Let your heart guide
ให้หัวใจนำทาง
Pair : Ushijima x Tsukishima
By : หมูยิ้มยาก (DaiyMizNight)
Warning : ต่อจาก
เหงา นะคะ
(มันก็ต่อกันเรื่อย ๆ นี่แหละ)
เนื้อหา มโนเอา ล้วน ๆ แล้วนะจ้ะ
Last Chapter แล้วจ้าาาาา
Let your heart guide
ให้หัวใจนำทาง
อาการหนัก
อาการหนักสุด ๆเมื่อยามากุจิมองไปที่ชายหนุ่มร่างสูงแต่แลดูผอมบางซึ่งสวมแว่นตากำลังฝึกซ้อมวอลเลย์บอลอย่างหนักหน่วงอย่างที่ไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวเลยสักนิด แต่เมื่อถึงช่วงพักทีไรก็มักจะลูบ ๆ คลำ ๆ กำไลผ้าสีเหลืองนวลที่อยู่บนข้อมือไปมา เหม่อมองมันและเอนหลังพิงกำแพง โดยใบหน้าฉายแววความเศร้าให้เห็นจางๆ ถึงจะไม่เหมือนกับว่ากำลังเศร้า แต่ยามากุจิคิดว่าเขาดูออกว่าสึกิชิมะกำลังเหงาอยู่แน่นอน
ช่วงพักกินข้าวยามากุจิก็คอยลอบมองพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปพอควรของสึกิชิมะ นั่นคือเขากินข้าวหมดกล่อง ย้ำว่าหมดกล่อง ถึงแม้บางครั้งถ้าสึกิชิมะคิดว่ามันเยอะเกินก็จะแบ่งมาให้ยามากุจิหรือฮินาตะที่อยู่ใกล้ ๆ แต่ถ้าสึกิชิมะคิดว่ามันพอดีก็กินหมดกล่องเลย ซึ่งมันผิดจากปกติของเขาที่ไม่ว่าจะได้ข้าวมาปริมาณมากหรือน้อยสึกิชิมะก็มักจะกินเหลือแทบจะเสมอ ๆ นี่ยิ่งเน้นย้ำให้ยามากุจิแน่ใจว่าใครที่สึกิชิมะกำลังคิดถึงอยู่ เขาคนนั้นจะต้องมีอิทธิพลกับสึกิชิมะมากเลยทีเดียว
"เฮ่ ! สึกิชิมะ" เสียงของชายหนุ่มร่างเล็กผมสีส้มสว่างที่นั่งพักอยู่ข้าง ๆ ร้องทัก
"อะไร" สึกิชิมะหันไปมองตามเสียงเรียก
"นายเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น" ฮินาตะถามด้วยสีหน้าสงสัย
"หมายความว่าไงที่ว่า
เกิดอะไรขึ้น " เป็นฝ่ายสึกิชิมะเองที่ขมวดคิ้วสงสัยอีกคน
"นายไม่ร่าเริงเลย ถึงนิสัยกวนประสาทจะยังอยู่แต่นายก็ดูไม่ร่าเริงเลย" ฮินาตะมองอีกฝ่ายและแขว่งขาเล่นไปมา
"อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น" สึกิชิมะถามต่อ
"ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเองอะ คงเรียกว่ามีเซนต์มั้ง ไม่รู้สิ" ฮินาตะตอบพร้อมยักไหล่
"เซนต์นายอาจไม่แม่นก็ได้" สึกิชิมะลูบกำไลที่ข้อมือของตัวเอง
"ไม่หรอก ฉันว่าฉันมั่นใจ" พูดเสร็จก็กระโดดลุกจากเก้าอี้แล้วยืนตรงมองเข้าไปในสนาม
"ร่าเริงขึ้นไว ๆ ล่ะ เดี๋ยวพวกรุ่นพี่จะเป็นห่วง" แล้วร่างของชายหนุ่มผมสีส้มสว่างก็หายเข้าไปในสนามพลางโดดแหยง ๆ เข้าไปหามือเซ็ตตัวฉกาจของทีมอย่างคาเงยามะ
ยามากุจิที่เคยคิดแผนช่วยสึกิชิมะแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงมือ พอเห็นฮินาตะที่ออกจะเป็นพวกบ้า ๆ บอ ๆ รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสึกิชิมะ ยามากุจิก็ตัดสินใจใช้แผนนี้เลยแล้วกัน โดยเขาสอดส่ายสายตาไปทั่วสนามเพื่อมองหาคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือในแผนนี้ ในที่สุดยามากุจิก็มองเห็นเป้าหมาย ไม่รอช้าเขาเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาชายวัยทำงานร่างเล็กผมหยักศกพอประมาณซึ่งสวมแว่นตากำลังยืนอยู่ข้างสนามมองเหล่านักกีฬากำลังฝึกซ้อมอย่างภูมิใจ
"อาจารย์ทาเคดะครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง"
-------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้คุณอุชิจิมะจะกำลังตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอยู่หรือเปล่านะ
ถ้าไม่หักโหมจนบาดเจ็บก็ดีหรอก
อยากคุยกับคุณอุชิจิมะ
อยากคุยสึกิชิมะขยี้ผมตัวเองและสะบัดหัวตามเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ตอนนี้โชคดีว่าเป็นช่วงพัก 10 นาที ถ้าเขาเผลอคิดระหว่างซ้อมคงโดนบอลอัดหน้าไปแล้วแน่ ๆ
ตั้งแต่ที่สึกิชิมะและอุชิจิมะ(ต้อง)หยุดติดต่อพูดคุยกันก็ผ่านมาหลายเดือนพอสมควรแล้ว สึกิชิมะคิดว่าเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ คงจะช่วยทำให้เขาไม่คอยรอข้อความของอีกฝ่ายที่อาจจะส่งมาบอกว่าออกค่ายแล้วหรือคุยกันได้เหมือนเดิมแล้วนะ อะไรก็ได้ทั้งนั้น สึกิชิมะกล่าวโทษตัวเองรอบที่ล้านว่าเขาน่าจะขอเบอร์โทรติดต่อไว้ ไม่งั้นป่านนี้เขาอาจจะสามารถโทรคุยกันอยู่ก็ได้ บางวันที่สึกิชิมะรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว อยากคุย อยากคุยชะมัด มือของเขายื่นไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอปพลิเคชันไลน์
ขอแค่ 5 นาทีก็ยังดี ช่วยตอบกลับมาหน่อยเถอะสึกิชิมะพิมพ์ข้อความที่อัดแน่นอยู่ข้างในใจลงไปที่แป้นพิมพ์และกดส่งอย่างไม่ลังเล
Tsukki.T-rex : คิดถึงนะครับ คุณอุชิจิมะ
Tsukki.T-rex : ผมคิดถึงคุณ
กดส่งเสร็จก็จ้องมองข้อความของตัวเองและหวังว่าจะมีข้อความขึ้นข้าง ๆ ว่า 'อ่านแล้ว' แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้น ไม่มีเสียงข้อความเข้า ไม่มีสติกเกอร์ที่อีกฝ่ายชอบส่งกลับมา ไม่มีข้อความตอบกลับ
ไม่มีอะไรเลย
ทุกอย่างหยุดนิ่ง สึกิชิมะยังคงจ้องไปที่โทรศัพท์ของตัวเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงกดปิดหน้าจอแล้วใส่มันกลับคืนไปในกระเป๋าสะพาย จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในสนามเพื่อกลับไปซ้อมต่อ
ไม่นานการซ้อมของวันนี้ก็จบ สึกิชิมะเดินไปที่กระเป๋าสะพายแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูว่ามีข้อความเข้าหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีตัวเลขจำนวนข้อความขึ้นที่ด้านบนแอปพลิเคชันไลน์เขาก็รีบกดเข้าไป ในใจก็ภาวนาเหลือเกินว่าขอให้เป็นเขา ขอให้เป็นคุณอุชิจิมะ
แต่ก็ต้องผิดหวังที่มันไม่ใช่ข้อความจากอุชิจิมะกลับเป็นข้อความจากพี่ชายของตัวเองที่อยู่ในไลน์ครอบครัวแทน
สึกิชิมะทำได้เพียงถอนหายใจยาวทีหนึ่งแล้วเก็บโทรศัพท์เข้าในกระเป๋าสะพายก่อนจะสะพายเข้ากับตัวและมุ่งหน้าเดินไปที่ประตูทางออกของโรงยิม แต่ก่อนจะเดินไปถึงก็ถูกเพื่อนสนิทเรียกให้หันกลับไปหาเสียก่อน
"สึกกี้ ! เฮ่ ! เดี๋ยว ๆ" ยามากุจิวิ่งเข้ามาหาพลางร้องเรียกให้อีกฝ่ายหยุดก่อน
"มีอะไรเหรอ แล้วกระเป๋านายล่ะยามากุจิ" สึกิชิมะหันกลับมาตามเสียงเรียกก่อนจะสังเกตว่าเพื่อนของเขาวิ่งมาหาโดยไม่ได้หยิบกระเป๋ามาด้วย
"เรื่องนั้นช่างมันก่อน ฉันมีเรื่องจะบอก เรียกว่าเซอร์ไพรส์ได้ไหมหว่า แต่ตอนนี้เหนื่อยอะ ขอพักแป๊บ แฮ่ก ๆ" ยามากุจิร่ายยาวแต่ไม่มีเนื้อเลยก่อนจะหอบแฮ่ก ๆ เพราะรีบวิ่งมาหา
"เซอร์ไพรส์ ? เรื่องอะไรอะ นี่ไม่ใช่เดือนเกิดฉันหรือใครนี่" สึกิชิมะถาม ยามากุจิหายใจเข้าลึก ๆ แล้วผ่อนออกรวดเดียวเพื่อทำให้รู้สึกหายหอบได้เร็วขึ้น ล่ะมั้ง
"สึกกี้อยากเจอคุณกัปตันชิราโทริซาวะไหม"
-------------------------------------------------------------------------
เมื่อสึกิชิมะกลับมาถึงบ้านเขาก็รีบบึ่งขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง เปิดประตู ทิ้งตัวลงบนเตียงทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดซ้อมก่อนจะค่อย ๆ รวบรวมและปะติดปะต่อสิ่งที่ได้ยินจากปากของยามากุจิให้มันเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
'ยามากุจิ นายว่ายังไงนะ'
'ฉันถามว่าอยากเจอคุณกัปตันไหม'
'ทำไมถึงถามงั้นล่ะ'
'ตอบมาเหอะน่า อยาก ไม่อยาก'
'เรื่องนั้น...'
'อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นั่น ฉันถือว่าไม่ปฏิเสธแล้วกัน'
'อ๊าว ก็มัน..'
'จ้า ๆ เขินจ้ะ อะ อะ เข้าเรื่อง ๆ'
'คืองี้ ฉันเห็นสึกกี้ดูไม่โอเคกับที่เป็นอยู่ตอนนี้เท่าไร ดูไม่ร่าเริงเลย ก็อย่างที่ฮินาตะพูด'
'นี่ก็เป็นห่วงไง เลยคิดแผนช่วยสึกกี้เผื่อจะดีขึ้นบ้าง แต่แผนมันก็มีโอกาสเป็นไปได้แค่ครั้งเดียวด้วยมั้ง อยากฟังไหมจ้ะ'
'ว่ามา'
'เร็วเชียวนะ'
แผนที่ยามากุจิบอกมาคือ ในวันที่ทีมของเราไปถึงโตเกียวเพื่อไปแข่งฮารุโค วันนั้นอาจารย์บอกว่าอยากจะให้เราพักจากที่เดินทางมาทั้งคืนและจากที่ฝึกโหดกันมาด้วยเลยว่าจะให้พักไปเลยหนึ่งวันแถมอนุญาตให้ไปเที่ยวที่ใกล้ ๆ หอพักด้วย ยามากุจิบอกอีกว่าวันนั้นเป็นวันที่ค่ายซ้อมทีมเยาวชนของอุชิจิมะเป็นวันหยุดให้นักกีฬาได้พบญาติได้ โชคดีว่าค่ายไม่ห่างจากหอพักทีมเราเท่าไรอาจารย์น่าจะอนุญาต
ร่ายมาซะยาวสรุปคือยามากุจิจะพาสึกิชิมะไปที่ค่ายนั้นเพื่อเจอกับอุชิจิมะ หลังจากนั้นสึกิชิมะจะทำอะไรก็แล้วแต่สึกิชิมะเลย เป็นแผนที่ออกจะบ้าหน่อยเพราะเขาอนุญาตแค่ญาติ เราเลยต้องอาศัยช่วงที่คนเยอะ ๆ นั่นแหละเข้าไปหาอุชิจิมะข้างใน
สึกิชิมะฟังมาจนจบก็นึกสงสัยว่ายามากุจิไปรู้ข้อมูลนี้มาได้ยังไงเลยถามออกไป คำตอบก็คือ
'ขอร้องให้อาจารย์ทาเคดะโทรไปถามให้น่ะสิ ส่วนเรื่องที่ว่าอาจารย์ถามยังไงอันนี้ฉันก็ไม่รู้ ได้ข้อมูลมาก็โอเคแล้ว ส่วนหนึ่งฉันก็ลองค้น ๆ ในเน็ตมาก่อนแล้วด้วย โชคดีว่าเขายังให้มีวันพบญาติอยู่'
กลับมาที่ปัจจุบัน สึกิชิมะที่ยังอยู่บนเตียงทั้ง ๆ ชุดซ้อมกำลังกลิ้งไปมาเมื่อนึกถึงแผนที่จะได้เจออุชิจิมะสักที แต่ก็แอบกังวลว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกจับได้ก็ดีหรอก เหมือนจะคิดเพลินจนท้องร้องจ้อก ๆ บอกสัญญาณว่ากำลังหิว สึกิชิมะลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือไปคว้าผ้าเช็ดตัวด้วยหวังจะอาบน้ำก่อนค่อยไปหาอะไรกินในครัว มองดูนาฬิกาแล้วเขาคงต้องหากินของในตู้เย็นเองไม่ก็ถ้าโชคดีคุณแม่คงทำให้ไว้บนโต๊ะอาหารแล้ว
-------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดวันที่สึกิชิมะรอคอยก็มาถึง คืนวันเดินทางสู่โตเกียวเพื่อเตรียมตัวกับศึกฮารุโค อาจารย์พาทีมคาราสึโนะมาที่สถานีรถไฟเพื่อนั่งชินคันเซ็นกัน เหล่าอีกาตื่นเต้นกันมากที่จะได้นั่งชินคันเซ็นและการที่จะได้ไปโตเกียว แต่เมื่อได้นั่งประจำที่ได้ไม่นานก็ผล็อยหลับกันเสียหมด คงจะมีแต่สึกิชิมะที่ยังตาสว่างอยู่แถมยังใจเต้นไม่เป็นส่ำจนรู้สึกได้
"รู้ว่าตื่นเต้นนะสึกกี้ แต่นอนเก็บแรงไว้ก็ดีนะ" ยามากุจิที่นั่งข้าง ๆ บอกก่อนจะหลับตานอนที่ที่นั่งข้าง ๆ
ถึงยามากุจิจะบอกให้นอนเก็บแรงแต่สึกิชิมะก็ทำไม่ได้อยู่ดี สึกิชิมะยกเฮดโฟนสีเงินคู่โปรดขึ้นมาสวมพร้อมเลื่อนหาเพลงที่อยากฟัง เมื่อเจอก็กดฟังเพลงแล้วก็พยายามข่มตาให้ตัวเองหลับ แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับแค่ไหนมันก็จะมีหน้าของใครคนหนึ่งลอยขึ้นมาให้เห็นในห้วงความคิดตลอด สึกิชิมะเผลอยิ้มออกมาระหว่างที่หลับตาคิดเพลิน ๆ โดยไม่รู้ตัวอยู่แป๊บหนึ่ง แต่เมื่อรู้ตัวจึงหุบยิ้มแล้วใช้มือป้องปากแก้เก้อ
เมื่อไรจะถึงวันพรุ่งนี้นะ
แล้วถ้าการที่เราไปหามันเป็นการรบกวนล่ะ
ความคิดต่าง ๆ ไหลตีกันไปหมดในหัวของสึกิชิมะตอนนี้ ทั้งอยากเจอ ทั้งกังวล ทั้งคิดถึง ทั้งนึกกลัว ไหนจะเพลงที่เขากำลังฟังคลอไปด้วยเป็นเพลงเนื้อหาของคนที่คิดถึงใครอีกคน ความคิดก็พลานไหลไปตามเพลงเรื่อย ๆ จนผล็อยหลับโดยไม่รู้ตัว
.
.
.
.
.
"สึกกี้ ตื่นเร็ว ถึงแล้วนะ" ยามากุจิเขย่าตัวสึกิชิมะเพื่อปลุกอีกคนโดยไม่นานสึกิชิมะก็ลืมตาตื่นจากการหลับใหล
"ถึงแล้วเหรอ" สึกิชิมะยกหลังออกจากพนักพิงพลางบิดขี้เกียจไปมาถามเพื่อนสนิทที่นั่งข้าง ๆ
"อื้ม ถึงแล้ว หาววว~" ยามากุจิตอบพร้อมหาวไปด้วยเลยฟังเป็นเสียงแปลก ๆ
"งั้นลงไปด้านล่างกัน" สึกิชิมะเอ่ยชวนเมื่อผู้โดยสารคนอื่นและเพื่อนร่วมทีมเริ่มทยอยลุกจากที่นั่งและเดินไปยังประตูทางออกเพื่อลงจากรถไฟชินคังเซ็น
"เห้ย! ฮินาตะ ตื่น! ถึงแล้วเว่ย" เสียงคาเงยามะที่นั่งถัดจากยามากุจิและสึกิชิมะไปด้านหลังอยู่สองแถว (มีรุ่นพี่สึกะและกัปตันนั่งคั่นอยู่) ดังขึ้นให้ได้ยิน ดูเหมือนว่ากำลังจะลำบากกับการปลุกสมาชิกคาราสึโนะเบอร์สิบอยู่ไม่น้อย
"งือออ แม่ครับขออีก 10 นาที" ไหนฮินาตะจะไม่มีท่าทางว่าจะตื่นแล้ว ยังมีการขอต่อเวลาเพราะคิดว่าคนปลุกเป็นคุณแม่ของตัวเองอีกต่างหาก
คาเงยามะเริ่มหมดความอดทน เขาก้มหน้าลงไปพูดกระซิบข้างหูเสียงเบาให้ได้ยินแค่สองคนและเมื่อกระซิบจบฮินาตะก็ลืมตาตื่นแทบจะทันทีพร้อมหน้าเห่อแดงจาง ๆ เงยหน้าจ้องมองคนที่ยืนค้ำหัวตนอยู่ ส่วนฝ่ายคาเงยามะกลับฉีกยิ้มมุมปากอย่างเหนือกว่า เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้งและพูดบางอย่าง
รอบนี้ฮินาตะหน้าแดงกว่าเดิมและผลักไหล่คาเงยามะเดินแทรกตัวผู้คนออกไป คาเงยามะยิ้มหัวเราะหึหึกับท่าทางของฮินาตะที่ลนลานเพราะคำพูดของเขา คาเงยามะคว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นสะพายก่อนจะเหลือบเห็นกระเป๋าของคนที่นั่งข้าง ๆ ที่รีบร้อนเดินออกไปก่อนจนลืมกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง คาเงยามะถอนหายใจแล้วจับหูกระเป๋าถือมันขึ้นมากอดจึงเดินออกจากขบวนรถ
.
.
.
.
.
เมื่ออธิบายรายละเอียดของวันทั้งหมดโดยคร่าว ๆ เสร็จอาจารย์ทาเคดะก็พูดอธิบายลงประเด็นของวันนี้เพิ่มเติม
"โอเคครับ ต่อไปเป็นรายเอียดของวันนี้นะครับ วันนี้เป็นวันที่เราเดินทางมาที่โตเกียวเพื่อมาเข้าพักที่หอพักนักกีฬาก่อนจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องห้องไม่พออาจารย์เลยวางแผนให้เรามากันตั้งแต่เนิ่น ๆ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คืออาจารย์อยากจะให้พวกเธอได้พักผ่อนกันสักวันหนึ่งเลยขอยกผลประโยชน์ให้พักวันนี้ไปเลย 1 วันเต็ม" เหล่าอีกาส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ บ้างก็คุยกันว่าจะขอนอนเต็มที่ บ้างก็ว่าขอไปเที่ยวเมืองเดินห้างดีกว่า
"แต่อาจารย์มีข้อแม้สำหรับใครที่จะขอไปเที่ยวนอกหอนะครับ อาจารย์อนุญาตได้แค่ที่ใกล้ ๆ เท่านั้น จริง ๆ ปกติเขาจะไม่ค่อยให้ไปเที่ยวกันเองขนาดนี้เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมันจะลำบากเอา แต่อาจารย์ก็อยากให้ทุกคนรีแล็กส์บ้าง พยายามอดทนซ้อมกันคฤโหดซะขนาดนั้นจะไม่ให้รางวัลเลยก็ดูจะยังไงอยู่ ทุกคนเข้าใจอาจารย์กับโคชใช่ไหม" ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ
"โอเค ถ้างั้นเราไปดูหอพักกันเลย !" แล้วคณะนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมคาราสึโนะก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งของหอพักนักกีฬาของพวกเขา
--------------
"เฮ่ย ! คาเงยามะ ที่นี่มีโรงยิมด้วย เราไปซ้อมกันเถอะ !" เมื่อคณะนักกีฬาของคาราสึโนะมาถึงหอพักก็จัดแจงเข้าห้องพักของตัวเองโดยห้องหนึ่งจะอยู่กันประมาณ 6 คน ซึ่งปีหนึ่งทุกคนได้อยู่ห้องเดียวกัน เมื่อวางและกระเป๋าจัดข้างของเครื่องใช้ให้เข้าที่ฮินาตะนักกีฬาเบอร์สิบก็ชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วตะโกนเรียกชื่อเพื่อน(?)สนิทเสียงดังลั่น
"จริงไหม !? ไปลองขออาจารย์ทาเคดะกัน" คนถูกชวนก็ดูจะเห็นด้วยไม่น้อย ทั้งสองรีบใส่รองเท้าแล้วเปิดประตูวิ่งออกไปด้านนอกอย่างเริงร่า ดูท่าแล้วคงจะวิ่งไปขออนุญาตอาจารย์และโคชอย่างที่คุยกันแน่ ๆ
"นี่ไม่คิดจะพักกันเลยหรือไง เจ้าพวกบ้า" สึกิชิมะพูดขึ้นเมื่อมองตามคู่หูคู่บ้าวิ่งออกไปข้างนอกพร้อมถอนหายใจ
"ก็เป็นฮินาตะกับคาเงยามะนี่นะ" ยามากุจิพูด สึกิชิมะยักไหล่พลางคิด ก็คงเป็นอย่างที่ยามากุจิพูด คนบ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันก็คงไปด้วยกันได้
"สึกกี้จะพักก่อนไหม หรือจะไปที่ค่ายเยาวชนเลย" ยามากุจิหันมาถาม สึกิชิมะตาเบิกกว้างเหมือนกับจะบอกว่าลืมเรื่องไปเลย เมื่อนึกขึ้นได้อยู่ ๆ หัวใจก็กระตุกเต้นแรงจนรู้สึกได้
"มันไม่เช้าไปหน่อยเหรอ หรือยังไงดี" จู่ ๆ ก็ดันรู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียเฉย ๆ สึกิชิมะรู้สึกลังเลใจว่าจะไปหรือไม่ไปดี ไหนจะชุดอีกเพราะตื่นเต้นไปหน่อยเลยไม่ได้หยิบชุดไพรเวทมาเลยมีเพียงชุดวอร์มสำหรับซ้อมเท่านั้น
บ้าเอ๊ยยย ทำไมถึงลืมของสำคัญด้วยนะ
เมื่อนึกอะไรออกก็ก้มดูชุดที่ตนเองกำลังใส่อยู่ ชุดที่ใส่เป็นชุดเสื้อยืดสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮูดสีดำหม่นและกางเกงขาสามส่วนสีเทา
อืม ชุดนี้มันจะโอเคไหมนะ
ดีว่าที่ไม่ลืมกำไลผ้าเพราะใส่ติดตัวตลอดเวลา สึกิชิมะนิ่งคิดไปสักนิดก็ได้คำตอบ
"ขอทำใจก่อนแล้วกัน อีกสัก 2 ชม.ค่อยไปนะ ตอนนี้มันก็เช้าเกินด้วยรออยู่อีกสักพักก็น่าจะดี นายว่าไง" สึกิชิมะเสนอ
"ก็ถ้านายว่างั้นฉันก็เห็นด้วย ค่ายเยาวชนเองก็ไม่ได้ห่างจากที่นี่สักเท่าไรด้วย นั่งรถไฟ 10 - 15 นาทีก็ถึงแล้ว อาจารย์ก็คงอนุญาตได้ไม่ยากเพราะฉันก็พูดเปรยขอไปก่อนแล้วด้วย" ยามากุจิพยักหน้าเห็นด้วยแล้วอธิบายเพิ่มอีกหน่อย
เมื่อตกลงกันเรียบร้อยการฆ่าเวลาที่ดีที่สุดของพวกเขาก็เป็นอะไรไม่ได้นอกจาก 'นอน'
เวลาผ่านไป 1 ชม.ครึ่ง สึกิชิมะแทบไม่ได้หลับเลย เขานอนเล่นเกมเสียมากกว่า เมื่อมองนาฬิกาจึงคิดว่าได้เวลาแล้วก็ลุกขึ้นจากฟูกของตัวเองและก้มหน้าลงพิจารณาชุดที่ใส่อีกครั้งแล้วตรงไปหยิบกางเกงวอร์มขายาวจากกระเป๋าเดินทางมาทาบกับขาแล้วครุ่นคิดว่าจะเปลี่ยนดีไหม
ด้วยความที่คิดว่าใส่กางเกงขายาวแล้วมั่นใจกว่าจึงเดินไปยืนที่มุมห้องแล้วทำการเปลี่ยนจากกางเกงขาสามส่วนเป็นกางเกงวอร์มแทน จากนั้นก็เดินไปปลุกยามากุจิที่ยังคงหลับอย่างสบายใจ
"ยามากุจิ เราไปกันได้แล้วมั้ง" สึกิชิมะเข้าไปเขย่าตัวเบา ๆ ยามากุจิก็ลืมตาตื่นและลุกขึ้นมานั่ง สบตาเพื่อนของเขาเล็ก ๆ แล้วจึงหาววอดใหญ่
"ไหงฉันง่วงจังเลยเนี่ย หาววว~"
"เฮ่ย ! จะทิ้งให้ฉันไปคนเดียวไม่ได้นะ ฉันไม่รู้ว่ามันอยู่ไหน แล้ว แล้วก็--" สึกิชิมะพูดอย่างตกใจด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างชัดเจน
"ยังไม่พูดสักหน่อยว่าจะไม่ไปด้วย อย่าลนสิ รู้ว่าตื่นเต้นหน่า ใจเย็น ๆ" ยามากุจิพูดขึ้นขัดก่อนสึกิชิมะจะได้ทันพูดอะไรต่อ เขารู้ว่าตอนนี้สึกกี้ตื่นเต้นมาก แต่ก็ใจเย็นนะเพื่อนนะ
"ก็มัน..." สึกิชิมะกำมือแน่นและก้มหน้ามองพื้น
"อะ ๆ ๆ พาลงไปล้างหน้าก่อนนะ แล้วเราก็ไปค่ายวอลเลย์บอลเยาวชนกัน
"โอเค" สึกิชิมะตอบรับอย่างง่ายดายด้วยน้ำเสียงติดจะร่าเริงผิดปกติไปนิด แต่ยามากุจิก็พอเดา ๆ ได้ว่ามันเพราะอะไร
-------------------------------------------------------------------------
ฉึกฉัก ฉึกฉัก
ตอนนี้สึกิชิมะและยามากุจิกำลังอยู่บนรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่เก็บตัวของนักกีฬาวอลเลย์บอลเยาวชนที่อุชิจิมะกัปตันแห่งชิราโทริซาวะไปเก็บตัวอยู่ที่นั่นกัน ยามากุจิแอบลอบมองเพื่อนของเขาที่ก้ม ๆ เงย ๆ ดูชุดและผมเผ้าอยู่เนือง ๆ
นี่คุณอุชิจิมะคงมีอิทธิพลกับสึกกี้สุด ๆ เลยมั้งเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ ได้เห็นมุมใหม่ ๆ ของสึกกี้บ้างก็ดีเหมือนกัน
ไม่นานรถไฟก็มาถึงสถานีรถไฟซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับค่ายฝึกวอลเลย์บอลเยาวชนพอสมควรทีเดียว พวกเขาเดินลงมาจากรถไฟแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังค่ายฝึก แต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าเพื่อมองหาทางเข้า โชคดีที่มองหาได้ไม่ยากเพราะที่ตรงประตูนั้นเต็มไปดูผู้คนจำนวนไม่น้อยกำลังยืนออกันอยู่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ก็พบกับนักกีฬาเยาวชนคนอื่นซึ่งกำลังยืนพูดคุย ทักทาย โอบกอดด้วยความคิดถึงกับพ่อแม่หรือญาติที่มาเยี่ยมเยียนพวกเขา
ยามากุจิบอกกับสึกิชิมะว่าเดี๋ยวเขาจะเป็นเดินนำเข้าไปให้คอยเดินตามอย่าห่างนักล่ะ ถ้ามีคนถามก็บอกว่าเป็นญาติหรือน้องของนักกีฬาแล้วกัน สึกิชิมะพยักหน้ารับ จากนั้นปฏิบัติการจึงได้เริ่มขึ้น
ยามากุจิเดินนำไปที่ประตูทางเข้าซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนกำลังยืนออกันอยู่ ยามากุจิใช้สายตาทอดมองไปรอบ ๆ บริเวณเพื่อดูว่ามียามคอยเฝ้าอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่ามียามอยู่ 2 คน คนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าฝั่งขวามือ อีกคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในป้อมยาม ยามากุจิใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่าจะถูกจับได้หรือไม่ แต่เขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
ตอนนี้ทั้งคู่กำลังจะเดินผ่าน ( อย่างเนียน ๆ ) เข้าไปด้านในโดยมีเหล่าญาติ ๆ และนักกีฬาคอยบังเอาไว้อยู่ได้สำเร็จ แต่โชคคงไม่เข้าข้าง พระเจ้าอยากนึกรังแก หรืออาจจะโดนสาปแช่ง หรือ..(เยอะไปแล้ว) จู่ ๆ พี่ยามที่ยืนอยู่ที่ประตูก็เดินเข้ามาใกล้ทั้งคู่และหยุดคุย
"เดี๋ยวก่อนครับ" สึกิชิมะที่พี่ยามเป็นคนเลือกจะคุยด้วยต้องหยุดเดินและเอี้ยวตัวไปหาพี่ยามด้วยท่าทางนิ่งสงบที่สุดในโลก (ถึงข้างในตอนนี้จะแตกตื่นตกใจระส่ำระส่ายแค่ไหนก็ต้องนิ่ง)
"ครับ ?" สึกิชิมะพยายามขานตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
"ทำไมถึงเดินกลับเข้าไปข้างในครับ เป็นญาติใครหรือเปล่าครับ"
"ผม-- พวกผมเป็นนักกีฬาครับ จะกลับไปเอาของที่ลืมไว้" สึกิชิมะพลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ได้ทันคิดสักนิด นักกีฬงนักกีฬาอะไรล่ะ ไม่ได้เก่งขนาดเป็นทีมชาติสักหน่อย สึกิชิมะได้แต่ภาวนาขอให้พี่ยามเชื่อเขาด้วยเถอะ
"...งั้นเหรอครับ งั้นเชิญเลย" พี่ยามผายมือให้แล้วหมุนตัวกลับไปประจำที่เหมือนเดิม
จุด
จุด
จุด
ติ๊ง !
เชื่อเฉย !
สึกิชิมะหันหน้ากลับมาหายามากุจิที่กำลังทำหน้าอึ้งไม่ต่างกัน คงจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่ก็ถือว่ารอดแล้ว
เมื่อผ่านด่านพี่ยามไปได้ทั้งคู่ก็เจออุปสรรคใหม่อีกครั้ง
แล้วคุณอุชิจิมะอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย !
ด้านในค่ายกว้างมากกกกกก ขนาดเดินตามป้ายก็ยังรู้สึกว่าจะหลงได้ง่าย ๆ เลยด้วยซ้ำ ทั้งคู่พยายามสอดส่ายสายตาหาสิ่งที่น่าจะเชื่อมโยงให้พวกเขาได้เจอกับคุณกัปตันชิราโทริซาวะ แต่เดินหาเดินมองอยู่นานก็ไม่เจอสักที
"นี่เดินวนหาอยู่ชั่วโมงกว่าแล้วนะ เหนื่อยอ่า ~ หิวด้วย" ยามากุจิผู้คิดแผนกลับเริ่มงอแงเสียเองเมื่อพยายามตามหาแล้วแต่กลับไม่เจอเลยแม้แต่เงา
"เรายังเดินไม่ทั่วเลยลองเลี้ยวทางนี้ดู ป้ายบอกว่าเป็นโรงยิม" สึกิชิมะก็รู้สึกเหนื่อยไม่ต่างกัน แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ใกล้กับคุณอุชิจิมะมากแค่ไหนมันก็ทำให้รู้สึกมีแรงขึ้นมาหน่อยเลยล่ะ แปลกเนอะ
"อาาา ขอพักแป๊บนึงได้ไหมอ่าาา เหนื่อยแล้วว" ยามากุจิยังงอแงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ค่อยจะเป็นนิสัยของเขาสักเท่าไร คงจะเหนื่อยจริง ๆ
"...งั้นพักแป๊บนึงก็ได้" สึกิชิมะพูดขึ้น ยามากุจิร้องไชโย ! แล้วมองหาม้านั่งที่ใกล้ที่เมื่อเจอก็วิ่งเข้าไปหาโดยไม่รีรอใด ๆ สึกิชิมะได้แต่เดินตามแล้วก็ค่อย ๆ นั่งลงพักให้หายเหนื่อย
"ฮ้าาา ค่อยหายเหนื่อยขึ้นมาหน่อย สึกกี้ไม่เหนื่อยเลยเหรอเดินตั้งนานเป็นชั่วโมงอีกต่างหาก"
"ก็ไม่ค่อยนะ" สึกิชิมะยักไหล่เป็นเชิงปฏิเสธ
"หืมม ใช่สิก็จะได้เจอยอดรักนี่เนอะ ก็ไม่เหนื่อยหรอก"
"บ้าหรือไง อะไรใครยอดรักกัน ตลกเหรอ" สึกิชิมะพูดแก้ทันควันพร้อมกับเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
"แออออ้ เขินล่ะสิ เขินนนน อุ๊ย ๆ หูแดงแล้วน้า" ยามากุจิได้ทีก็แกล้งเพื่อนเสียเต็มที่ จนสึกิชิมะพูดแก้ต่างอะไรไม่ทันอีกแล้ว
ก็หลักฐานมันแสดงอยู่ทนโท่
"เอ้อ ! อยากพูดอะไรก็เชิญ" สึกิชิมะพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกจากม้านั่งไป ทำให้ยามากุจิต้องรีบลุกขึ้นและเดินตามเพื่อไป 'ง้อ'
"โอ๋ ๆ ไม่งอนน้าสึกกี้ ฉันขอโทษ แค่แกล้งเล่น ๆ เอง หายงอนนะ นะนะ" ยามากุจิพยายามพูดให้อีกฝ่ายหายงอนเต็มที่ และก็ดูเหมือนว่าจะได้ผล สึกิชิมะหยุดเดินแล้วหันมาหาเขา
"ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ"
"ไม่ชอบเพราะเขินใช่ไหมล่ะ"
"ยามากุจิ !"
"โทษครับ" ยามากุจิรีบงับปากตัวเองให้ปิดสนิทก่อนจะได้โดนงอนอีกรอบ
ทั้งคู่เดินมาเรื่อย ๆ ตามทางที่ป้ายบอกว่าทางไปโรงยิม ถึงจะไม่รู้ว่าโรงยิมอะไรก็เถอะ ถ้าเดินไปแล้วไม่เจอก็คงต้องเดินมันให้รอบทั้งค่ายนี่แหละ
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากโรงยิมที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าไป ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งดังขึ้นและชัดขึ้น นั่นคือเสียงลูกวอลเลย์ถูกตบกระทบพื้นแน่ ๆ พวกเขาทั้งสองที่อยู่ในชมรมวอลเลย์บอลรู้ดี ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วพยักหน้าพร้อมเดินเข้าไปใกล้โรงยิมจนมาถึงปากประตูทางเข้า
ทั้งสองชะโงกหน้าเข้าไป พยายามสอดส่ายสายตามองหาบุคคลที่พวกเขาต้องเสียเวลาวางแผนและเดินหากันเป็นชั่วโมง ภายในโรงยิมมีเสียงลูกวอลเลย์ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ที่ด้านในลึก ๆ เข้าไปทางซ้ายมือซึ่งการมองจากแค่ที่ปากทางเข้านั้นจะมองไม่เห็นทั้งหมด จะต้องเข้าไปด้านในอีกถึงจะเห็นได้ทั้งหมด
"เข้าไปเลยสึกกี้ ถ้าเจอก็มาบอกฉันล่ะ" ยามากุจิผลักไหล่สึกิชิมะให้เข้าไปข้างใน
"เดี๋ยวสิ ! อย่าผลักนะ ! เข้าไปด้วยกันสิถ้างั้น" สึกิชิมะที่ไม่กล้าเข้าไปคนเดียวเสนอแนวทางให้อีกฝ่าย แต่แน่นอนว่ายามากุจิต้องปฏิเสธ
"ได้ไง ถ้าขืนว่าคนที่อยู่ด้านในเป็นคุณกัปตันจริงฉันก็เป็นกขค.น่ะสิ ให้ฉันรออยู่นี่แหละ" ยามากุจิตบบ่าเพื่อนสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ
สึกิชิมะที่มองท่าทีของยามากุจิแล้วก็ต้องหายใจเฮือกใหญ่และสูดเอาอากาศเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตนเอง ก่อนจะทำใจฮึดกล้าแล้วก้าวเดินเข้าไปด้านในของโรงยิมช้า ๆ
สึกิชิมะค่อย ๆ เดินเข้าไปข้างในเรื่อย ๆ พยายามเพ่งมองว่าใครกำลังซ้อมตบลูกอัดกำแพงอยู่ แต่ก็ยังมองเห็นไม่ชัดอยู่ดีว่าคน ๆ นั้นจะใช่คนที่เขาตามหาอยู่หรือเปล่าอีกอย่างเขาก็หันหลังให้ด้วยต่างหาก ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ยิ่งรู้สึกใจไม่ดีนึกกลัวขึ้นมาว่าอาจจะโดนข้อหาบุกรุกโดยพลการหรือเปล่า แต่เข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป
แก๊ง ~
เพราะมัวแต่มองคนที่กำลังตบลูกอัดกำแพงอยู่จึงไม่ทันมองว่าที่เท้าของตัวเองมีขวดน้ำสแตนเลสตกข้างทางเดินอยู่จึงเตะโดนเข้าอย่างจัง สึกิชิมะหยุดก้าวเท้ากะทันหันก้มลงมองสิ่งที่ตัวเองเตะเข้าแล้วก็บ่นกับตัวเองในใจ
ทำไมต้องมามีขวดอยู่ตรงนี้ให้เตะโดนด้วยเล่า ! เป็นนิยายหรือไง
นักวอลเลย์ที่กำลังซ้อมอยู่หยุดกิจกรรมนั้นแล้วหันหน้ามามองต้นเสียงที่ทพให้เขาต้องเสียงสมาธิขณะซ้อม สึกิชิมะเห็นว่าเขาหยุดซ้อมและกำลังจะหันมาก็หลับตาปี๋ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
โดนจับได้แน่เลย ๆ ๆ ๆ ๆ
สึกิชิมะพยายามคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ทั้งวิ่งหนีไปเลย หรือพูดความจริงแล้วขอโทษที่เข้ามาโดยพลการ หรือถ้าเลวร้ายเลยอาจจะได้มีเลือดตกยางออก แต่สำหรับสึกิชิมะทางเลือกที่สามนี่ไม่น่าเกิดขึ้นเพราะเขาไม่ใช่คนที่เก่งชกต่อยอะไร ขณะที่แผนหลบหนีอยู่เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ด้านหน้าของเขา
ตอนนี้สึกิชิมะกำลังเผชิญกับความตื่นกลัวระดับสิบ เขารู้สึกได้เลยว่าหัวใจเต้นเร็วขนาดไหน เหมือนกับว่ามันจะเด้งออกมาโชว์สเต็ปแดนส์เสียเต็มที่ และดูเหมือนว่ามันจะทำสำเร็จ เพราะไม่กี่วินาทีที่หัวใจซึ่งเต้นระส่ำด้วยความตื่นกลัวตอนนี้กลับเต้นเป็นอีกจังหวะหนึ่งแต่ก็เร็วแรงไม่แพ้กัน เพียงเพราะสึกิชิมะได้ยินเสียงพูดของอีกฝ่ายเท่านั้น
"สึกิชิมะ.." เสียงนุ่มทุ่มฟังสบายและดูหนักแน่นในเวลาเดียวกันที่สึกิชิมะจำได้แม่นยำ เขารู้ได้ทันทีว่าคน ๆ นี้คือใคร สึกิชิมะลืมตาอย่างรวดเร็วแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเพราะว่าคน ๆ นี้คือคนที่เขาตามหา
"คุณอุชิจิมะ.." หัวใจของสึกิชิมะตอนนี้ดังตึกตึกตึกตึก ดังระรัวเหมือนมีคนใช้หัวใจเขาตีแทนกลองอย่างไรอย่างนั้น ทั้งเขาและอุชิจิมะสบตากันแต่ก็ยังไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา อาจจะเป็นเพราะกำลังตกใจว่าทำไมพวกเขาถึงเจอกันในที่แบบนี้ แต่เป็นฝ่ายอุชิจิมะเองที่ทนความเงียบไม่ไหว
"ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วมาได้ยังไง ใครพามา" อุชิจิมะยิงคำถามรัวจนสึกิชิมะต้องบอกให้หยุดก่อน
"เอ่ยคือ อึหื้ม ! อย่างแรก ผมว่าที่โตเกียวเพราะมาเตรียมตัวสำหรับแข่งฮารุโคครับ อย่างสอง ผมนั่งรถไฟจากหอมาที่ค่ายนี้ อย่างสาม ยามากุจิเพื่อนผมพามาครับ" สึกิชิมะตอบอย่างช้า ๆ จนครบถ้วน
"จริงด้วยสินะ ! นี่ก็จะถึงวันแข่งฮารุโคแล้ว แต่ไม่มาโตเกียวเร็วไปหน่อยเหรอ อีกตั้งหลายวันกว่าจะถึงวันแข่งคู่ของคาราสึโนะ" อุชิจิมะถาม
"อาจารย์ที่ปรึกษาอยากมาก่อนเพราะจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องห้องพักน่ะครับ อีกอย่างอาจารย์ก็อยากให้พวกผมได้พักกันด้วยน่ะครับ" สึกิชิมะตอบ
"งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ แล้วทำไมไม่พักอยู่หอล่ะ มาหาฉันไม่ลำบากเหรอ น่าจะพักให้หายเหนื่อยนะ คงผ่านการฝึกหนักมาเยอะเลยสิ"
"ไม่เลยครับ ถ้าใช้วันพักของตัวเองเพื่อมาหาคุณ ผมก็จะมา"
"เพราะผมคิดถึงคุณครับ คุณอุชิจิมะ"
คำพูดที่อัดอั้นมานานในที่สุดก็ได้พูดออกไปเสียที สึกิชิมะที่พูดออกไปโดยไม่ได้คิดก็เกิดรู้สึกอายขึ้นเสียอย่างนั้น เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดหน้าตัวเองอีกข้างยื่นออกไปเชิงจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ แต่ร่างสูงตรงหน้าก็ไม่สนใจแล้วเข้าสวมกอดเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
"ฉันก็คิดถึงสึกิชิมะ คิดถึงมาก"
สึกิชิมะได้ยินอย่างนั้นก็ค่อย ๆ วางมือไว้ที่ด้านหลังและกอดตอบอีกฝ่ายแน่นขึ้นและแน่นขึ้น ในหัวของทั้งคู่ตอนนี้มีแต่คำว่า
คิดถึง คิดถึงมากเลย
เนิ่นนาน ทั้งสองโอบกอดกันเพื่อเติบเต็มส่วนที่ต่างฝ่ายต่างเหินห่างกันไปให้เต็มตื้นขึ้น เมื่อพอใจแล้วก็ค่อย ๆ คลายอ้อมกอดออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งคู่สบตากันจากนั้นรอยยิ้มก็เผยออกมาให้ได้เห็นบนใบหน้าของคนทั้งสองคน
"คิดถึงนะครับ" สึกิชิมะพูดขึ้น
"ฉันก็คิดถึงเหมือนกัน" อุชิจิมะว่าตอบ
"ว่าแต่คุณอุชิจิมะทำไมมาซ้อมตบบอลอยู่เดียวล่ะครับ ไม่ไปหาคุณพ่อคุณแม่เหรอ"
"พวกท่านไม่ได้มาน่ะ จริง ๆ ฉันบอกว่าไม่ต้องมาเอง ลำบากพวกท่านเปล่า ๆ" อุชิจิมะอธิบาย
"งั้นเหรอครับ เดี๋ยวนี้พูดเก่งขึ้นแล้วนี่ครับ พูดปร๋อตั้งแต่เจอผมเลยด้วย" สึกิชิมะตั้งข้อสงสัย
"ไม่ได้คุยกับสึกิชิมะ เลยต้องคุยกับคนในทีมเยอะ ๆ แทน อีกอย่างน่าจะเป็นผลดีกับทีมด้วย" สึกิชิมะหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ
"นั่นของมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ" สึกิชิมะหัวเราะเบา ๆ
"ก็จริงอย่างที่นายพูด" อุชิจิมะยกมือเกาท้ายทอยแกรก ๆ
"แล้วนี่เพื่อนคนที่พามาอยู่ไหนเหรอ ยามากุจิสินะ ?" สึกิชิมะเบิกตากว้างพลางคิดในใจว่าลืมยามากุจิไปซะสนิทเลยที่สัญญาว่าจะมาบอกว่าเจอหรือไม่เจอ
เมื่อคิดได้ดังนั้นสึกิชิมะก็ขอตัวไปหาเพื่อนก่อนสักครู่หนึงโดยวิ่งมาจนถึงปากทางเข้าก็เห็นเพื่อนของเขายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ไม่ยอมหุบ
"ยิ้มอะไรน่ะยามากุจิ น่าขนลุก" สึกิชิมะถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของยามากุจิที่ตอนนี้กำลังทำหน้าประหลาดสุด ๆ
"ก็เปล่าหรอกกกก คนเป็นแฟนเขาก็กอดกันได้น่ะเนอะ กิ๊ว ๆ " ยามากุจิพูดเสียงยานคางและเริ่มพูดแซวอีกครั้ง
"แฟนเฟินอะไร ยังไม่ได้เป็นสักหน่อย เพ้อเจ้อ"
"จริงดิ ช้าอะ แต่บอกว่ายัง แสดงว่าก็ไม่แน่สินะหรืออาจจะเร็ว ๆ นี้ วันนี้แน่เลย !" ยามากุจิที่ดี๊ด๊าออกนอกหน้าจนทำให้สึกิชิมะที่รับมือกับการถูกแซวไม่ค่อยได้ถึงกับนึกเอือม เมื่อรับมือไม่ได้ก็ไล่กลับแล้วกัน
"ไปเลย กลับหอไปเลย"
"ใช่สิ พอหมดประโยชน์แล้วก็ถีบหัวไล่ส่ง เหงานะเนี่ย" ยามากุจิทำท่า(แกล้ง)จะร้องไห้ แต่สึกิชิมะรู้ทันจึงยังยืนยันให้ยามากุจิกลับไป
"เอาน่ะ กลับไปก่อน ไหนบอกจะมาแค่ส่งแล้วก็กลับไปไง"
"เออใช่ ว้า~ งั้นไม่อยู่กวนแล้ว เจอกันที่หอ อาจารย์บอกต้องถึงกอไม่เกินห้าโมงเย็นนะเฮ่ย ไปล่ะ !" แล้วยามากุจิก็วิ่งหายออกจากจากทางเข้าโรงยิมวอลเลย์บอล
"ไม่อยู่แล้วเหรอ"
"คุณอุชิจิมะ !"
"อ่าวทำให้ตกใจเหรอ ขอโทษนะ" อุชิจิมะที่จู่ ๆ ก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเล่นเอาสึกิชิมะสะดุ้งตัวโยน
"วันนี้ว่างใช่ไหม" อุชิจิมะถาม
"ก็ใช่นะครับ"
"เราไปกินข้าวกันไหม แถว ๆ นี้ก็ได้"
-------------------------------------------------------------------------
ระหว่างทางเดินไปร้านอาหารที่อุชิจิมะแนะนำให้ไปพวกเขาก็เดินไปคุยไปอย่างสนุกสนาน หัวข้อเรื่องคือแผนการตอนแอบเข้ามาในค่ายของยามากุจิ สึกิชิมะก็เล่าให้อุชิจิมะฟัง ทำเอาเขาแปลกใจว่าทำไมต้องแอบเช้ามาด้วย บอกว่าเป็นคนรู้จักพี่ยามเขาก็ให้เข้ามาแล้วล่ะ สึกิชิมะยืนนิ่งไปและคิดทบทวนกับตัวเองว่า แล้วตอนนั้นจะตกใจเพื่อ ? นึกแล้วก็ตลกตัวเอง
ไม่นานพวกเขาก็เดินมาถึงร้านราเมงเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ใกล้กับค่ายฝึกของอุชิจิมะพอสมควรเลย เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้ว อุชิจิมะผายมือให้สึกิชิมะเดินนำเข้าไปก่อน สึกิชิมะก็ผงกหัวน้อย ๆ และเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะและสั่งราเมง 2 ชาม
ภายในร้านก็ไม่ได้มีความพิเศษหรือแตกต่างจากร้านราเมงทั่วไปเท่าไรนัก ที่แตกต่างก็เห็นจะมีเพียงเมนูพิเศษและของตกแต่งโต๊ะที่แอบมีของน่ารัก ๆ อย่างแจกันดอกไม้แห้งที่เมื่อมองพร้อมกับผนังร้านสีเทาซึ่งฉาบแค่ปูนเรียบ ๆ แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับเป็นร้านคาเฟ่ที่ขายราเมงด้วยเสียมากกว่า
"ฉันชอบราเมงร้านนี้กับวิธีจัดร้านนะ น่ารักดี" อุชิจิมะพูดแสดงความคิดเห็นที่มันดันเหมือนกับของสึกิชิมะเสียด้วย
"ผมก็ชอบเหมือนกันครับ มากินบ่อยไหมครับ" สึกิชิมะถาม
"ก็ค่อนข้างบ่อยเลยล่ะ เพราะราเมงก็อร่อยมากด้วย อีกอย่าง มันทำให้ฉันคิดถึง..." อุชิจิมะจู่ ๆ ก็หยุดพูดไปกลางครัน ทำให้สึกิชิมะต้องเอ่ยถาม
"คิดถึงอะไรเหรอครับ หรือเคยมากินกับใคร ?" สึกิชิมะเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้มีความหมาวแฝงใด ๆ เขาเพียงอยากรู้เท่านั้นว่าอะไรที่ทำให้อุชิจิมะคิดถึงและเขาคิดถึงอะไร
"คิดถึงนาย" อุชิจิมะเอ่ยตอบและจ้องมองเข้ามาในนัยน์ตาของฝ่ายตรงข้าม เล่นทำเอาสึกิชิมะต้องเบือนหน้าหนีสายตานั้นด้วยความเขินอาย
"ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ" แต่เขาก็ยังคงถามต่อทั้ง ๆ ที่ยังหันหน้าไปทางเคาร์เตอร์ราเมงเพื่อพยายามไม่สบตาคนที่นั่งตรงข้ามโต๊ะอยู่
"ไม่รู้สิ คงคิดถึงมากจนมองอะไรก็กลายเป็นนายไปหมดล่ะมั้ง" อุชิจิมะอธิบายพลางยื่นมือไปหยิบแจกันดอกไม้แห้งสีเหลืองนวลบนโต๊ะมาถือเล่น
"ฉันมักจะมานั่งโต๊ะนี้เพราะเป็นโต๊ะเดียวในร้านที่มีดอกไม้แห้งสีเหลือง -- ไม่รู้สิ" อุชิจิมะยักไหล่เบา ๆ สายตาเปลี่ยนมาจ้องมองแจกันในมือแทนและจับมันสลับมือซ้ายขวาไปมา
"คุณก็พูดเวอร์เกินไปนะครับ อะไรจะขนาดนั้น" สึกิชิมะหันหน้ากลับมาที่โต๊ะของตัวเองตามเดิม แอบชำเลืองมองอุชิจิมะที่ตอนนี้กำลังเล่นแจกันดอกไม้อยู่
"ฉันไม่คิดว่างั้นนะ หรือนายจะบอกว่าไม่คิดแบบนั้นเลยเหรอ" อุชิจิมะพูดทั้งที่สายตายังมองที่แจกันอยู่
สึกิชิมะอยากจะพูดออกไปให้อุชิจิมะได้ยินเหลือเกินว่าเขานั้นอาการหนักกว่าคนตรงหน้าเสียอีก
คิดถึงมากเลยต่างหากล่ะ แล้วทำไมในหัวถึงมีแต่คำนี้เล่า โถ่
"ก็ไม่ใช่หรอกครับ"
"แสดงว่าคิดถึงสินะ" อุชิจิมะหยุดเล่นและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับสึกิชิมะพร้อมมอบรอยยิ้มบางให้กับอีกฝ่ายอย่างนึกดีใจ
อย่ายิ้มแบบนั้นนะครับ ขี้โกงนี่ !
"ไม่ตอบฉันถือว่าใช่นะ" อุชิจิมะยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าอย่างนั้นจนราเมงมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
ทั้งคู่ต่างกินไปคุยไปในเรื่องต่าง ๆ สัมเพเหระไปเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องฝึกซ้อมโหด การแข่งซ้อม การเรียน เพื่อน และอีกมากมาย เหมือนกับว่าการที่ทั้งคู่ไม่ได้คุยกันมานานไม่ได้ส่งผลต่อความรู้สึกของทั้งสองคนเลย ก็ยังคงพูดคุยกันได้เป็นปกติ
ไม่นานราเมงก็หมดชาม เมื่อกินอิ่มก็ต้องเดินย่อยอาหารกันสักหน่อย แต่สึกิชิมะไม่รู้ว่าที่แถวนี้จะมีที่ให้เดินเล่นหรือเปล่า เมื่อถามอุชิจิมะก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน จึงได้ลองถามคุณลุงเจ้าของร้าสราเมงดูว่าแถวนี้มีที่ให้เดินเล่นหรือเปล่า ทั้งสองได้คำตอบมาว่า ถัดไปอีกสองสี่แยกจะมีตลาดขายของเก่าที่มีชื่อเสียงมากในย่านนี้ให้ลองไปเดินดูเผื่อจะมีอะไรถูกใจ เมื่อรู้เช่นนั้นแล้วสึกิชิมะและอุชิจิมะก็กล่าวขอบคุณ จ่ายเงิน และเดินออกจากร้านเพื่อมุ่งหน้าไปยังตลาดขายของเก่าที่ถูกแนะนำมา
ที่ตลาดมีแม่ค้าพ่อค้านำของเก่าหรือของใช้มือสองมาวางขายกันมากมายเลยทีเดียว ทั้งคู่เดินเล่นกันอยู่นานพอสมควร ถ่ายรูป พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าทั้งหลายอย่างสนุกสนาน และอุชิจิมะก็ซื้อของใช้เล็ก ๆ มา มันคือที่คั่นหนังสือแบบเดียวกันแต่ต่างสี อุชิจิมะเก็บสีเหลืองอ่อนไว้กับตัวและยื่นสีม่วงอ่อนให้สึกิชิมะและบอกว่าอยากให้เอาไว้ใช้คั่นหนังสือ พอเปิดอ่านจะได้คิดถึงเขา สึกิชิมะรับมาถือไว้แล้วกล่าวขอบคุณ
เดินมาอีกสักพักสึกิชิมะก็ก้มมองนาฬิกาในมือถือก็พบว่าตอนนี้เวลาสี่โมงกว่าแล้ว
"ผมต้องกลับแล้วครับ เดี๋ยวไม่ทันห้าโมง"
"งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง"
ทั้งคู่เดินออกจากตลาดและมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือสถานีที่สึกิชิมะลงเมื่อตอนเช้าวันนี้ สึกิชิมะหยุดเดินแล้วโค้งลา แต่อุชิจิมะก็พูดขึ้นแทรก
"ฉันนั่งไปส่งถึงที่หอเลยได้ไหม"
-------------------------------------------------------------------------
นั่งรถไฟใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสถานีที่ใกล้กับหอพักนักกีฬาของสึกิชิมะแล้ว เมื่อลงจากรถไฟอุชิจิมะก็ยังคงขอพาไปส่งให้ถึงตัวหออย่างกระตือรือร้นจนสึกิชิมะไม่กล้าปฏิเสธ
"สึกิชิมะ เคย์" อุชิจิมะเอ่ยเรียกอีกฝ่ายในระหว่างทางที่เดินไปยังหอพักบนทางเดินเท้าข้างถนน
"ครับ ?"
"ฉันอยากอธิบายเรื่องกฎที่เราไม่ได้คุยกันมาในช่วงหลายเดือนนี้น่ะ"
แล้วอุชิจิมะก็อธิบายร่ายยาวไปเลยว่าจริง ๆ แล้ว กฎของค่ายไม่ได้เข้มงวดขนาดที่ต้องตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างห้ามคุยกับคนนอกนะ แต่แค่ห้ามเล่นในช่วงเวลาการซ้อมถ้าจะคุยก็ต้องหลังจากที่ซ้อมเสร็จ แต่อุชิจิมะอยากตั้งใจซ้อมแบบจริงจังมากๆ เลยตัดสินใจว่าจะไม่คุยกับใครทั้งนั้นและตัดสินใจฝากโทรศัพท์ไว้กับโคช แน่นอนว่าก็มีบ้างที่อยากจะคุยกับสึกิชิมะและคนในครอบครัว แต่ครั้นจะไปขอคืนก็ดูจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง พอคิดว่าขอแค่ได้ยินเสียงสักนิดก็ยังดีก็ดันลืมไปเลยว่าไม่เคยขอเบอร์โทรไว้เสียอย่างนั้น เพราะแบบนี้จึงไม่ได้ติดต่อไปเลย
เมื่ออุชิจิมะอธิบายจบก็พูดขอโทษแล้วขอโทษอีกเสียยกใญ่ สึกิชิมะที่เดินเงียบคอยฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเล่ามาก็พอจะเข้าใจความพยายามและความรักเชิงบ้าวอลเลย์บอลของคนข้าง ๆ อยู่ก็เถอะ แต่เล่นไม่ได้คุยกันเลยแบบนี้ก็ทำให้เขา.. สึกิชิมะนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งจึงหยุดเดินแล้วหันหน้าไปสบตากับอุชิจิมะ ทันใดนั้นกำปั้นของสึกิชิมะก็ยื่นออกมาชกเข้าหน้าอกอุชิจิมะไปทีหนึ่งแต่ไม่ได้แรงมากนัก จู่ ๆ หยดน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาสีเฮเซลคู่สวยของเจ้าของกำปั้น สึกิชิมะโผเข้ากอดอุชิจิมะแน่นแล้วบอกกับอีกฝ่ายว่า
"ถ้าจะทำแบบนี้ก็บอกให้ละเอียดกว่านี้สิ บ้า งี่เง่า คนงี่เง่า !" มือของสึกิชิมะที่ทาบบนแผ่นหลังของอุชิจิมะออกแรงตบไปสองสามที
อุชิจิมะไม่รู้จะรับมือกับอาการนี้ของสึกิชิมะอย่างไรจึงกอดตอบแล้วเอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"ไม่คิดว่าจะทำให้ต้องอดทนขนาดนี้ ขอโทษนะครับ" อุชิจิมะประคองหน้าสึกิชิมะขึ้นแล้วใช้นิ้วมือค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน
"ทำยังไงถึงจะหายโกรธเหรอ" อุชิจิมะก้มลงมองหน้าคนที่กำลังมีคราบน้ำตาเปื้อนอยู่บนใบหน้า
"ไม่รู้ครับ" สึกิชิมะทำหน้านิ่งใส่
"ถ้าแบบนี้ จะหายโกรธไหมนะ"
อุชิจิมะหันซ้ายหันขวา ทันใดนั้นอุชิจิมะก็ลดใบหน้าลงและทาบทับริมฝีปากสีระเรื่อนั้นอย่างแผ่วเบา สึกิชิมะตกใจกับการกระทำนี้ของอุชิจิมะจนน้ำตาหยุดไหลไปเลย ไม่นานอุชิจิมะก็ผละออก
"หออยู่ตรงนั้นใช่ไหม" อุชิจิมะชี้ไปยังตึกที่มีลักษณะเหมือนห้องชุดตั้งอยู่ไม่ใกล้จากที่ทั้งคู่ยืนอยู่นัก
สึกิชิมะยังคงตกใจกับการจูบของคนตรงหน้าอยู่จึงทำได้เพียงพยักหน้าน้อย ๆ เพื่อบอกว่าใช่แล้ว
"เดินกลับเองได้ใช่ไหม งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ" ไม่ว่าเปล่ายื่นใบหน้าเข้ามาจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของสึกิชิมะก่อนจะเดินหันหลังจากไป
สึกิชิมะที่พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองได้เสียจูบแรกไปอย่างไม่ทันตังตัวก็หน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย แขนขาก็อ่อนแรงจนซุดลงนั่งกับพื้น
"เล่นแบบนี้แล้วการแข่งผมจะมีสมาธิได้ยังไงกันเล่า คุณอุชิจิมะคนบ้า !"
END.
--------------------------------------------------
สวัสดีค่า ( ´ ▽ ` )ノ❤
ปิดไปแล้วค่าาาาาาาา กับโปรเจ็กต์พี่วัวกับสึกกี้ แงงงงงงง ตอนนี้ยาวมากกกกกกกก ไม่คิดว่าตัวเองจะแต่งยาวขนาดนี้ ทุกคนจะขี้เกียจอ่านกันหรือเปล่านะคะ ; w;) ฟฟฟฟฟฟ
มีความคิดอยากจะรวมเล่มเรื่องนี้ แต่จะมีคนอยากได้ไหมนะคะ ฮาาา เดี๋ยวจะขอไปทำแบบสอบถามก่อนนะคะ ในเล่มก็จะมีตอนพิเศษอีก 3 ตอน ปริศนาที่พี่วัวเราไปเอาไลน์สึกกี้มาได้ยังไงก็จะมีในเล่ม และเมื่อทั้งสองได้ไปเที่ยวงานเทศกาลกันพ่วงด้วยคู่คาเงฮินะมันจะป่วนขนาดไหน และตอนลับ ฟฟฟฟฟ
ทั้งนี้ต้อง ขอขอบคุณทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ พอจะได้แต่งตอนสุดท้ายก็จะมีอุปสรรคอย่างการสอบ อ่านหนังสือ งานที่โรงเรียน บลา ๆ กลัวว่าจะเว้นเวลาไปนานจนไม่มีคนอ่าน แง //ปลอบเค้าที ฮาาาา
ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ๆ ๆ ๆ นะค้าาาาา
รักกกกกกก ❤ ❤ ❤ ❤ ❤ ❤
ถ้าอ่านแล้วรู้สึกสนุกสักนิดก็จะดีใจมาก ๆ เลยค่า
มาพูดคุยกันที่แท็กได้น่อ
#อุชิสึกกี้
@Peerada323
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in