อีซองจุงกำลังหนักใจ
มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นรอบที่ล้านและเอามันวางไว้รอบที่ล้านหนึ่งแล้ว ไม่มีใครเข้าใจพฤติกรรมของผู้กับกำหนุ่มไฟแรงในวันนี้ แม้แต่ผู้ช่วยเองก็เถอะ
“คุณคิม” ผู้ช่วยคิมเผลอสะดุ้งตัวโยนเมื่ออยู่ก็โดนเรียกชื่อ ทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอะไรแต่ทำเขาต้องตกใจขนาดนี้ด้วยละเนี่ย
“คะ ครับคุณซองจุง” คนตัวเล็กทำคิ้วขมวดมาให้จนเขาต้องคิดว่าเขารันคิวนักแสดงหรือเผลอใส่อะไรผิดในฉากรึป่าว
“ผมจะทักไปชวนคุณจีซูโฮยังไงดีละเนี่ย” สุดท้ายกับเป็นสีหน้างอแงของผู้กำกับตัวเล็กที่ฟุบลงไปกับโต๊ะให้ได้งงงวยกัน
วันนี้มีฉลองปิดกล้องละครกัน แน่นอนว่านักแสดงส่วนใหญ่มักจะมากันอยู่แล้ว หลังจากที่ถ่ายเสร็จไปนานไม่ได้กลับมาเจอกัน พอได้มาเจอแล้วพูดคุยกันอีกครั้งก็คงสนุกไม่ใช่น้อย
แต่กับจีซูโฮ
นักแสดงมากความสามารถที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้ ใครๆก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบปาร์ตี้ปิดกล้องเท่าไหร่ จึงมักไม่ค่อยเห็นเขาในงานปิดกล้องที่ไหนๆเลย
ใช่ ใครๆก็รู้ รวมไปถึงซองจุงเอง
แต่เขาไม่อยากให้ขาดใครไปซักคนนี่นะ ยิ่งเป็นพระเอกด้วยแล้วยิ่งต้องไป
แต่ความกล้าในการยกโทรศัพท์เพื่อโทรหามันช่างยากเย็นเหลือเกิน
“สู้ๆนะคุณผู้กำกับอี”
มีกำลังใจจริงๆเลยนะคุณคิม
/ฮัลโหล/
.
.
.
‘วันนี้วันฉลองปิดกล้อง ผม เอ่อ ผมอยากให้คุณมานะครับ’ จีซูโฮเผลอยิ้มมุมปากกับคำพูดติดๆขัดๆของคุณผู้กำกับตัวเล็ก ก่อนจะกดดูเวลาอีกครั้งว่าใกล้ถึงเวลานัดรึยัง
เขาไม่ได้ชอบปาร์ตี้อะไรแบบนั้น
แต่เขาชอบ
“ขอบคุณที่มานะครับ” รอยยิ้มกว้างที่ถูกส่งมาให้ทำเอาใจเขาเผลอกระตุกไปไม่น้อยแต่เขาก็ต้องตีหน้านิ่งอยู่ดี แม้จะมีคนเว้นที่ว่างให้เขาข้างๆกับนางเอกของเรื่องแล้วก็ตามซูโฮกลับเลือกนั่งข้างผู่กำกับซะงั้น
ถือว่าทำสำเร็จแล้วนะคุณผู้กำกับ
ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไปจนดึกไปทุกที มีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆ ตัวของซองจุงเองแม้จะมึนมากแต่ก็ยังยืนยันจะรอทุกคนกลับก่อนแล้วเจ้าตัวจะกลับ
“ผมว่าคุณไม่ไหว” เสียงทุ้มข้างๆตัวเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กข้างๆเริ่มทรงตัวไม่อยู่ อีกอย่างคนในห้องก็เหลือแค่ไม่กี่คนแล้ว
“ไหวหน่า”
“อย่าโกหกสิ” ซูโฮพยุงอีกคนให้ลุกขึ้นก่อนจะขอตัวลาทุกคนกลับพร้อมๆกับคนในอ้อมแขน
“คุณซูโฮ” ซูโฮหันไปมองคนที่จ้องเขาตาแป๋วดูก็รู้ว่าเมาแล้วแต่ก็ยังจะพูด ส่วนเขาหน่ะไม่ได้แตะอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากน้ำเปล่า
“คุณหน้าเหมือนคุณซูโฮเลยเนอะ” ก็เพราะใช่หน่ะสิ ซูโฮไม่ได้ตอบ ทำเพียงแค่มองไปที่ถนนข้างหน้าเพื่อดูว่าอีกคนจะพูดอะไรต่อ
“ผมหน่ะไม่กล้าพูดกับคุณซูโฮตรงๆเท่าไหร่เลย”
“....”
“เขาดูน่ากลัว”
“....”
“แต่แปลกนะที่ผมก็ชอบเขา” ซูโฮเกือบแล้วที่จะเหยียบเบรคให้จอด เมื่อได้ยินประโยคของอีกคน
“อะไรนะ”
“อะไรเล่า” เจ้าตัวเล็กตีหน้ายุ่งเมื่อโดนกวน แต่คนขับก็ไม่ยอมแพ้
เขาอยากฟังประโยคเมื่อกี้อีกรอบ
“เมื่อกี้พูดว่าอะไร” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ได้แต่คิดในใจว่าทำไมแท็กซี่ต้องอยากได้ยินประโยคอะไรแบบนี้ด้วยละ
“ก็บอกว่าชอบไง”
“ชอบใคร”
“ก็ชอบคุณงายยยย คุณซูโฮฮฮฮ” เสียงหวานแหบพูดจบก็ทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อยเหมือนเด็กโดนเซ้าซี้
“บอกกันแบบนี้คิดว่าจะรอดรึไง”
.
.
“ปวดหัวว” เสียงอู้อี้ดังจากผ้าห่มทำให้เขาที่นั่งจิบกาแฟอยู่ไม่ห่างมากหลุดขำออกมาได้ ก้อนผ้าห่มค่อยๆคลายตัวเองออกมาสู้แสงอาทิตย์
เขาแค่พาอีกคนมานอนแค่นั้นไม่มีอะไรเกินเลย เขาไม่ชอบรุ่มร่ามกับคนไม่มีสติหรอก
อันที่จริงเขาอยากจะลองแกล้งอีกคนดู
“อรุณสวัสดิ์คุณผู้กำกับอี” เจ้าของชื่อตื่นเต็มตาทันทีเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนในบ้านตัวเอง
บ้านใคร?
ลืมตาจริงๆแล้วถึงได้รู้ว่าไม่ใช่บ้านตัวเองด้วยซ้ำ
“คุณซูโฮ” ซูโฮอยากจะหัวเราะให้กับท่าทางตื่นๆของอีกคนแค่ไหนก็ต้องเก็บไว้ เดินไปเอาแนบมือกับหน้าผากของอีกคน
“มีไข้หน่อยนะคุณ อย่าลืมกินยาละ”
“อ่ะเอ่อ ผมว่าผมกลับดีกว่า”
“กลัวผมรึไง” คนบนเตียงส่ายหน้าจนผมสะบัดไปมา ก่อนจะพยายามพาตัวเองลุกให้ขึ้นเพื่อกลับบ้าน
“เมื่อคืนยังบอกชอบผมอยู่เลยนะ” อีซองจุงชะงักเล็กน้อยก่อยจะนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่เขานึกว่านั่งแท็กซี่กลับ แต่ไม่ใช่ ซองจุงยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับอาการที่เขาเรียกว่าสับสนตัวเอง ซูโฮเดินไปช้อนข้างหลังของอีกคนก่อนจะพูดข้างหูราวกับอยากแกล้งอีกคน
“ไม่อยากฟังหรอว่าผมชอบคุณมั้ย”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in