เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cardell brothers: origin storiesVanilla * twilight
Cat scratch



  • “บอกแล้วว่าความคิดนายมันโคตรแย่!”





    เบนบ่นงึม ระเบิดอารมณ์ออกมาทางน้ำเสียง ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้คนฟังสะดุ้งสะเทือน อาจเป็นเพราะใบหน้าซีกหนึ่งของเขาแนบอยู่กับหมอน ตาข้างหนึ่งหรี่ลง ขดตัวนอนท่าทางงัวเงีย ส่งผลให้ประโยคนั้นฟังอู้อี้ หรือไม่พี่ชายฝาแฝดของเขานั้นหน้าด้านเป็นปกติ 





    สมองของเขาทำงานอย่างหนัก...เซลล์ส่วนหน้าพยายามแยกแยะระหว่างคำด่าที่เขาอยากพ่นมันออกมา ขัดกับส่วนจิตใต้สำนึกอีกส่วนหนึ่งที่บอกว่า ‘เฮ้ ไว้ก่อนน่า ยังมีเวลาอีกมากให้ตามจองล้างจองผลาญ ตอนนี้ช่วยห่วงสวัสดิภาพของตัวเอง’ 






    “มันน่าสงสารจะตาย คนใจดำนี่มันใจดำจริงๆ” พี่ชายของเขาขึ้นเสียงสูง เจือแววเสแสร้งชัดเต็มเปี่ยมจนสัมผัสได้จากถ้อยคำ เขาเหลือบมองจากหางตา เห็นหมอนั่นเอามือลูบหัวลูบหางเจ้าตัวหน้าขนเหมือนจะปลอบ “ที่จริงนายสงสารมันดีกว่า ไปข่วนคนแบบนาย จะติดเชื้อบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้” 






    ไอ้บ้านี่ ยิ่งฟังยิ่งน่าเสยคางเข้าสักที – เบนกัดฟันกรอด มือเอื้อมไปตะปบแผลแมวข่วนที่หลังตัวเอง จากนั้นก็สะดุ้งโหยง เขาเห็นเบ็นมองแล้วยิ้มเผล่ เมื่อเป็นดังนั้น...คนเสียมาดไปแล้วจะทำอะไรได้เล่า นอกจากถลึงตาใส่ รีบลุกขึ้นมานั่งหน้านิ่งคอแข็งเหมือนไม่รู้สึกรู้สา ทั้งที่ในหัวมีแต่คำว่า ‘เจ็บ’ ‘เจ็บ’ ‘เจ็บ’ สวนสนามกันจนแทบหลอน “มันนั่นแหละ มีเชื้อสกปรกน่าขยะแขยง เอา-มัน-ออก-ไป! สารเลว!”






    “มันแค่ปลุกนาย” สิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้ายกรัมปี้แคทกระโดดแผล๊วลงบนผ้านวมผืนหนา ขยับเดินทางซ้ายทีขวาทีเหมือนสำรวจ เบนจ้องมัน ดวงตาประสานดวงตา จากนั้นจึงกระถดหนี สบถเสียงลั่นเมื่อหลังที่เต็มไปด้วยรอยลับเล็บแมวกระแทกกับหัวเตียงแทรกเสียงกระแนะกระแหนปนเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของฝาแฝดคนพี่ “ใครใช้ให้ขี้เกียจล่ะวะ ช่วยไม่ได้ โห นี่แมวยังมีสามัญสำนึกรู้เวลามากกว่านายเสียอีกแน่ะ” 






    ความอาฆาตมาดร้ายฉายชัดจากดวงตา ปากของเบนขมุบขมิบงึมงำคล้ายคำสาปแช่ง หน้านิ่วเพราะความรู้สึกเจ็บเป็นริ้วๆ เริ่มทำให้แผ่นหลังแสบร้อน เขายังจำวันที่พี่ชายฝาแฝดของเขาก็อุ้มเจ้าตัวหน้าขนท่าทางมอมแมมเข้ามาในบ้านได้ และเขาสาบานว่าจะทำให้วันสุดท้ายของมันลงเอยด้วยการกลายเป็นบาร์บีคิวแมว






    แฝดคาร์เดลคนน้องปลดกระดุมเสื้อ ค่อยๆ ร่นมันลงไปกองที่บั้นเอว คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อเนื้อผ้าเสียดโดนผิวเนื้อส่วนที่เป็นแผล ก่อนจะขยุ้มมันเป็นก้อนไว้ในฝ่ามือที่กำอยู่ให้กลายเป็นก้อนกลมๆ อย่างไม่กลัวว่าเสื้อที่เคยหวงนักหวงหนาจะเป็นรอย แล้วออกแรงปาเข้าหน้าเบ็นเต็มแรง






    “เล่นอะไรสกปรกว่ะ” ฝ่ายนั้นรับการแก้แค้นของเขาไว้ได้อย่างสบายๆ ก่อนจะจัดแจงพาดเสื้อไว้บนบ่า “นี่แรงคนเรอะ ให้แมวเตะยังเจ็บกว่า” 






    “หยุดเอาฉันไปเทียบกับไอ้ตัวนั่นเดี๋ยวนี้เลย อย่างน้อยเสื้อนี่ก็สะอาดกว่าหนังหน้านายก็แล้วกัน” เบนว่าขณะเหวี่ยงเท้าลงแตะพื้นห้องเย็นๆ ตั้งใจจะหายาใส่แผล แล้วก็นึกขึ้นได้ “วันก่อนเอาแอลกอฮอล์ล้างแผลไปผลาญไว้ที่ไหนแล้ว อย่าบอกว่าโง่จนกลืนมันลงไป”






    เบ็นกลอกตา ตอบเสียงสุภาพเป็นเชิงเสียดสีกวนประสาท “ครับ ครับ จะตอบเดี๋ยวนี้แล้ว เก็บมันไว้ที่เดิมอย่างที่เบน คาร์เดลเจ้ากี้เจ้าการจัดการบอกให้เก็บมันเป็นระเบียบนั่นแหละ”






    เบนส่งเสียงในลำคอไม่พอใจ เมื่อมือเอื้อมไปไม่ถึงอย่างที่อยากให้เป็นได้สักที เขารู้สึกถึงสายตากึ่งประเมินกึ่งถากถางที่มองมาได้ กล้ามเนื้อแขนเริ่มประท้วงอย่างอ่อนล้าที่ทนออกแรงเหยียดมาร่วมครึ่งชั่วโมง






    “จะเลิกดื้อพยายามทำแผลเหมือนมีตาที่หลังได้หรือยัง” 






    “ไม่!” 






    “เออ...” เบ็นขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไรอีก ดึงก้อนลำสีออกมาขยุ้มใหญ่ ก่อนจะคว่ำขวดแอลกอฮอล์ล้างแผลลงไปจนชุ่มโชก เดินไปโปะมันลงบนหลังของน้องชายอย่างไม่ทันให้รู้ตัว จากนั้นปิดท้ายด้วยประโยคปนเสียงหัวเราะสะใจเมื่อได้ยินเสียงโวยลั่น “อย่างกับฉันเคยฟังนายอย่างนั้นน่ะ”






    “ไม่ได้ขอก็ไม่ต้องสาระแนก็ได้นะไอ้บ้า” เสียงอาฆาตดังลอดไรฟัน ก่อนที่คนพูดจะใช้ศอกถองมาข้างหลังแล้วแตะโดนแค่ลม ส่งผลให้พี่ชายผู้รอดเงื้อมมือมีโอกาสพล่ามบ้าบอไร้สาระยั่วโมโห พูดไปปาดสำลีเช็ดแผลไป






    “เห็นนายทำแผลตัวเองแล้วมันสยองว่ะ ถ้าใช้เวลาอีกสามชั่วโมงก็กลัวนายติดเชื้อตายห่าแล้วขี้เกียจเขี่ยศพไปทิ้ง กลัวมันจะเน่า แค่นึกก็น่ารังเกียจแล้ว แหวะ” 






    “โคตรขนลุกเลยเหอะ เลิกยุ่งกับฉันสักที พูดมากน้ำลายกระเด็นลงแผลฉันจะติดเชื้อตายห่าเพราะนาย ไปให้ข้าวแมวผีนั่นเลยไป” เบนบ่น หน้าบูดหน้าบึ้ง เบี่ยงตัวหนีกวนโมโห – ในเมื่อไอ้บ้านั่นขัดใจเขาได้ เขาก็ขัดใจได้เหมือนกัน “แต่บอกไว้เลยว่าฉันไม่ให้มันเข้ามาอยู่ในบ้านแน่ๆ”






    “ขยับมากก็ล้างแผลมันอยู่อย่างนี้นั่นแหละ” เสียงประกาศิตดังขึ้นพร้อมกับคางที่ยันบนหัวล็อกไม่ให้ขยับ และมือหนักๆ ที่กดลงบนแผ่นหลัง เขาเกลียดเสียงแบบนี้ของหมอนั่นนักหนา 






    และเกลียดยิ่งกว่าที่ตัวเองยอมฟัง...



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in