บนขอบระเบียงแห่งความเชื่อ
ฉันเคยฝันเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่บนขอบระเบียงของความเชื่อ
เมื่อทวยเทพเรียกหา เขาจำต้องหันหลังให้กับโลก
เมื่อโลกเรียกหา เขาจำต้องหันหลังให้กับทวยเทพ
ยามที่มวลมนุษย์ถวายเครื่องบูชาแด่ทวยเทพ โลกจะเรียกหาเขา
ยามที่เขาถวายเครื่องบูชาแก่มวลมนุษย์ ทวยเทพจะเรียกหาเขา
คนผู้นั้นยืนอยู่ที่ขอบระเบียงแห่งความเชื่อ
ณ ที่นั้นมีแต่ผู้ยื่นมือให้เขา
บัดนี้ ฉันเองก็ยืนอยู่บนระเบียงเดียวกัน
สายลมแรงพัดหวนขึ้นมาจากเบื้องล่าง
มันหนาวยะเยือก จนทำให้ฉันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
"นี่สินะความรู้สึกของใบไม้ที่กำลังปลิดปลิว"
ในความฝัน นานมาแล้ว
ระหว่างที่ฉันกำลังร่วงตกลงไปในความมืด
กลับมีมือของผู้อารีมาโอบรับฉันเอาไว้
เจ้าของสัมผัสที่เบาบางราวขนนกได้โอบอุ้มฉันขึ้นมา
พลันร้องว่า "ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว"
กลิ่นของเธอหอม และสะอาดนัก
เธอใช้แขนสองข้างโอบกอดฉันไว้อย่างอบอุ่น
"ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"
แล้วดวงตาที่ปิดสนิทของฉันก็เปิดออก
ภาพใบหน้าของเธอก็พลันปรากฏ
ฉันตกใจแสงสว่างเรืองจนร้องจ้า
เธอร้องเพลง และเห่กล่อมฉันให้หลับลง
แต่ฉันไม่อยากหลับตาอีก
เพราะในความมืดนั้น ฉันกลัว
กลัวว่าฉันจะร่วงตกลงไปอีกครั้ง
ตอนนี้ ฉันกำลังยืนอยู่บนขอบระเบียงแห่งความเชื่อ
ดุจเดียวกับชายผู้นั้น
บนขอบระเบียงแห่งนั้น ฉันเอื้อมมือขึ้น
เบื้องหน้า เหมือนมีทวยเทพเอื้อมมือมารอรับ
เบื้องหลัง ไม่มีแม้แต่มือของผู้ใดมาเหนี่ยวรั้งฉันไว้
"อย่าทิ้งฉันไปนะ" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ฉันรู้ทันทีว่านั่นคือเธอ คนที่เคยโอบอุ้มเห่กล่อมฉันในคราวนั้น
"ขอโทษด้วย" ฉันเอ่ย
ด้วยแรงดึงดูดของโลก ทำให้มือของฉันลดต่ำลง
ตัวฉันหนัก และหนัก และหนักนัก
ฉันหันหลังกลับมาหาเจ้าของเสียงเรียก
แล้วทอดสายตามองตามเงาของตัวเองที่ทาบทามไปบนร่างของผู้คนเบื้องหน้า
"ฉันไม่ใช่แสงสว่างแต่เป็นความมืดมนที่ปวดร้าว"
...
"อย่าทิ้งฉันไปนะ"
...
ฉันกระโดดลงจากระเบียง ทิ้งตัวลง...
สู่อ้อมกอดนั้น อีกครั้ง...
...
เรื่องนี้เขียนไว้เพื่อรำลึกถึงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต
เมื่อตกจากจุดสูงสุด และจะกำลังจะร่วงดิ่งลงไปต่อ
ขอบคุณมือที่คอยโอบอุ้มฉันเสมอมา
ขอบคุณครับแม่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in