ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะฝน
ตอนที่เจอกันครั้งแรกก็เพราะฝน
“อกหักรึไงละครับ” เสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิตทักผม
ทำไมคิดว่าเป็นผมหน่ะหรอ
ก็เพราะสายฝนที่ลงกระหน่ำตอนนี้มันลงมากระทบผมโดยตรง ถ้าพูดให้ถูกก็คือผมยืนตากฝนอยู่
ผมไม่ได้อกหัก
แต่ผมก็ขี้เกียจที่จะตอบคนแปลกหน้า
“เฮ้ เดี๋ยวก็หวัดหรอกครับ” ช่างสิ คุณจะมาสนผมทำไมละ
ผมไม่ได้ตอบอีกครั้งแต่คนแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้ละความพยายามเลยกลับเดินมาหาผมแล้วยื่นร่มที่ตัวเองกางอยู่คลุมผมไปด้วย
เพื่ออะไรละเนี่ย
“ไม่สบายใจอะไรบอกผมได้นะ แต่เป็นปอดติดเชื้อไปมันไม่คุ้มหรอก” เป็นความเป็นห่วงที่ผมอดเจ็บจี๊ดไม่ได้ ไอการเหมือนแช่งปมไปแล้วครึ่งหนึ่งนี่ทันอะไรกัน
สุดท้ายผมก็ยอมสบตากับเขา
ซึ่งใช่ผมกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ความบังเอิญครั้งที่สองก็เกิดจากฝนอีก
เมื่อเจ้าหมาน้อยที่ผมเลี้ยงอยู่กลับโดนกัดโดยหมาเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยลงรอยกัด
แน่บะผมต้องรีบวิ่งไปหาหมอทันที
สัตวแพทย์ที่ชื่อว่ายงจุนฮยอง คือคนเดียวกับคนที่นั่งฟังผมบ่นต่างๆนาๆในวันฝนตก
“คุณอีกีกวัง” ตาคมจ้องมาที่ผมราวกับคาดโทษว่าผมทำน้องหมาตัวเองเป็นแผล
“ผมไม่อยู่บ้านตอนนั้นนี่ครับ” ผมพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง แน่นอนว่ายังไงผมก็แพ้อยู่ดี เมื่อคุณหมอยอมสารพัดข้ออ้างจองเจ้าของที่มักทำให้สัวต์เลี้ยงตกอยู่ในอันตรายมาให้ฟัง
โอเคผมยอมแพ้
หลังจากนั้นเราก็มักจะติดต่อหากันสม่ำเสมอ ถามถึงเจ้าหมาบ้างผมบ้าง
แน่ละความสัมพันธ์มันค่อนข้างสวยเลยแหละ
เกิรกว่าที่คาดไว้
แต่ไม่นานมาก
เราทะเลาะกันในวันที่ฝนตก ค่อนข้างรุนแรงแต่ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าเรื่องอะไร เราค่อนข้างทะเลาะกันบ่อยแม้ทุกๆครั้งเราจะสามารถคืนดีกันได้ในไม่กี่ชัวโมงแต่วันนี้มันไม่ใช่
อาจจะเพราะฝน
ฝนทำให้เราอารมณ์เปลี่ยนแปลง
ผมคิดอย่างงั้นนะ
“อีกีกวังเลิกตากฝนได้แล้ว” อีกครั้งที่จุนฮยองบอกให้ผมเลิกตากฝน
เหมือนกันตอนนั้น ต่างกันตรงที่ตอนนี้เรารู้จักกันดีเลยแหละ
“ยงจุนฮยองเลิกสั่งกันซักที”
“อีกีกวัง” เสียงเหนื่อยใจจากการเรียกชื่อผมก็เดาได้ว่าคราวนี้ไม่มีร่มเหมือนอย่างเคย
แต่กลับเป็นการมานั่งตากฝนด้วยกัน
“เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมหรอก”
“เป็นด้วยกันนี่แหละ ดื้อนัก”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in