เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cardell brothers: origin storiesVanilla * twilight
Disaster date






  • เบน คาร์เดล มั่นใจเสียยิ่งกว่ามั่นใจว่าวันนี้ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแผน 





    สถานการณ์ลงล็อกเข้าที่เข้าทาง ฝาแฝดสมองเมล็ดถั่วของเขาไม่เฉลียวใจเลยแม้สักนิดว่าซิมการ์ดในโทรศัพท์มือถือถูกเปลี่ยน นัดหมายถูกเลื่อนด้วยวิธีการอันแยบยล หมอนั่นจะไม่มีวันรู้เลยว่าอาทิตย์หน้าต้องเป็นฝ่ายรอเก้อ – เบนนึกอยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเร็วๆ เสียเหลือเกิน เขาไม่อยากรอที่จะได้เยาะเย้ยอีกฝ่ายด้วยถ้อยคำถากถางที่เตรียมไว้อย่างดีว่าสาวไม่แล แต่เพื่อความไม่ประมาท เขาจึงดูจนแน่ใจซ้ำหลายหน พ่วงเสริมด้วยการกระทำบางอย่าง (หวังเป็นอย่างยิ่งว่าลุงเอ็กเปิร์ตจะไม่ทันสังเกตวีรกรรมของเขาในเร็ววัน) ให้เป็นสิ่งค้ำประกันการันตีว่าคู่แฝดของเขามีงานมากเกินพอจนไม่อาจปลีกตัวมาในเวลานี้ได้ 






    สาวผมบลอนด์โต๊ะข้างๆ หันมายิ้มหวาน เขาแปลความในทันทีว่านั่นเป็นรอยยิ้มแจกไมตรี ก่อนยิ้มตอบให้นิดหน่อย – ไม่เห็นต้องคิดเข้าข้างตัวเอง เธอสนใจเขาแน่ๆ เท่าที่ดู...แถวนี้ไม่ได้มีใครน่าสนใจเท่าเขาเสียหน่อย เมื่อเป็นดังนั้น สมองจึงเริ่มประมวลและประเมินสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลดีที่สุด เบนพบว่าตอนนี้มีสองทางเลือก:






    หนึ่ง...ขอเบอร์ไว้ก่อน เผื่อแผนนี้พลาด 






    หรือสอง...นั่งรอคู่เดทของเขาต่อไป กันความเสียหายที่อาจจะเกิดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ในกรณีที่เธอเห็นเขาขอเบอร์ผู้หญิงคนอื่น แล้วเกิดยับยั้งโทสะไม่ไหวจนสาดกาแฟร้อนๆ ใส่หน้า 






    เบนหมุนแหวนเงินบนนิ้วเล่นขณะพิจารณา อย่างแรกดูดีต่ออนาคต ส่วนอย่างที่สองดูไม่เสี่ยงทำให้หน้าตาดีๆ ที่พ่อแม่ให้มาเสียโฉม ความคิดสองอย่างนั้นยุติลงโดยที่เขาไม่ทันได้ตัดสินใจเลือกเมื่อโทรศัพท์บนโต๊ะข้างแก้วกาแฟสั่น






    ‘ชาร์ล็อตต์’ ยิ้มให้เขาจากหน้าจอ – ปกติไอ้งั่งนั่นไม่ค่อยมีเซ้นส์ฉลาดๆ แต่เขาก็ต้องจำใจยอมรับอย่างกล้ำกลืนว่าอย่างน้อยหมอนั่นก็รู้จักคำว่าสวยว่าเป็นยังไง คนที่เบ็นนัดเจอน่ารักใช่ย่อย ผมบรูเน็ต ตาสีฟ้า ตอนนี้มานั่งนึกถึงตอนฝาแฝดคนพี่ของเขานั่งตอบข้อความไปพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปพลางก็พอเข้าใจ 






    แถมรู้สึกหมั่นไส้กว่าเดิมที่ไอ้คนบ้างี่เง่าได้คุยกับคนน่ารักขนาดนี้ โลกไม่ยุติธรรม






    เขาไม่ทันได้หยิบมือถือ ฝ่ายนั้นก็ตัดสายไปเสียก่อน เบนมองซ้ายมองขวา แล้วก็เห็นหญิงสาวหน้าตาพิมพ์เดียวกับในรูปเป๊ะยืนละล้าละลังเหมือนมองหาใครอยู่ เขารีบโบกมือให้ทันที แม่สาวบลอนด์เมื่อครู่หันมาค้อน แถมด้วยจิกตาใส่เหมือนเขาเพิ่งก่ออาชญากรรมร้ายแรง – นี่เขายิ้มให้ไม่ได้ฆ่าคนตายไม่ใช่หรือไง






    “หวัดดี” ชาร์ล็อตต์ยิ้มน่ารัก ทักออกมาสั้นๆ ขณะวางกระเป๋าลงบนโซฟา ท่าทางดูแปลกใจไม่น้อย “คุณดูไม่ค่อยเหมือนในรูปถ่ายเลยนะเบ็น” 






    เบนอดรู้สึกผิดขึ้นมา...นิดหน่อยไม่ได้ แต่ก็ปัดความรู้สึกนั้นไปด้วยเหตุผลที่อาจดูฟังไม่ค่อยขึ้น แต่ในบรรทัดฐานของเขาแล้วมันช่างสมเหตุสมผล เช่นว่ากำลังช่วยปกป้องคนดีๆ จากเงื้อมมือมาร “บางทีรูปภาพมันก็บอกอะไรไม่ได้หมด คุณว่าไหม แต่รูปนั้นผมไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์นะ”






    รอยยิ้มทะเล้นวาดบนริมฝีปาก คำโกหกเรื่องชื่อถูกบอกเล่าออกมาอย่างคล่องปาก (แน่ล่ะ เขาคิดมาเรียบร้อยแล้ว) ว่าแค่อยากเปลี่ยนลุคดูบ้าง เสริมอีกนิดเป็นเชิงจิกกัดถึงฝาแฝดผู้พี่ที่คงไม่ได้ยินคำต่อว่าต่อขานนี้ ว่าผมทรงเก่าดูไม่ค่อยโอเค ชาร์ล็อตต์มองแล้วหัวเราะเสียงใส ดูไม่ติดใจอะไรอีก (เธอบอกว่าทรงเก่าก็ดูดี ฟังถึงตรงนี้เขาอยากเบ้ปากพิลึก) เข้าใจไปเรียบร้อยว่าคนที่เคยคุยด้วยชื่อเบน เพียงแต่บอกว่าพอเจอกันจริงไม่นึกว่าจะเป็นคนมีอารมณ์ขัน






    “จะว่ายังไงดีล่ะคะ ฉันคิดว่าคุณน่าจะดูขรึมกว่านี้เสียอีก” 






    เบนทำทีเป็นจิบกาแฟเพื่อเลี่ยงหัวข้อสนทนา ก่อนเสนอถามอย่างมีไมตรีว่าอยากดื่มหรือทานขนมอะไรหรือเปล่า ตลอดระยะทางไม่กี่เมตรจากโต๊ะถึงเคาน์เตอร์ ในใจเขานึกเพียงสิ่งเดียว






    ฉิบหาย…ไอ้บ้านั่นไปสร้างภาพสุภาพบุรุษไว้ยังไง






    ตลอดยี่สิบเจ็ดปีมานี้เขาไม่เห็นว่าบุคลิกของฝาแฝดอีกคนจะขรึมแม้แต่เศษเสี้ยว จะว่าเป็นเพราะเขาพลาดช่วงสี่นาทีก่อนจะได้ลืมตาดูโลกที่อาจมีแง่มุมชีวิตของเบ็นที่เขาไม่รู้จักก็ไม่ใช่ ตอนนั้นฝาแฝดคนพี่ของเขาทำได้แค่หายใจกับแหกปากร้องไห้






    ตอนนี้เป็นเขาเสียเองที่อยากแหกปากสรรเสริญหมอนั่นให้สาแก่ใจ





    เวลาที่มีให้นึกคิดหมดลงเมื่อบาริสต้าส่งแก้วเอสเปรสโซ่ร้อนให้ เบนสั่งขนมเพิ่มนอกเหนือจากรายการที่ชาร์ล็อตต์บอกเพื่อเป็นการเอาใจ การลงทุนแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อคำนึงถึงผลลัพธ์ 





    --------------------





    สิบห้านาที...คือเวลาที่พวกเขาใช้ในการพูดคุยถึงเรื่องสัพเพเหระ ชาร์ล็อตต์เป็นฝ่ายซักถามเสียมาก ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างทรงผม (เธอชมว่ามันดูดี แต่คราวนี้เขาไม่นึกอยากเบ้ปากแล้ว) หรือรอยสักที่โผล่พ้นจากบริเวณแขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกพับทบถึงข้อศอก ไปจนถึงเรื่องที่ทำงาน กระทั่งงานอดิเรก ดูเธอสนใจเขาไม่น้อย – และเบน คาร์เดล ชอบอยู่แล้วที่มีคนมาสนใจเขา





    สถานการณ์ดูไปได้สวยจนน่าพอใจ ความสัมพันธ์มีวี่แววจะพัฒนา จนกระทั่งไม่กี่วินาทีต่อมา...เขาเห็นแววหายนะที่ทำให้สำลักจนกาแฟร้อนแก้วที่สองลวกคอ





    “ไม่มีอะไรครับ” เบนยิ้มหวาน ตอบคำถามที่สาวเจ้าถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าอย่างสุภาพ ก่อนหันเลี่ยงไปไอโขลกๆ นัยหนึ่งเป็นเพราะไม่อยากเสียมาด (กาแฟบ้าอะไรร้อนขนาดนี้วะ!) ส่วนนัยแฝงเป็นการถ่วงเวลาเพื่อหาทางรับมือ – ไอ้งี่เง่านั่นมายืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่หน้าเคาน์เตอร์ร้านกาแฟที่เดียวกันได้ยังไง ไม่ผิดแน่ ต่อให้เห็นแค่เงาเขาก็จำหมอนั่นได้





    ข้อได้เปรียบที่เขามีในตอนนี้คือโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ใกล้ประตู เขาอาจหาทางตะล่อมชาร์ล็อตต์อย่างไร้พิรุธให้ไปที่อื่นได้ ส่วนข้อเสียเปรียบคือตอนนี้เขานั่งหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ตรงๆ ถ้าหมอนั่นเลิกเสียสติเคาะเคาน์เตอร์ยิกๆ เร่งกาแฟอย่างไร้อารยธรรมแล้วเกิดอยากสนใจมองสิ่งแวดล้อมรอบข้างเมื่อไหร่ ท่าทางจะได้เปิดศึกครั้งที่นับไม่ได้แล้วว่าครั้งที่เท่าไหร่ (จำนวนครั้งการทะเลาะกันของฝาแฝดคาร์เดลมากมายเกินจะนับ)





    ประเมินสถานการณ์ตอนนี้ ต่อให้เบ็นเห็นแค่ข้างหลังแล้วจำไม่ได้ว่าเป็นชาร์ล็อตต์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการระรานกันเกิดขึ้น สำหรับทั้งเบ็นและเบน คาร์เดล พวกเขาตั้งกฎไว้ในใจอย่างเคร่งครัด: ถ้าคนไหนมีสาวมาสนเมื่อไหร่ ไม่ต้องลังเลใจที่จะขัดแข้งขัดขา





    เบนต่อบทสนทนากับหญิงสาวเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตจนเกินไป พลางลอบมองสถานการณ์ – วันนี้ดูท่าจะเป็นวันที่ทุกอย่างเข้าข้างเขาจริงๆ หมอนั่นกำลังคว้าแก้วกาแฟ อีกก้าวเดียวกำลังจะก้าวพ้นจากอาณาเขตร้าน ไอ้งั่งเบ็นสมองถั่วยังไงก็สมองถั่วอยู่วันยันค่ำ โชคดีที่หมอนั่นเป็นคนไม่ช่างสังเกต





    แต่ราวกับได้ยินเสียงเรียกในใจหรือนึกครึ้มอย่างไรก็ไม่ทราบ เบ็น คาร์เดลหันขวับมาทันที





    เขานึกอยากสบถในใจ รอยยิ้มค้างอยู่บนหน้า – ปกติเขาไม่เชื่อเรื่องสายใยฝาแฝดบ้าบออะไรนั่นหรอก ให้ยอมรับว่าเป็นแฝดทางพันธุกรรมแบบกล้ำกลืนก็ไม่นึกชอบใจแล้ว แต่คราวนี้เขาหาอะไรให้โทษไม่ได้ (แต่ยังไงเขาก็โทษเบ็นอยู่แล้ว หมอนั่นถูกตั้งเป็นค่าดีฟอลต์สำหรับความผิดพลาดทุกอย่างบนโลก นี่เขาจงใจทิ้งพอร์ตที่มีปัญหาไว้ให้ตามล้างตามเช็ดแล้ว แม่งทำไมยังหน้าด้านมีเวลามาซื้อกาแฟ เขาจะฟ้องว่ามันอู้งาน!) จึงอดโบ้ยไม่ได้ว่าโดนไอ้สิ่งนี้เล่นงานเข้าอย่างจัง





    ‘ไง ไอ้น้องชาย’ สายตาของเบ็นเหมือนจะสื่อความมาแบบนั้น ส่วนเขาพยายามส่งสายตากลับไปว่า ‘อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้บ้า’ แล้วไอ้ท่าทางคุกคามนั่นมันอะไรกัน – จะว่าไปนี่ฟังดูโง่ชะมัด เขากับเบ็นไม่ได้มีโทรจิตถึงกันจริงๆ สักหน่อย แต่ต่อให้มีไอ้งั่งนั่นก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่สิ อย่ามีเลย คิดแล้วโคตรน่าขนลุก





    “ฉัน...ทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่าคะ” เป็นเสียงของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่ดึงเขาออกจากภวังค์ 





    เบนกำลังจะอ้าปากตอบพร้อมรอยยิ้มการค้า นึกกังวลว่าเมื่อครู่เผลอทำหน้าตาน่ากลัวไปหรือเปล่า แต่มือ...ที่แทบจะเหมือนกับมือของเขาเป๊ะกลับวางอยู่บนไหล่ของชาร์ล็อตต์ จากนั้นเสียง...ที่แทบจะเป็นโทนเดียวกันจึงเปล่งออกมาเป็นประโยคที่เขาฟังแล้วขนลุก 





    “อย่าพูดแบบนั้นเลย น้องชายของผมทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่า”





    รู้ตัวอีกทีเบ็นก็โผล่มาหน้าตาเฉย – นี่คิดว่าเป็นพระเอก แล้วจะโยนบทตัวร้ายมาให้เขาหรือไง แล้วตอนเรียกเขาว่าน้องชาย ไม่กระดากปากบ้างเหรอ นี่เขาเป็นคนฟังยังแทบอยากกัดลิ้นตัวเอง 





    ชาร์ล็อตต์เลิกคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร หันมองเบ็นที หันมองเขาที ท่าทางงงงวยเหมือนจะลืมเรื่องใครทำให้ใครลำบากใจ หรืออะไรทำให้ใครลำบากใจไปเป็นปลิดทิ้ง รอบตัวมีแต่เสียงโต๊ะข้างๆ คุยกันกับเสียงเพลงในร้านกาแฟ เบนถึงกับได้ยินเรื่องเล่าถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ในแคลิฟอร์เนียชัดเจนเหมือนได้ไปมาเอง





    “เบ็น?” 





    “อ่าฮะ ไม่เห็นคุณบอกเลยว่าจะมาแถวนี้” หมอนั่นถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งฝั่งที่ว่างของโต๊ะ สนทนาโอภาปราศรัยเหมือนนั่งตรงนี้มาแล้วสี่สิบนาที ไอ้รอยยิ้มคนดีบนใบหน้าหมอนั่นมันอะไร “จะว่าไป ผมลืมบอกคุณไปเลยว่ามือถือผมเสีย”





    “ฉันนึกว่าคุณส่งข้อความมาเลื่อนนัดเป็นวันนี้เสียอีก” คุยกันเมื่อครู่ก็พอจับทางได้อยู่ว่าชาร์ล็อตต์เป็นคนช่างถาม จึงไม่แปลกที่เธอจะออกปาก เขาหันไปมองหน้าเบ็น นึกอยากรู้ว่าหมอนั่นจะแถให้สาวเจ้าเชื่อได้ยังไง สถานการณ์มาถึงขั้นนี้เขาก็แก้ตัวไม่ออก แต่มั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ทลายภาพพ่อพระของตัวเองด้วยการแฉน้องชายตัวเอง






    "อ้อ...." เบ็นลากเสียงยาว หันมาส่งสายตาคาดโทษให้ “น้องชายฝาแฝดผมก็แบบนี้แหละ ชอบหลอกอำคนเล่น ไม่นึกว่ามันจะเล่นพิเรนทร์ทำคุณตกใจ” 





    แม่งตอแหลสุดๆ นึกว่าตัวเองเป็นพระเอกหรือยังไง แล้วไม่ต้องเข้าถึงบทบาทจนถึงกับต้องมาโอบไหล่แบบนี้ได้ไหม บีบคอเขาให้หายใจไม่ออกยังรู้สึกอึดอัดกว่านี้ แต่เขาก็แอบสะใจ ตอนต้องออกเสียงคำว่าฝาแฝดหมอนั่นก็คงอึดอัดพอกัน





    เบนรู้สึกเหมือนเป็นอากาศธาตุ กลายเป็นคนวงนอกไปโดยปริยาย มองฉากการรียูเนี่ยนและท่าทางเป็นมิตรของพี่ชายฝาแฝดด้วยสายตาละเหี่ยใจ เหลือบมองชาร์ล็อตต์เห็นเธอยิ้มคุยกันท่าทางไปกันด้วยดีกับไอ้งั่งนี่ก็รู้สึกเสียดาย พ่วงด้วยความรู้สึกทำลายล้างภาพพจน์ไอ้พี่ชายคนดี 





    “โอ อย่างนั้นหรือคะ น้องชายคุณน่ารักนะ เขาตลกดี” 





    ฮ่า! เห็นไหมล่ะว่าชาร์ล็อตต์เห็นว่าเขาน่ารัก – เขายักคิ้วให้เบ็น หมอนั่นปากกระตุกอย่างขัดใจ เห็นแล้วรู้สึกดีพิลึก 





    “มันก็ตลกฝืดไปเรื่อยล่ะครับ บางทีก็ลามปาม” มือที่โอบไหล่เปลี่ยนมาแปะอยู่บนศีรษะ ทำทีเป็นลูบหัวลูบผมเอ็นดู ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นกับฝาแฝดคาร์เดลเมื่อไหร่โลกคงแตก ที่จริงแล้วฝ่ามือหนักพอกับฮิปโปของไอ้บ้านั่นกำลังจิกผมเขาชัดๆ กล้าดียังไงมาทำผมเสียทรงวะ! 





    สองคนนั้นคุยกันไปเรื่อย เบนฟังเบื่อๆ หาทางป่วนได้แค่นิดๆ หน่อยๆ จนถึงตอนที่ชาร์ล็อตต์ออกปากขึ้นมาว่า “พวกคุณเหมือนกันจนเหลือเชื่อเลย” ถึงได้สนใจฟังขึ้นมากกว่าเดิมว่าพี่ชายฝาแฝดจะสร้างภาพอะไรบ้าง หรือถล่มอะไรเขายับบ้าง แต่ก็สงบปากไว้ก่อน เพราะกำลังทำบางสิ่งที่ต้องใช้สมาธิ





    ตอนนั้นเบนกำลังเล็งหาช่องทางโจมตี เลื่อนเท้าไปหาตำแหน่งเหมาะๆ ใต้โต๊ะ หูก็ฟังเสียงเบ็นกำลังพล่ามเรื่องที่พวกเขาเป็นฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันเลย เฮ้! นั่นพูดเกินจริงเอาข้อดีใส่ตัวเองมากไปแล้ว รอให้เขาแก้แค้นเรื่องที่ทำผมเสียทรงได้ก่อนเถอะ 





    เขาลองกระทืบไปที แต่ก็ได้แค่เฉียดๆ 





    ห้านาทีต่อมา เบนหาโอกาสได้สามครั้ง โดนเป้าหายไปเสียสอง โดนสวนกลับแบบหวิดๆ ไปแค่ทีเดียว นับเป็นชัยชนะที่น่าพอใจ เขาหันไปยักคิ้วเยาะเย้ยเบ็นทีนึง แล้วก็ทันสังเกตว่าบางทีสาวผมบรูเน็ตคุยๆ อยู่ก็หยุดหัวเราะ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาสงสัยว่าเธอไม่สบายหรือเปล่าจึงลองออกปากถาม 





    ชาร์ล็อตต์เงียบไปแล้วยิ้ม แต่คราวนี้ความน่ารักไม่ปรากฏในยิ้มนั้นแล้ว เขาอาจรู้สึกไปเองก็ได้ว่ามันน่ากลัวชอบกล – เขากำลังจะชวนคุย แต่รู้ตัวอีกทีสาวเจ้าก็คว้าแก้วกาแฟสาดเข้าเต็มหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว ความโชคดีที่ยังพอมีคือกาแฟหายร้อนแล้ว หันไปทางซ้ายก็พบว่าเบ็นตกอยู่ในชะตากรรมแบบเดียวกัน พอเป็นดังนั้น เขาเลยรู้สึกแย่น้อยลงนิดหน่อย 





    สัญชาตญาณของเบนบ่งบอกว่ามีปัญหาบางอย่าง มานึกดูว่าถ้าจะมีอะไรบังเอิญไปทำให้สาวเจ้าขัดใจก็คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียว “เมื่อกี้นายสวนกลับมากี่ที”





    “สามไง โดนหมดเลยด้วย” เบ็นตอบหน้าตาเฉย คว้าผ้าเช็ดหน้าซับกาแฟด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ เขาอดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่พี่ชายฝาแฝด – ไอ้บ้าเอ๊ย! เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์มาเยาะเย้ย 





    “ไอ้งั่ง” เบนกลอกตา ฟังแบบนี้ก็รู้ในทันทีว่าสมมุติฐานของตัวเองถูกเผง “จะบอกให้หายโง่นะ ที่นายว่าสาม โดนฉันทีเดียว บ้าเอ๊ย! พาฉันซวยชัดๆ เลยแม่ง”







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in