ในกติกาฟุตบอลเมื่อลูกบอลออกข้างสนามฝ่ายที่ทำลูกฟุตบอลออกไปจะต้องให้อีกฝ่ายตรงข้ามได้ทุ่ม โดยเป็นกฎที่ทำตามกันมาไม่ต่ำกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว แต่การทุ่มนั้นกลับไม่ได้ถูกให้ความสำคัญ เพียงแค่เอาบอลเข้าสนามแบบผ่านๆไป ทุ่มเสียให้ฝั่งตรงข้ามบ้าง แต่เชื่อหรือไม่ว่าจากเวลาการเตะฟุตบอลทั้งหมด 90 นาที เราเสียเวลาไปกับการทุ่มบอลในสนามโดยเฉลี่ยถึง 7 นาที ถ้าเราเอามาทำให้เกิดประโยชน์ต่อเกมมากขึ้นจะเป็นอย่างไรบ้าง
ถ้าคุณได้ดูบอลช่วงฤดูกาล 2008/2009 สโต๊ค ซิตี้ ทีมช่างปั้นหม้อคว้ารองแชมป์เดอะแชมป์เปี้ยนชิปขึ้นมาสู่พรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่น่าแปลกใจถ้าคนส่วนใหญ่ในตอนนั้นมองว่าเป็นเต็งตกชั้น แต่กลับกลายเป็นว่าทีมของกุนซืออย่าง โทนี่ พูลลิส ซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จัก สร้างเซอร์ไพร์สด้วยการจบอันดับที่ 12 โดยใช้ยุทธการที่หลายคนเรียกว่า ‘ลูกทุ่มป่วนพรีเมียร์ลีก’ สำหรับ Football Manager The Series เราจะมาค้นหาคำตอบไปด้วยกันครับ
พูลลิสบอล
ก่อนไปอธิบายถึงเทคนิคการทุ่มของ สโต๊ค ซิตี้ เราต้องมาเรียนรู้สไตล์การเล่นของ โทนี่ พูลิสกันก่อน
สไตล์การเล่นของ สโต๊ค ภายใต้การคุมทีมของโทนี่ พูลิส นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน นึกภาพการเล่นบอลแบบอังกฤษโบราณที่มักจะเล่นบอล Direct ให้กองหน้าตัวสูงใหญ่โหม่ง แต่แถมด้วยการรับในแนวลึก และอยู่กันเป็นแผงไม่หลุดออกจากกัน นอกจากนี้ยังใช้ปีกที่มีความคล่องแคล่วเอาชนะคู่แข่งจากเกมริมเส้นเปิดให้กองหน้าโหม่งด้วยอีกทางหนึ่ง จะสังเกตได้ว่ากองหน้าของ สโต๊ค ซิตี้ ถึงมีแต่คนตัวสูงใหญ่อย่างเช่น ริคาโด้ ฟูลเลอร์ ที่มีความสูง 191 ซม. หรือ ปีเตอร์ เคร้าช์ ที่มีความสูง 201 ซม. เป็นต้น โดยมักจะมากับแผนการเล่น 4-4-2
เทคนิคการทุ่ม
สำหรับ รอรี่ ดีแลป นั้นเป็นนักเตะธรรมดาคนหนึ่งที่แทบไม่มีอะไรเป็นที่น่าจดจำ จึงทำให้เขากลายเป็นส่วนเกินของทีมซันเดอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ รอย คีน ระหกระเหินไปอยู่กับดาร์บี้ เคาน์ตี้ ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ในสมัยเยาวชน ดีแลป เป็นนักพุ่งแหลนมาก่อน จึงทำให้เขามีพลังกำลังในการออกแรงร่างกายส่วนบนมากกว่านักฟุตบอลทั่วไป ซึ่งพูลิสเห็นความสามารถตรงนี้จึงไม่รอช้าที่จะคว้าตัวเขามาร่วมทีมในปี 2006 ก่อนที่จะเป็นกำลังหลักในฤดูกาล 2007/2008
จากสถิติการทุ่มบอล เขาสามารถทุ่มลูกฟุตบอลไปได้ไกลถึง 38 เมตร (จากเส้นข้างไปถึงกลางสนามพอดี) และมีความเร็วถึง 60 กม./ชม. ซึ่งมีความแตกต่างจากการเปิดบอลธรรมดานั่นคือ หากเราใช้เท้าในการเปิดบอลลูกฟุตบอลจะพุ่งขึ้น แล้วย้อยลง ทำให้กองหลังฝ่ายตรงข้ามสามารถกะจังหวะในการสกัดดั้นออกไปได้ นอกจากนี้การออกบอลจากเท้ายังสามารถดักล้ำหน้าได้อีกด้วย แต่สำหรับลูกทุ่มนั้นเป็นการออกบอลในแนวราบ ทำให้ลูกฟุตบอลพุ่งเข้าสู่หัวเป้าหมายได้เลยในทันที นอกจากนี้การทุ่มยังไม่รวมอยู่ในกฎล้ำหน้าจึงทำให้นักเตะหลายคนสามารถยืนออในกรอบเขตโทษที่จุดใดก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงการยืนของกองหลังฝ่ายตรงข้าม จึงยากต่อการรับมือลูกทุ่มลักษณะแบบนี้ นี่เป็นฝันร้ายสำหรับแนวรับเลยทีเดียว ผู้รักษาประตูก็ออกมาตัดบอลยาก กองหลังก็กะจังหวะไม่ได้ แถมอาจจะเสียประตูจากลูกขลุกขลิกในกรอบเขตโทษได้ง่ายอีก โดยเทคนิคการทุ่มของ ดีแลป นั้นจะถอยตัวเองออกจากเส้นข้างประมาณ 2-3 ก้าว หากได้เล่นในสนามเหย้า ก็จะมีพื้นที่บริเวณข้างสนาม และมีผ้าเช็ดบอลให้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
ทุ่มอย่างไรใน Football Manager
จริงๆจะให้เหมือนเป๊ะนั่นก็เป็นเรื่องยาก แต่เท่าที่ศึกษาจากเว็บบอร์ดในต่างประเทศ เขาทำให้ได้ใกล้เคียงที่สุด สำหรับการทุ่มของดีแลป ผู้เล่นที่เหลือจะไปอยู่ในกรอบเขตโทษให้ได้มากที่สุด โดยในหน้า Set Up ผมเอาผู้เล่นไปอยู่ในกรอบเขตโทษถึง 6 คน แบ่งรายละเอียดปลีกย่อยเป็น ยืนบริเวณเสาใกล้ 1 คน, สุดเส้นเสาใกล้ 1 คน, เสาไกล 1 คน, บริเวณจุดโทษ 1 คน, ใช้นักเตะ 2 คนเคลื่อนที่ในกรอบเขตโทษแบบอิสระ เพื่อดึงความสนใจตัวประกบ และทิ้งหน้ากอรบเขตโทษ 1 คนไว้ยิงไกล ก่อนที่จะทิ้งผู้เล่นอีกสองคนไว้ป้องกันแนวหลังหากโดนเกมสวนกลับ (คำแนะนำจากผมก็คือ พยายามหาคนที่มีค่าพลัง Long Throws ตั้งแต่ 10 ขึ้นไป จะสามารถเริ่มหวังผลได้)
ก็จบไปแล้วสำหรับบทความนี้นะครับ ถ้าชอบก็อย่าลืมแชร์บทความนี้ต่อ หรือมาคอมเมนต์กันได้หากนำไปทำเองจริงๆ ก่อนจากกันก็ขอฝากเพจตัวเองไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ มีทั้งเนื้อหาไอดอล และเนื้อหาฟุตบอล ก็สามารถเข้าไปคุยกันได้นะครับ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in