"เมืองต้อง".
นานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งเจ้าเมืองมีความคิดว่าจะออกกฎหมาย ให้ใครแสดงความเห็นต่างจากคนส่วนใหญ่ จะโดนประหาร.
เหล่าข้าราชการก็เห็นควรด้วย ไม่มีใครกล้าแย้งเพราะพวกเขาอยากเสวยสุขอยู่ในเมือง.
วันรุ่งขึ้น ตลาดเงียบ ถนนร้าง ประชาชนย้ายออกนอกประเทศ ด้วยเกรงกลัวกฏหมาย "ห้ามเห็นต่าง".
เมืองจึงเริ่มขาดแคลนสินค้า ข้าวปลาอาหาร และแรงงาน ทำให้เหล่าข้าราชการต่างเห็นว่าควรยกเลิกกฎหมาย เพราะพวกเขาเริ่มลำบาก.
พวกเขาจึงส่งตัวแทนข้าราชการไปเสนอให้เจ้าเมืองยกเลิกกฎหมาย "ห้ามเห็นต่าง" นั้นเสีย แต่การแก้กฎหมาย"ห้ามเห็นต่าง" ด้วยการแย้ง จะมีโทษประหาร เลยไม่กล้าแก้กฏ.
พอเจ้าเมืองเห็นข้าราชการจำนวนมากซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในเมืองตอนนี้เสนอให้เจ้าเมืองตัดสินใจยกเลิกกฎหมาย "ห้ามเห็นต่าง" ก็คิดกลัวว่าถ้าค้านอาจโดนประหารเสียเอง จึงออกกฎหมายใหม่ที่เรียกว่า "ต้องเห็นด้วยขึ้น".
หากคนส่วนใหญ่ในเมืองเห็นอย่างไร "ต้องเห็นด้วย" ไม่เช่นนั้นจะถูกประหาร.
เมื่อมีกฎหมาย "ต้องเห็นด้วย" ขึ้น ทีนี้ข้าราชการที่ยังเหลือจึงพยายามจับกลุ่มกัน เพื่อนับจำนวนเสียงส่วนใหญ่ เพื่อชิงอำนาจในการปกครองเมือง โดยใช้อำนาจผ่านทางเจ้าเมือง.
กลุ่มข้าราชการที่มีจำนวนมากจึงทำหน้าที่เสนอเรื่องต่าง ๆ ให้เจ้าเมืองตัดสินใจบังคับใช้กฎหมายทั้งสองข้อ.
ห้าปีผ่านไป เมืองยิ่งทรุดหนักกว่าเดิม เพราะชาวเมืองแสดงความเห็นต่างไม่ได้ แถมไม่เห็นด้วยก็ไม่ได้แถมคนที่ทนไม่ไหวก็หนีไปอยู่เมืองอื่น.
กลุ่มข้าราชการผู้ทรงอิทธิพลจึงให้เจ้าเมืองออกกฏ "ห้ามย้ายออกนอกเมือง".
"ห้ามเห็นต่าง" "ต้องเห็นด้วย" "ห้ามย้ายออกนอกเมือง".
.
.
.
ป.ล. เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นปลายเปิด จึงไม่มีบทสรุปจบที่แน่ชัด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in