้องฟ้า เมื่อดวงตาผมสะท้อนภาพดวงจันทร์ก็เกิดเสียงใครไม่รู้ได้ดังขึ้นในหัว
' เมฆาเคลื่อนคล้อยเผยกายจันทราคืนวันเพ็ญฉายแสงสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ เหล่าพวกแห่งเราเอ๋ย จงออกตามหาคู่แห่งเจ้าเถิด จงตามหาโชคชะตาแห่งเจ้า จงออกไป! '
สิ้นเสียงผมรู้สึกปวดหัวเอามาก ๆ ชั่วชีวิตไม่เคยปวดเท่านี้มาก่อน เวรเอ๊ย! ปวดชะมัดยาด ผมเป็นอะไรวะเนี่ย
"เฮ่! นี่เจ้าเป็นอะไรไป เฮ่! ธารา!" เขาเขย่าไหล่ผมแล้วตบหน้าผมแปะ ๆ เผื่อเรียกสติ แต่ผมปวดหัวจนแค่จะเงยหน้ามองเขายังทำไม่ได้เลย
เหมือนร่างกายถูกครอบงำด้วยอะไรบางอย่าง ผมกระชากเชือกที่มัดข้อมือข้อเท้าตัวเองหลุดอย่างง่ายดาย แล้วเข้าไปกอดคุณตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
"นี่เจ้าทำอะไร ปล่อยข้า!" เขาพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนผม แต่ก็ทำไม่ได้
"กลิ่นนี้มัน ธารา! นี่เจ้า เป็นเผ่าหมาป่าจริง ๆ ด้วย! เจ้าคนโกหก!"
ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออกแล้ว เหมือนร่างกายมันเป็นไปของมันเอง ไร้การควบคุมจากเจ้าของอย่างผมอย่างสิ้นเชิง ผมรู้สึกอย่างเดียวคือต้องการคนตรงหน้าใจจะขาดอยู่แล้ว
คุณเขาสวมเสื้อคลุมมีหมวกฮู้ดสีดำ ผมดึงหมวกนั้นลงมา เผยให้เห็นดวงหน้าผ่องสะท้อนปสงจันทร์ ผิวขาวนวล ดวงตากลมใส ริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อ
อ๊าว! นทีนี่หว่า!
จ๊ตโตะมัตเตะเนะ
นี่ผมอยู่กับคนที่หน้าเหมือนแฟนผมอย่างกับแกะมาตลอดการเดินทางเลยเนี่ยนะ
แต่ดูเหมือนความคิดสติสัมปชัญญะผมมันได้มลายหายไปตั้งแต่เห็นดวงจันทร์ข้างบนนั้นแล้ว 'ร่างกาย' ผมค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ต้นคอขาว ผมอ้าปากรู้สึกได้ถึงเขี้ยวฟันที่งอกออกมาได้ยังไงก็ไม่รู้ถูกวางไว้ที่เนื้อต้นคอนั้น แต่ก่อนที่ผมจะได้ผระทับรอยเขี้ยวลงไป
ผมก็สะดุ้งตื่นซะก่อน
"อ๊ะ ตื่นพอดีเลย พี่น้ำเข้าไปนอนดี ๆ ดีกว่า ปะ" ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็สบเข้ากับตาใสแจ๋วน่ารักของนทีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ โซฟา ผมรู้สึกเหมือนจับอะไรนุ่ม ๆ อยู่เลยมองลงไปก็เห็นว่าผมกำลังจับมือนทีอยู่ และดูเหมือนกำลังจะ 'งับ' มือนทีเข้าปากเสียด้วย
อะไรเนี่ย ฝันหรอกเหรอ
"ลุกเร็วไปนอนกัน" นทีผละตัวลุกขึ้นยืนตรงพร้อมยื่นมือมาดึงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่ง
"พี่ฝันด้วยอะนที ฝันแปลกมาก แต่ก็สนุกมากเหมือนกัน" ผมพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามนทีเข้าไปที่ห้องนอน
"เหรอครับ ไว้ตอนเช้าเล่าให้ผมฟังมั่งนะ"
"แต่ก่อนอื่น อาบน้ำก่อนเลยครับ เหม็นเหงื่อไปหมดแล้วเนี่ย" นทียื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม
"ไม่เอาอะอยากนอนกอดนทีแล้ว" ผมงอแง
"ไม่ได้ครับ ไปเร็วไปอาบน้ำ"
ผมก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน จนนทีอ่อนใจจะเกลี้ยกล่อมเลยใช้ไม้ตายประจำที่ได้ผลชะงัดนักทุกครั้งไป
นทีเขยิบเข้ามาใกล้ผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากของผม ปกติจะทำแค่นี้แต่วันนี้นทีแกล้งผมด้วยการแลบลิ้นเลียริมฝีปากของผมและขบกัดที่ปากล่างเบา ๆ ทำเอาผมขนลุกซู่
โอโห เล่นอย่างนี้เลยเหรอวันนี้
ผมสวมกอดเขาอย่างรวดเร็วแล้วพรมจูบไปที่ริมฝีปากคู่งามตรงหน้าอย่างดูดดื่ม เหมือนนทีจะไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อจังหวะเข้าที่เราต่างก็หยอกเย้ากันไปมา ไม่นานนักนทีก็เป็นฝ่ายดันอกผมให้ผละตัวออก ผมจึงจำต้องถอนจูบหวานนี้ออกอย่างอ้อยอิ่ง
"ถ้ารีบอาบน้ำวันนี้ผมให้ทำนะครับ"
"ทำอะไรเหรอครับ" ผมแกล้งถามกลับ
"...ทำ...รัก" ผมเผลอหายใจลึกเข้าไปสุดปอดอย่างลืมตัว
แม่เจ้า! ไปทำอะไรมาทำไมวันนี้ร้อนแรงจัง
ผมหอมแก้มนทีฟอดใหญ่หนึ่งที
"อันนี้มัดจำ เดี๋ยวรอเงินต้นกับดอกเบี้ยได้เลย" ผมพูดจบก็รีบแจ้นเข้าไปในห้องน้ำทันที
ไม่คิดว่าวันนี้แฟนจะรุกแรงเบอร์นี้ พี่ตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ จ้ะที่รัก
เอ๊ะ หรือนทีจะเป็นเผ่าหมาป่านะ ?
จบ.
---------------
หากชื่นชอบก็กดอิโมจิน่ารัก ๆ ด้านล่าง หรือคอมเมนต์คุยกันก็ย่อมได้เลย หนูเหงาอะ ไม่ก็ทวิตแล้วติด #minimonicollection ได้น้าาาา อยากอ่านความคิดเห็นคนอ่านม้ากมากเลยแหละ ❤ รออยู่น้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in